บทที่ [3]
ฝึกซ้อม
''ศิษย์พี่หญิงเจ้าคะ ท่านอาจารย์ให้มาตามให้ท่านไปพบเจ้าค่ะ''
''ได้ ประเดี๋ยวข้าจะรีบออกไป''
ท่านอาจารย์เขาพึ่งกลับมาจากต่างเมืองไม่ใช่หรือ พอมาถึงกลับเรียกให้เข้าไปพบสังหรณ์ใจไม่ดีเลยจริงๆ เพราะนางก็มิรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อลูกกันนางก็มิได้สนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่แม่ของนางนั้นเสียไป ก่อนที่นางจะมาถึงก็มีพวกศิษย์น้องในสำนักและคนอื่นๆมาถึงก่อนหน้านี้นางก็โล่งใจนึกว่าเรียกนางมาพบแค่คนเดียว
''ท่านอาจารย์เรียกข้ามาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ''
''ใช่ เข้าเรื่องเลยแล้วกันพอดีมีเรื่องด่วนวันนี้ระหว่างทางที่ข้ากำลังกลับมา ข้าถูกกลุ่มชาวบ้านรั้งตัวข้าเอาไว้ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกข้าว่าในหมู่บ้านของพวกเขาไม่กี่วันมานี้พวกสัตว์เลี้ยงของพวกเขาหายตัวไปกลางดึก
หลังจากที่หาเจอก็พบเป็นศพเสียชีวิตแล้วสภาพศพนั้นประหลาดสยองขวัญยิ่งนัก คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกปีศาจ ในคราแรกข้าอยากให้เจ้าไปตรวจสอบเสียหน่อย แต่ข้าคิดว่าข้าจะไปเองดีกว่าเจ้าอยู่ที่นี่ฝึกซ้อมร่างกายให้ดี''
''ขอรับ/เจ้าค่ะท่านอาจารย์!''
จินไฮ่หมิงเป็นเจ้าสำนักและอาจารย์ในสำนักอักษรกระบี่ {คนในสำนักส่วนมากจะเรียกว่าท่านอาจารย์มากกว่าเจ้าสำนักเพราะที่นี่อยู่กันเป็นครอบครัว} และเป็นท่านพ่อของ จินเยว่ เขามองไปที่บุตรสาวก่อนที่จะเอ่ยเรียกนางเอาไว้
''ประเดี๋ยวก่อนจินเยว่...'' นางหันไปมองตามเสียงเรียก
''เจ้าทานข้าวหรือยัง'' จินไฮ่หมิงลอบมองไปยังบุตรสาวของตัวเอง ตั้งแต่ที่มารดาของจินเยว่ตายไปเขากับบุตรสาวก็เริ่มเหินห่างกันจนตอนนี้ มันเป็นความผิดเขาเองที่มิได้มีเวลาและใส่ใจนางให้มากกว่านี้
นี่คงจะเป็นการทานข้าวที่น่าอึดอัดที่สุดในชีวิตของนางแล้วกระมัง จินเยว่เอ่ยคิดในใจก่อนที่จะลอบมองไปยังจินไฮ่หมิงที่เขาก็นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างเงียบๆ
''ท่านอาจารย์จะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ''
จินเยว่นางพลางเอ่ยถามออกไปเพราะมิอยากให้บรรยากาศมันแสนจะอึดอัดไปมากกว่านี้ แต่นางถามออกไปเขาก็มิตอบนางเลยนี่สินางพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?!
''....''
จินไฮ่หมิงมองไปยังบุตรสาวก่อนที่จะเอ่ยตอบกลับไป
''ข้าก็มิแน่ใจนักต้องรอดูสถานการณ์เสียก่อน เพราะในตอนนี้มีสำนักอื่นๆลงไปช่วยเหลือก่อนอยู่แล้ว''
''อ่า...เป็นเช่นนั้น''
หลังจากนั้นทั้งสองก็มิได้เอ่ยอันใดออกมาอีกเลยจนทั้งสองทานข้าวเสร็จ หญิงสาวเลยขอตัวกลับเรือน
จินไฮ่หมิงมองตามคนที่ออกไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง นางไม่เคยเรียกเขาว่าท่านพ่อเลยตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้...
เรือนจินเยว่
หญิงสาวเดินเข้ามาในเรือนของตนก่อนที่จะปิดประตูลง
''อึดอัดเหลือเกินเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ได้พบเขาแฮะ''
ก่อนที่นางจะเตรียมตัวอาบน้ำและเข้านอนทันที แค่ย้อนเวลามาอยู่ที่นี่แป๊บเดียว นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว...จะทำเช่นไรให้หลิวหยางมิฆ่าข้าและทำลายสำนักแห่งนี้กันนะ เหลือเวลาอีกห้าปี...
''อาา...ข้าจะต้องไปผูกมิตรและดูแลเขาให้ดีอย่างน้อยๆเขาก็เห็นว่าข้าเป็นแม่เขาอ่ะนะ!'' ก่อนที่นางจะค่อยๆผล็อยหลับไป
เช้าวันต่อมา
จินเยว่ตื่นเช้าเพื่อที่จะออกไปฝึกซ้อมร่างกาย เผื่อมีเรื่องอะไรด่วนเข้ามานางตายแน่ๆหากไม่ฝึกซ้อมและเตรียมตัวเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวเดินมาถึงสนามฝึกซ้อมก็พบเข้ากับหลิวหยาง ? เหตุใดเขาถึงมาซ้อมแต่เช้าเช่นนี้ก่อนที่นางจะเดินตรงเข้ามาหาเขา
''หลิวหยาง''
หลิวหยางได้ยินเสียเรียกจึงได้หันหน้าไปก็พบเข้ากับหญิงสาวที่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม
''พี่หญิง..?!''
''เจ้ากำลังทำอะไร ฝึกซ้อมอยู่เช่นนั้นหรือ?'' จินเยว่มองตรงไปที่หลิวหยางด้วยรอยยิ้ม จนเขาเผลอจ้องมองรอยยิ้มนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว
''หลิวหยาง...'' เสียงเอ่ยทักของหญิงสาวเอ่ยเรียกขึ้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วรีบตอบกลับไป
''ชะ..ใช่ขอรับ''
''เช่นนั้นข้าฝึกซ้อมด้วยคนสิ ข้าก็มิได้มาฝึกซ้อมนานแล้ว'' ก่อนที่จินเยว่จะหยิบกระบี่ที่ติดตัวเอาออกมาก่อนที่จะทำการฝึกกระบวนท่าลับที่มีแต่ศิษย์ในสำนักเท่านั้นที่จะได้เล่าเรียน หญิงสาวได้ทำการฝึกไปจนมิรู้ตัวว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมองมาที่นางอย่างไม่ละสายตา
''อ่า...'' หลังจากจบสิบกระบวนท่าจินเยว่ก็ได้หันมองมองหลิวหยางก่อนที่เขาจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของนางอย่างเลิ่กลัก จินเยว่นางเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา
''ให้ข้าสอนเจ้าหรือไม่?'' จินเยว่พลางเอ่ยถามออกไปก่อนที่หลิวหยางจะพยักหน้า
นางค่อยๆเดินเข้าไปประกบตัวของเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะจัดกระบวนท่าให้อย่างถูกต้อง โดยมิทันสังเกตว่าทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก
''เจ้าลองทำดูสิ''
''ขอรับ!''
หลิวหยางตั้งใจฝึกซ้อมตามที่หญิงสาวเอ่ยบอกแม้ว่าเขานั้นจะจำกระบวนท่าทั้งหมดได้แล้ว แต่เขาอยากให้นางสอนเขา
''พี่หญิงข้าทำถูกต้องหรือไม่ขอรับ?'' หลิวหยางพลางทำหน้าอดอ้อนอยากให้หญิงสาวนั้นได้เอ่ยชมเขาออกมาสักครั้ง ก่อนที่นางจะเห็นเช่นนั้นก็อมยิ้มออกมา
''เก่งมาก หลิวหยางเจ้าเก่งมากๆเลย'' นางนำมือมาลูบหัวของคนตัวสูงเบาๆอย่างเอ็นดู