บทที่ 7 แม่เป็นเช่นไร ลูกเป็นเช่นนั้น

1555 Words
บทที่ 7 แม่เป็นเช่นไร ลูกเป็นเช่นนั้น เสิ่นลี่อิงพาเปาหลงไปอาบน้ำ และบอกให้เขารออยู่ที่บ้านก่อน เพราะนางนำเสื้อยืดของนางจากในมิติมาให้เขาใส่แทนชุดที่เลอะอุจจาระตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จึงคิดจะไปขอเสื้อผ้าชุดเดิมของลู่เว่ยมาให้เปาหลงยืมใส่เสียก่อน “ข้าจะไปยืมเสื้อผ้ามาให้เจ้าใส่ ชุดเช่นนี้ใส่ออกไปข้างนอกไม่ได้รู้หรือไม่” “ขอรับ พี่สาวอย่าทิ้งเปาเปาไปนะ” “ไม่ทิ้งอยู่แล้ว พี่สาวสัญญา” นางยื่นนิ้วก้อยออกไปตรงหน้า เปาเปาน้อยขมวดคิ้วไม่เข้าใจการกระทำของนางแต่ก็ยื่นนิ้วก้อยออกมาตามแบบที่เสิ่นลี่อิงทำ “ทำเช่นนี้เรียกว่าเกี่ยวก้อยสัญญา ข้าให้คำมั่นว่าจะไม่ทิ้งเจ้าไป” เสิ่นลี่อิงเกี่ยวนิ้วเล็กๆ เข้ามา จากนั้นก็รีบไปขอเสื้อผ้าที่บ้านของจินเหมยทันที . . . “พี่จิน! อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางตะโกนเรียกอีกฝ่ายออกไป “ว่าอย่างไร ข้ากำลังจะออกไปชวนเจ้าไปขึ้นเขาพอดี” “ข้าเพียงจะมาขอยืมเสื้อผ้าเก่าๆ ของลู่เว่ย พอจะมีบ้างหรือไม่ เมื่อคืนมีเด็กหลงมาที่บ้านของข้า คงต้องดูแลกันไปก่อน …” ลี่อิงเล่าออกไปให้อีกฝ่ายฟังบางส่วน รายละเอียดสำคัญอย่างแท้จริงไม่ได้กล่าวออกไปแม้เพียงครึ่งคำ “ได้ๆ รอเดี๋ยวน่าจะมีสักสองชุด เด็กกี่หนาวแล้วเล่า ดูออกหรือไม่” “ไม่เกินสามหนาวเท่านั้น” ไม่นานนักอาภรณ์สีซีดก็มาอยู่ในมือนาง ลี่อิงขอบคุณจินเหมยอยู่หลายครา ก่อนจะถามวิธีการเข้าไปซื้อของในเมือง จึงได้รู้ว่าเมื่อคืนจินเหมยปรึกษากับสามีจะให้นางหยิบยืมเงินไปก่อน ไว้ตั้งตัวเลี้ยงตัวได้ค่อยนำมาคืน แต่หากนางคิดจะเข้าเมืองเองเช่นนี้ คพอมีเงิน จินเหมยก็พูดออกมาตามตรงว่านางโล่งใจ คุยกันเสร็จสรรพก็ได้เวลาแยกย้าย จินเหมยต้องเข้าป่า ส่วนนางก็ต้องพาเปาหลงน้อยเข้าเมืองไปพร้อมกัน โชคดีที่ตาเซียนนั่นช่วยบังตา ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงต้องไปขุดมันล่าสัตว์กินในป่า “เปาเปา ข้ากลับมาแล้ว มาเปลี่ยนชุดเร็วเข้า” สิ้นเสียงของนาง เปาหลงก็วิ่งออกมารับนางหน้าประตู เสิ่นลี่อิงจับเด็กน้อยเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว นางเองก็ตรวจสอบความเรียบร้อยของตนเองเช่นกัน ลี่อิงอุ้มเด็กน้อยเปาเปาเดินออกไปหน้าหมู่บ้านตามคำบอกของจินเหมย “เดี๋ยวเราไปนั่งเทียมวัวของลุงไฉ่เข้าเมืองกัน นอกจากไปซื้อของ เจ้าต้องช่วยข้าคิดด้วยนะว่าเราสองคนจะหาเงินกันอย่างไร” “หาเงินทำไย(อะไร) ป้อ(พ่อ)เปาเปาเงินเยอะ ขอพ่อ” เสียงอู้อี้ในอ้อมแขนพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจจนเสิ่นลี่อิงแอบรู้สึกหมั่นเขี้ยวเล็กน้อย แหม..ฮีโร่ของลูกชาย รักและภูมิใจเหลือเกินน้า “หากอยากเก่งแล้วกลับไปหาท่านพ่อ ต้องหาเงินมากๆ หากใครถามถึงพ่อให้บอกว่าโตแล้วจะไปตามหา ห้ามบอกชื่อพ่อกับใคร เข้าใจหรือไม่” “ได้ เปาเปาเชื่อพี่สาว พี่สาวใจดี” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก มองสองข้างทางด้วยสายตาเป็นประกาย คอยถามให้นางอธิบายอยู่เรื่อยไป เสิ่นลี่อิงคิดทบทวนเกี่ยวกับของที่มีอยู่เป็นทุนเดิม นางรู้ว่าเงินสามพันตำลึงทองที่นางมีความจริงก็ถือว่าเป็นเศรษฐีย่อมๆ ผู้หนึ่งแล้ว แต่นางจะประมาทไม่ได้ศัตรูของนางคือผู้มีอำนาจทั้งสิ้น การอยู่รอดจำเป็นต้องใช้เม็ดเงิน และหากพึ่งพาแต่ของในมิติสักวันย่อมมีคนสงสัย แล้วก็มีเจ้าเด็กนี่ด้วยอีกคนที่ต้องส่งเรียน ยังไงก็เป็นอ๋องน้อยจะปล่อยเลยตามเลยคงไม่ได้ “เทียมวัวๆ” เปาหลงชี้ไปยังวัวเทียมเกวียนที่จอดรอรับผู้คนจากหน้าหมู่บ้านหยางไปยังตัวเมืองเจียวจู่ “เก่งมาเปาเปา ถูกต้องแล้ว” “ไม่เคยนั่ง ตื่นเต้น” เปาเปาดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนนาง เสิ่นลี่อิงจึงปล่อยให้เด็กน้อยลงเข้าวิ่งไปยังเทียมวัวนั้นทันที ส่วนตัวนางเมื่อปล่อยเด็กน้อยลงแล้ว ก็พึ่งรู้สึกปวดแขนขึ้นมา นางลืมว่าร่างนี้ไม่ใช่ร่างเก่าของนาง ความแข็งแรงย่อมไม่เท่ากัน อุ้มเด็กหนักประมาณยี่สิบกว่าจินเดินไกลๆ เช่นนี้ ร่างกายย่อมต้องรู้สึกเมื่อยล้า “นั่นแม่นางลี่อิงที่มาอาศัยท้ายหมู่บ้านใช่หรือไม่ มีน้องชายด้วยหรือ” เสียงลุงไฉ่ร้องทักออกมาอย่างเป็นมิตรทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย นึกไปว่าจะต้องมาแนะนำตัวเองเสียอีก “เจ้าค่ะ พี่จินเหมยบอกข้าว่าหากจะเข้าเมืองต้องมานั่งเกวียนเทียมวัวของลุงไฉ่ค่ารถเท่าไรเจ้าคะ” นางยิ้มแย้มตอบ ลี่อิงเร่งสาวเท้าให้ทันเปาเปาน้อยที่วิ่งไปเรียกความเอ็นดูจากป้าๆ บนเกวียนนั้นเสียแล้ว “ขึ้นมาๆ ค่อยจ่ายตอนลง ค่ารถผู้ใหญ่สองอีแปะ ถ้าเด็กนั่งตักไม่คิดเงิน” “ข้าขอจ่ายก่อนขึ้นแล้วกันเจ้าค่ะ ข้ามีเด็กเล็กมาด้วย จะได้ตัดปัญหาตอนลง” นางหยิบเงินจ่ายไปสองอีแปะ จากนั้นก็ไปอุ้มเปาเปาขึ้นรถมานั่งบนตักตน “น้องชายเจ้าน่ารักยิ่งนัก ตัวเท่านี้ช่างพูดเสียจริง” คุณป้าท่านหนึ่งกล่าวชมออกมา นางทำเพียงยิ้มรับตอบถามตอบตามมารยาท รอไม่นานเกวียนนี้ก็เริ่มออกเดินทาง เวลาเพียงสองเค่อเทียมวัวนี้ก็พานางมาถึงเมืองเจียวจู่ นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมืองแห่งนี้แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ความคึกคักไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวงในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเดิมเลยทีเดียว เรื่องหาเงินคงไม่ต้องห่วงแล้ว เมืองครึกครื้นเช่นนี้แปลว่าเงินหมุนเวียนต้องมากตาม ลุงไฉ่จอดเกวียนไว้และบอกให้นางกลับมาขึ้นที่จุดเดิมเพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน กลุ่มป้าๆ ที่มาพร้อมกันจะชวนนางให้ไปด้วยกันแต่นางปฏิเสธอ้างว่าเพราะมากับเปาเปากลัวจะทำให้ทุกคนทำธุระล่าช้า ในขณะที่นางกำลังจูงเปาเปาออกมา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้นางต้องตั้งใจฟัง “นั่นน้องชายจริงหรือ ที่อ้างว่าจำตนเองไม่ได้ ความจริงนางอาจจะท้องแล้วไม่มีคนรับจึงโดนที่บ้านตัดขาด ต้องหนีมาก็ได้” เอ้า!? อีป้านี่ สาระแนละ “พูดว่าอะไรนะ?!” นางหันขวับกลับไปทันทีที่นางพูดจบ “ตายแล้ว!! เจ้าได้ยินด้วยหรือนี่” หนึ่งในกลุ่มป้าๆ เอ่ยออกมาอย่างตกใจ “ได้ยินสิ ข้าไม่ได้หูหนวก” “ข้าแค่สงสัย สงสัยไม่ได้หรือ พ่อสามีข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน สิ่งใดเกิดขึ้นในหมู่บ้านข้าย่อมต้องช่วยตรวจสอบ” นิสัยแบบนี้นี่มัน แม่ไอ้ฉินเปาแน่ๆ “อ๋อ แม่ของหยางฉินเปาสินะ ตัวข้านี้เกรงว่าจะออกจากบ้านไม่ดูฤกษ์ยามอีกเสียแล้ว เห้อ” นางส่ายหน้าเอือมระอามีมารดาเช่นนี้ ก็ย่อมมีบุตรเช่นเดียวกัน เสิ่นลี่อิงเตรียมจะด่าต่อ แต่ไม่ทันคำพูดของเปาหลงน้อยที่แทรกมาเสียก่อน “ท่านแม่อยู่บนฟ้า พี่สาวไม่ใช่ท่านแม่” เปาเปาไม่พูดเปล่าน้ำตาของเด็กน้อยดังว่าสั่งได้ หยาดน้ำใสไหลพรากๆ เรียกสายตาคนทั้งตลาดให้หันมอง เห็นทีลี่อิงคงไม่ต้องเปลืองแรงเป่าฝุ่นก็จัดการกับคนตรงหน้าเองแล้ว “คำพูดคำจาใจดำจริงๆ” “ตายแล้ว ทำเด็กร้องได้อย่างไร” “ใจร้าย” เสียงชาวบ้านในตลาดก่นด่าแม่ของฉินเปาจนท่านป้าอีกสองคนในกลุ่มถึงกับหน้าเสียต้องขยับตัวเข้ามาหานางเพื่อขอโทษ “พวกข้าขอโทษแทนผู่จานด้วย บางครั้งนางก็เป็นเช่นนี้อย่างถือสาเลย” แต่แม่ของฉินเปาก็ยังยืนเชิ่ดหน้าไม่สนสิ่งใด “ป้าไม่ได้เป็นคนว่าข้า ไม่จำเป็นต้องขอโทษแทน ข้าย่อมแยกแยะได้” นางไม่ถือสาป้าทั้งสองเลยจริงๆ เพราะในคราแรกพวกนางก็ทักทายและคุยกับเปาหลงอย่างเป็นมิตร “เจ้าก็ใจเย็นๆ พวกข้าจะคุยกับนางเอง” “ช่างเถิด ไม่จำเป็นต้องคุย ข้ามีธุระมากนัก ไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับนางเช่นนี้ ข้าคงต้องขอตัวก่อน” นางปลีกตัวออกมาและต้องอุ้มปลอบเปาเปาที่ใจเสียเรื่องแม่จนร้องไห้ไม่หยุดไปด้วย หากมิใช่ว่านางไม่ว่างมีเรื่อง อย่าหวังว่านางจะยอมง่ายเช่นนี้เลย อย่าให้มันมากนักนะ พวกแม่ลูกมหาภัย หึ่ยยย!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD