4-2 *******แผนการของอาเป้ย

1873 Words
ปีศาจหลายตนมีนิสัยใจเร็วด่วนได้ จึงรีบไปตามหาหยกพันปีบนเกาะแห่งนี้ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเรื่องสูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ปีศาจต่อสู้กับเทพไป ไม่เคยรู้แพ้รู้ชนะ อย่างมากก็เสมอตัว สู้แยกย้ายกันไปตามหาสมบัติล้ำค่าคงดีเสียกว่า “จะซ่อนหินต้องซ่อนไว้ในหิน” “เหนือเขายังมีเขา เหนือฟ้ายังมีฟ้า” ****,******“เริ่มต้นดี ลงท้ายก็จะดี” *********แต่ละถ้อยคำของอาเป้ยนั้นเต็มไปด้วยคารมคมคาย บาดใจเหล่าอสูรยิ่งนัก แต่นางเพียงพูดไปอย่างไร้แก่นสาร ไม่มีสาระใด ๆ ทั้งสิ้น นางตามไปให้ความช่วยเหลืออสูรด้วยการชี้ไปคนละทาง เหล่าอสูรพวกนี้ไม่มีสมองหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ทันเล่ห์กลนาง จะมีพยัคฆาอัคคีที่ฉลาดกว่าตัวอื่นเสียหน่อย แต่ก็ยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของนางอยู่ดี เทือกเขาแห่งทิศอุดรกว้างใหญ่ไพศาล นางเหาะเหินเดินอากาศ ใช้วิชาตัวเบาผลัดวิ่งไปกับเทพแห่งสายน้ำทั้งสอง ส่วนบ่าวงูยังคอยเก็บเรือนเทพอู่เฉินให้สะอาด นางไม่ได้ใช้กำลังเกินตัวมากไป หยุดแวะแหล่งน้ำแห่งหนึ่ง เอามือกวักดูว่ามันปลอดภัยหรือไม่ ก่อนจะดื่มมันด้วยการกรีดปลายนิ้วรินใส่ใบไม้สีเขียวเสียก่อน อย่างน้อยนางก็พยายามจะปฏิบัติตนเยี่ยงสตรี เมื่อนางได้เป็นสตรีสมใจนางแล้ว ส่วนเรื่องระยะห่างของบุรุษ นางก็ยังระมัดระวังไม่ให้เข้าใกล้นางเกินสามย่างก้าวตามคำสั่งของท่านอาจารย์ “เจ้าฉลาดรอบคอบ สง่างามสมเป็นนักปราชญ์ถึงจะเป็นข้ารับใช้ ข้าไม่อยากจะเชื่อหากไม่พบแม่นางด้วยสองตาตนเอง” เทพเฟยหลิงยังคงจับจ้องใบหน้างามหมดจดด้วยนัยน์ตาเปล่งประกายสีมรกต ดวงตาอันเป็นสัญลักษณ์ของเทพแห่งสายน้ำ ไล่สายตามองผิวขาวลออผ่องบนหลังมือ บนลำคอเพรียวระหงดูงามสง่า ในเมื่อเมืองฟ้านี้มีสตรีมากมายให้ชื่นชมเสียเมื่อไร ร่างบอบบางของนางช่างน่าทะนุถนอม เอวคอดเล็กคาดด้วยเชือกในชุดสีดำ ถักทอด้วยลวดลายของอสรพิษซึ่งมีเท้าทั้งสี่และกรงเล็บเช่นเทพมังกร ปิ่นปักผมลวดลายดอกไม้ ตรงกลางเป็นมุกสีดำสนิท ของหายากจากทะเลลึกแห่งทิศอุดร น่าเสียดายยิ่งนัก... ทุกอย่างบนเรือนร่างงามของสตรีตรงหน้า เป็นสมบัติของเทพอู่เฉิน “ท่านคงต้องเชื่อ ข้าเป็นข้ารับใช้ท่านอาจารย์ นักพรตผู้ทรงศีล แต่ข้าทำงานด้วยศักดิ์ศรี อาจารย์ฮุ่ยหมิงไม่อนุญาตให้ข้าก้มหัวให้ผู้ใด ท่านกำชับนักหนาเรื่องการทำงานตรงไปตรงมา” “ข้าเห็นด้วยกับเจ้า เจ้าพูดจาฉะฉาน คารมคมคาย” เทพฟางหรง **เอ่ยปากชมตามเทพแห่งสายน้ำผู้พี่ โดยไม่ละวางตาไปจากใบหน้านิ่งเฉย ริมฝีปากคู่งามเคลือบสีชมพูแดงปานกลีบดอกไม้แรกแย้มบาน อาเป้ยไม่ต่างจากสตรีเทพ แม้นางจะมีตราลักษณะคล้ายงูไฟตรงกลางหน้าผาก อันบ่งบอกว่านางเป็นสมบัติของเทพปีศาจงู มีอยู่ผู้เดียวในเทวโลก “ท่านเชยชมข้ามากไป” อาเป้ยยกมือคารวะอย่างถ่อมตน บ่ายเบี่ยงคำเยินยอนั้น นางยืนอยู่ระหว่างกลางบุรุษเทพรูปงามทั้งสอง ซึ่งเอาแต่จ้องนางไม่เลิก นางรู้ตัวจึงเว้นระยะห่างพอสมควรและค่อนข้างระวังตัว เป็นเรื่องบังเอิญนัก หางตานางดันเหลือบมองไปบนผิวน้ำ เงาของเทพฟางหรงบดบังแสงอาทิตย์อยู่ สะท้อนลงน้ำปรากฏเป็นรูปทรงประหลาด คล้ายว่าจะเป็นหินใต้น้ำจึงเห็นเป็นเช่นนั้น นางขมวดคิ้วเขาหากัน ก้าวเข้าไปใกล้ ๆ สายน้ำสีมรกต “มีอะไรหรือ? แม่นาง...” “ข้าว่าเงาบนผืนน้ำนี้มองดูคล้ายจะเป็นรูปบ้าน... แต่มิน่าจะใช่บ้านของเทพอู่เฉิน” “เหมือนเรือนของท่านพ่อข้า มีต้นไม้ไม่มากแต่เต็มไปด้วยสระบัว ล้อมรอบนั้น” “เป็นจริงด้วยท่านพี่ พิกลนัก แม่น้ำสายนี้ไม่น่าจะมีหินที่ประกอบกันได้เป็นรูปร่างเรือนของท่านพ่อไปได้ มันเรียงตัวกันอย่างพอดีเสียจริง” เปรี้ยง! สายอัสสุนีบาตรดังไปทั่วฟ้า ดังว่าฟ้าฝนกริ้วแต่จะตกเป็นหยดหย่อมก็ยังไม่มีแม้แต่หยดเดียว ต่างคนรีบก้าวถอยจากกัน หลังจากที่หน้าผากนั้นแทบจะชนกันเพราะเฝ้ามองเงาในแหล่งน้ำ อาเป้ยเงยหน้าขึ้นมองฟ้า “ท้องฟ้าแปรปรวนยังกับว่ามิใช่เทวโลกยังไงยังงั้น ข้าว่าเรารีบกลับกันดีกว่า” ผ่านไปสามราตรีกาลไม่มีอะไรคืบหน้า ปีศาจนับสิบตนยังพยายามตามหาเทพอู่เฉินในเรือนแต่ไม่พบท่านตามที่นางว่า ทางด้านฝั่งเทพเลิกต่อต้านอสูรปีศาจ ปล่อยให้เดินไปเดินมาตามใจ ระหว่างรอก็ชักชวนกันฆ่าเวลา นั่งฝึกปัญญาด้วยหมากเซี่ยงฉี เหล่าเทพผู้น้อยช่วยกันซ่อมแซมพื้นเรือนด้านหน้าให้กลับมาสวยสะอาดเรียบร้อยดังเดิม “หวังว่าเจ้าจะไม่โป้ปดพวกข้า มิฉะนั้นเจ้าจะถูกลงโทษสถานหนักทีเดียว” “ท่านรอถามเทพอู่เฉินด้วยตัวท่านเองก็แล้วกัน ท่านซื่อหยูอี้ ท่านเซียวอี้หรู ข้าหน่ายจะอธิบายความให้ท่านฟัง เพราะว่าท่านไม่เคยจะฟัง” อาเป้ยกำลังวัดฝีมือกับเทพแห่งสายน้ำ บนโต๊ะหินใต้ต้นไม้สูงใหญ่ ลมพัดเย็นสบาย นางคีบหมากเฉีย มุ่งไปดักโจมตีถึงในบ้านของอีกฝ่าย ทว่านางคงไม่ชำนาญงาน จึงไม่ได้ดูเลยว่ามีองครักษ์คอยป้องกันอยู่ "เก็บพลังเวทไว้ใช้ยามจำเป็น กำชัยชนะโดยไม่ต้องออกรบ เจ้าเฉลียวฉลาดนัก อาเป้ย” เทพแห่งสายน้ำเอ่ยคำชื่นชมนาง จากเคยว่านางเป็นสตรีควรนิ่งเงียบเสียก็เปลี่ยนความคิดใหม่ บนโลกของทวยเทพ เทพสตรีออกเรือนแล้วยังต้องเชื่อฟังสามี เช่นเดียวกับมนุษย์ ในขณะที่บุรุษเทพยอมโอนอ่อนให้ภรรยาบ้างเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ ต่างฝ่ายให้เกียรติกัน ครองคู่กันไปตลอดจนกว่ากายเทพจะแตกสลาย “สมกับที่เป็นศิษย์นักพรตฮุ่ยหมิง ข้าเคยได้ยินจากท่านพ่อว่าเซียนผู้นั้นเก่งฉกาจ เดิมทีเป็นนักพรตผู้บำเพ็ญเพียร อุตสาหพยายามอย่างยากยิ่ง จนได้เป็นเซียน มีพละกำลังเยี่ยงเทพ จึงเรียกว่าเป็นเทพเซียน” บุรุษเทพรูปงามพูดไปเล่นไปอย่างคล่องแคล่ว ตรงข้ามกับอาเป้ย นางขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง คิดแล้วคิดอีกกว่าจะเดินหมากแต่ละตาได้ กระทั่งถึงตาสุดท้าย นางถูกโจมตีย่อยยับไม่มีเหลือ แม้แต่เบี้ยก็ถูกสังหารเรียบ นางจะไปเก่งหมากรุกได้อย่างไรเล่า! นอกจากงานดูแลนักพรต หาเวลาฝึกวิทยายุทธ ทำการบ้านส่งอาจารย์ฮุ่ยหมิงให้ครบถ้วนด้วยเวลาที่จำกัดในชีวิตของนางก็ว่ายากเย็นแสนเข็ญแล้ว อาเป้ยยกมือขึ้น ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม เคารพท่านเทพแห่งสายน้ำคนพี่ “ข้าแพ้ราบคาบไม่มีเหลือแม้เบี้ยสักตัวบนกระดาน หมากกระดานหน้า ข้าเดินผิดถูกตรงไหนอย่างไร รบกวนท่านให้คำชี้แนะข้าด้วย เทพเฟยหลิง **” ศึกประลองสมองควรเป็นเรื่องชำนาญงานของนักปราชญ์ ผู้เฉลียวฉลาดเช่นนาง แต่พูดไปใครจะเชื่อ นางแพ้ราบคาบ! เหล่าปีศาจและอสูรเริ่มเหน็ดเหนื่อยกับการตามหาหยกพันปี ด้วยความที่เกาะเทพในฝั่งทิศอุดรนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล ในป่าทึบมีต้นไม้ใบหญ้ามากมาย แม่น้ำสีมรกตยาวสุดลูกหูลูกตา เทือกเขาทอดยาวเชื่อมต่อไปถึงทิศประจิม ฝั่งยักษาอสูรวิ่งไปทั่วพื้นหญ้า พื้นหิน พื้นทราย ตามหาในแหล่งหนองน้ำก็หาได้พบไม่ หลายตนถือวิสาสะเข้ามาในเรือนโดยมีสองพี่น้องบ่าวงูคอยตามเก็บกวาดให้สะอาดเรียบร้อยดังเดิม ของวิเศษชิ้นอื่นนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้อง ทางฝั่งปีศาจได้รับการให้เกียรติเป็นแขกจึงมีศักดิ์ศรีพอสมควร โดยเฉพาะพยัคฆาอัคคีเป็นสัตว์อสูรในตำนาน อีกหนึ่งราตรีกาลผ่านพ้นไป ปีศาจต่างอ่อนล้าเหนื่อยแรงจึงกลับมาที่เรือนเทพอู่เฉินอีกครั้ง “เจ้า... หลอกข้า หยกพันปีไม่ได้อยู่บนเกาะแห่งนี้” “พวกท่านมากันเอง ทึกทักกันเอาเอง ท่านหาของไม่พบเองจะมากล่าวหาว่าข้าไปหลอกอะไรท่าน ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ผู้ใดบอกท่านว่ามันอยู่กับท่านอู่เฉิน หากข้าเป็นเจ้าสวรรค์ ข้าจะไม่ปล่อยให้ของสำคัญเท่านี้อยู่ในมือครึ่งเทพ” อาเป้ยยังคงใจเย็นแม้ต่างฝ่ายตั้งท่าเตรียมต่อสู้ นางรินชาใส่ถ้วยใบเล็ก ยกขึ้นจิบโดยไม่ใช้เวทเซียนแต่ทำทุกอย่างด้วยสองมือ ถึงแม้ว่าเพลิงโทสะล้อมรอบกายพยัคฆาอัคคี ด้วยความเกลียดชังเคียดแค้น สงครามกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า “แม่เฒ่าไม่มีทางโกหกพวกข้า หยกพันปีจะต้องอยู่ที่เรือนท่านอู่เฉิน” “ท่านเคยได้ยินไหมว่า ‘เลือดข้นกว่าน้ำ’ เกิดวันใดเทพอู่เฉินส่งมันให้กับนางเฟยอี๋ ท่านไม่คิดหรือว่าภัยพิบัติจะมาเยือนสวรรค์ชั้นน้ำ อาจลุกลามไปถึงอีกสองชั้นก็เป็นได้ หากเป็นข้า คงเลือกเก็บไว้เบื้องบน ในสถานที่ปลอดภัยกว่าไว้กับเทพอู่เฉิน ข้าว่า... พวกท่านมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ” “นี่เจ้า! จงใจหลอกพวกข้าอย่างนั้นรึ” เหล่าปีศาจแสนโง่เขลาเบาปัญญา ตั้งท่าต่อสู้อย่างสุดกำลังเมื่อโทสะเข้าครอบงำ ยิ่งพยัคฆาอัคคีดันถูกนางหลอกเข้าเสียแล้ว ร่างพยัคฆ์ลุกเป็นไฟโชติช่วง ส่งเสียงคำรามลั่น ทั่วทั้งท้องฟ้าเกิดอสุนีบาต แสงเสียงดังสะท้านไปทั่วก่อนกระโจนกายเข้าหานาง อาเป้ยตกเป็นผู้กระทำความผิดอย่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นางกระโดดหลบสายฟ้าลูกใหญ่จากพยัคฆ์และคมกระบี่จากยักษาสองตน โต๊ะชากระเด็นกระดอน ถ้วยชาลายดอกเหมยของนางแตกกระจาย นางถีบทะยานขึ้นฟ้าพร้อมเทพแห่งสายน้ำ ซึ่งวาดวงเวทสร้างตาข่ายจับกุมสัตว์อสูร ศัตรูกำลังคลุ้มคลั่งเพราะถูกนางยั่วยุ จึงไม่ทันโจมตีนางด้วยกรงเล็บทั้งสี่ ขาของสัตว์อสูรถูกตรึงด้วยเวทสีเขียวอานุภาพร้ายแรง ธาตุน้ำดับธาตุไฟ บุตรชายของใต้เท้าจีกงทั้งสองเทพมีพลังมหาศาล ยักษาอีกสี่ตนจะเข้าช่วยก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังถูกมัดรวมกันไว้ด้วยเวทสีเหลืองทองอร่าม อักขระโบราณของสำนักวัดเทียนหลง เหล่าปีศาจไม่สามารถต่อกรกับเทพในเวลานี้ ยังมีเซียนปราชญ์อีกหนึ่งคน ตัดกำลังให้เหน็ดเหนื่อยเสียก่อน จึงยอมจำนนรับความพ่ายแพ้ ถูกจับกุมตัว มัดรวมกันไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD