2
******นางมาเพื่อช่วยเหลือ
อาเป้ยกำลังเดินชมที่พักอาศัยของเทพหลงเหนียน โดยไม่รบกวนท่านตามคำสั่ง นางทึกทักเอาว่านางแค่ออกมาเชยชมเรือนของท่านนิด ๆ หน่อย ๆ
รองเท้าถักสานสีดำปักด้วยลวดลายบุปผางามเยื้องย่างไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบและระมัดระวัง ไม่ให้เกิดเสียงแม้สักน้อย เมื่อนางก้าวข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ ก็ชะโงกหน้าลงมองหมู่มัจฉานานาชนิดใต้พื้นไม้ที่มีแหล่งน้ำสีมรกตไหลเวียนไปทั่ว
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเรือนสี่ประสาน ซื่อเหอย่วน (************) ที่พักอาศัยของนักพรตซึ่งนางขึ้นไปส่งข้าวปลาอาหาร แต่ไม่ใช่เสียทีเดียว ด้วยความที่ด้านหน้าเรือนเปิดโล่งเป็นลานกว้างไว้ฝึกวิทยายุทธ์ มีประตูบานใหญ่กั้นพื้นที่แห่งนี้ไว้จากป่าทึบและเทือกเขา
อาเป้ยหน้าตาสดชื่นแจ่มใส เพียงได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกเสียบ้างหลังอุดอู้อยู่แต่ในห้อง นางเงยหน้าขึ้นมองต้นโบตั๋น ต้นท้อ ต้นหอมหมื่นลี้ ออกดอกบานสะพรั่งแข่งกัน ก็ส่งยิ้มให้พวกมัน
บุปผชาติเหล่านี้ได้งอกเงยบนโลกของทวยเทพ ช่างสุขเกษม เฉกเช่นตัวนางผู้ไม่เคยมีโอกาสใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ นางเป็นข้ารับใช้มาก่อน จะมีแต่วันยุ่ง ๆ หัวหมุนวุ่นวาย หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย
อาภรณ์สีดำสนิทชายกระโปรงยาวเท่ากับรองเท้าพอดีของนางดูมีราคา นางได้แต่งตัวอย่างคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ปักปิ่นผมลวดลายดอกเหมยเอาไว้กลางศีรษะ รวบถักเปียเล็ก ๆ วางพักไว้บนบ่า เส้นผมดำขลับยาวสลวยของนางปลิวไปตามลมจนนางต้องคอยลูบจับอยู่เป็นระยะ
บัดนี้นางมีผิวพรรณผุดผ่อง เส้นผมยาวสลวยอย่างสตรีพึงเป็น จากผมสั้นยุ่งเหยิงต้องมัดรวบไว้ตลอดเวลา ผมของนางยังส่งกลิ่นหอมอบอวลแข่งกับมวลบุปผา หน้าผากเกลี้ยงเกลามีตราประทับเป็นกลีบดอกไม้สีแดงอย่างสวยงาม กระทั่งมือหยาบกร้านของนางยังได้รับการรักษา
นางตื่นขึ้นมาในร่างใหม่หน้าเดิม! หลังได้รับพลังเวทจากโลกของทวยเทพ
อาเป้ยได้รับเครื่องประดับต่างหูไข่มุกสีดำจากเทพหลงเหนียนฝากบ่าวมาให้นางด้วย
ถึงแม้ว่าท่านเทพจะไม่ได้นำสิ่งของมาให้ด้วยตัวท่านเอง นางไม่เคยได้พบหน้าท่านเลยด้วยซ้ำ แต่เท่านี้นางก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเทพหลงเหนียนเป็นอย่างมาก
‘เรือนเทพแห่งเทือกเขาอุดร’ นางบังเอิญได้ยินบ่าวรับใช้ของท่านเทพหลงเหนียนพูดคุยกัน
เรือนของเทพหลงเหนียนตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รอบเรือนไม้สีแดงเข้มสลับอิฐ กระเบื้องหลังคาขนาดใหญ่เป็นวัสดุทำมาจากดินเผา ทำให้นางมองเห็นบรรดาวิหคในบางโอกาส เรือนของบุรุษเทพผู้นี้ยิ่งใหญ่อลังการไม่ต่างจากเรือนของขุนนางระดับสูง นางคาดว่าทั้งหมดถูกเนรมิตขึ้นด้วยเวทแห่งสวรรค์
เทวโลกแบ่งแยกย่อยเป็นชั้นฟ้า ชั้นดิน ชั้นน้ำ นางก็จำไม่ค่อยได้ว่ามีกี่ชั้นกันแน่
ภพภูมิบาดาลเป็นหนึ่งในเทวโลกชั้นน้ำ อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากที่สุด นางยังสังเกตเห็นว่าภพภูมินี้มีทั้งพื้นดินและผืนน้ำ ท้องฟ้าแจ่มใส มีช่วงราตรียาวนานกว่า แสงจันทร์สีเหลืองนวลหรือแม้แต่แสงตะวันก็ทอประกายอร่ามงามราวสีของทองคำ
เทวโลกสำหรับนางราวกับว่าเป็นภาพลวงตา เป็นสถานที่แห่งการอุปโลกน์ลวงหลอกนางผู้อาภัพ แต่ก็น่าพักอาศัยไปตลอดกาล
เว้นเพียง...
ค่อนข้างเอิกเกริกไปเสียหน่อย
“ว่าแต่ข้าโกหก ท่านก็โกหกข้า ไหนว่าไม่ชอบที่จะต้อนรับแขก เห็นอยู่ว่ามากันทุกวันไม่ซ้ำหน้า ข้าว่าท่านเทพหลงเหนียนนี่แหละ ชื่นชอบงานต้อนรับแขกยิ่งเสียกว่าผู้ใดบนเทวโลก”
โคร้งเคร้ง!
เสียงดาบกระทบกันดังเป็นระยะ บนพื้นไม่มีแห้งเหือดคาวเลือดสักวัน เมื่อค่ำวานนี้มีอสูรปักษามาเยือน บุรุษอีกหนึ่งกลุ่มไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเทพหรือปีศาจ มีร่างกายเป็นม้า ศีรษะเป็นมนุษย์ ใช้อาวุธเป็นธนูแสง
เข้าช่วงยามซื่อมีชายร่างสูงใหญ่เท่ากำแพง ถือค้อนอัสนีทุบลงบนพื้นหินจนแตกเป็นเสี่ยง เทพหลงเหนียนกระโดดขึ้นอากาศอย่างว่องไว โจมตีกลับด้วยการสะบัดดาบเพียงครั้ง ถอยไปยืนสมทบกับบ่าวชายของท่านทั้งสามตน
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่จบสิ้น ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ตราบจนบัดนี้
อาเป้ยเดินมาเกือบจะถึงลานกว้างแล้วนางจึงรีบก้าวไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แอบดูพวกเขาด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นประสานาง
ก็แน่ล่ะ...
น้อยคนนักจะมีโอกาสได้มาเยือนเทวโลก ในโลกของนางนั้น หากพูดถึงเหล่าจอมยุทธไม่ใช่เทพเซียนซึ่งนาน ๆ จะพบสักครั้ง เก่งฉกาจเพียงใดยังทำได้เพียงเหาะเหินเดินอากาศ ออกท่องยุทธภพ ตามหาวิทยายุทธ์เข้าตัวตามสถานที่ลึกลับเช่นในหุบเขาสูง หมู่บ้าน สำนักลับต่าง ๆ
สำนักเทียนหลงเองก็มีตำรายุทธยอดวิชามากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วใครมาขอวิชาจากอาจารย์ฮุ่ยหมิง ท่านไม่ได้หวงอะไร มีแค่บางเล่มจริง ๆ ที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
นางเคยพบปีศาจตัวเป็น ๆ บนโลกมนุษย์เพียงครั้งเดียว ตอนอาจารย์ฮุ่ยหมิงกางเขตอาคมปกป้องคัมภีร์สกัดจุดเล่มหนึ่งจากนางพญางูขาว
ที่เห็นตอนนี้คงจะเป็นปีศาจ...
นางยังพบข้อเท็จจริงหลายข้อ ข้อแรกคือภพภูมิบาดาลน่าจะเป็นเทวโลกชั้นที่มีปีศาจปะปนอยู่ด้วย อีกข้อนั้น บ่าวชายที่นำสิ่งของมาให้นางแท้จริงแล้วเป็นงูลูกสมุน จากการต่อสู้ของชายร่างอ้อนแอ้นใช้ง้าวงูสีขาวเป็นอาวุธในการต่อสู้ ชายร่างสูงใหญ่กำยำอีกคนหนึ่งปล่อยงูสีเขียวออกมาจากปลายนิ้วได้ หวังใช้พิษทำร้ายอีกฝ่าย แต่ผู้มาเยือนฝีมือร้ายกาจไม่เบา หลบการต่อสู้ได้อย่างฉิวเฉียด ทว่ากลับได้รับบาดเจ็บพอสมควร
อาเป้ยไม่ทันระวังตัว ชะโงกคอออกไปไกลสักหน่อย
กระบี่คมกริบอยู่บนคอนาง!
------------------------------------
จากตรงนี้ไปเป็นโลกในนิยายที่ไรท์สร้างขึ้น
ซึ่งจะมีชั้นดิน ชั้นน้ำ ชั้นฟ้า แต่ละชั้นจะมีแยกย่อยไป
จะไม่พูดถึงสวรรค์ตามคัมภีร์พุทธลัทธิเต๋า ตามหลักแล้วจะมี 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน
ยังมีอีกหลายอย่างหลายความเชื่อ มี 32 ชั้น อีกลัทธิว่า 36 ชั้น พุทธเกษตรว่ากันอีกเป็น 100 ชั้น
เอาเป็นว่าจะไม่พูดถึงตรงนั้นนะคะ
ทั้งหมดนี้จะเป็นโลกในนวนิยายแฟนตาซีจีนโบราณเพียงเท่านั้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ศึกษามาตามธรรมเนียมปกติ
ไรท์ทุ่มเทมากๆ สำหรับเล่มนี้ ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจกันนะคะ