ตอนที่1 พูดคุยถึงเรื่องแต่งงาน
"เหยาเอ๋อร์ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หลานก็แต่งเข้าบ้านตระกูลไป๋เถอะ" ชายชราสีผมดอกเลาที่นอนหายใจรวยริน เอ่ยกับหลานสาวที่อายุไม่น้อยแล้วอย่างกังวลใจ
ชายชราที่เอื้อนเอ่ยนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาเป็นถึงหมอเทวดาที่หาตัวยากในแคว้นหลง หมอเทวดาหวังซานฮั่วตอนนี้นั้น...เขากำลังป่วยด้วยโรคชราจากชายที่เคยมีร่างกายแข็งแรง กาลเวลานับหลายปีที่ผ่านพ้นมาทำให้เขานั้นกลายมาเป็นชายชราที่เจนโลก อาการของหมอเทวดาหวังซานฮั่วนั้นทรุดอย่างหนักไร้กำลังวังชาถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อมานับเดือน
ด้วยความที่เป็นหมอมาค่อนชีวิต…ชายชราเลยรู้ตัวมาตลอดว่าตนเองใกล้จะไม่ไหวแล้ว ถ้าหลานสาวไม่แต่งงานเสียทีเขาก็ไม่สามารถตายตาหลับได้ หนทางจึงมีเพียงเท่านี้ คือ...รีบให้นางออกเรือนไปโดยไว
"แต่......" หวังซูเหยาเม้มปากอยากจะปฏิเสธแต่ก็ได้แต่กลืนคำปฏิเสธลงไปในคออย่างลำบากใจ ใครไม่รู้บ้างคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋นั้นมีใจรักมั่นต่อภรรยาผู้ล่วงลับไม่เสื่อมคลาย ขนาดนางจากไปถึงห้าปีแล้วก็ยังไม่แต่งภรรยาใหม่เข้าจวนเสียที
อีกอย่างลูกสาวของคุณชายใหญ่นั้นก็ร้ายกาจไม่น้อย เวลานางลงเขาไปในเมืองหนิงอันก็ได้ยินข่าวลือแบบนี้บ่อย ๆ หวังซูเหยาคิดแล้วก็เริ่มวิตกนางไม่อยากออกเรือนไปเป็นภรรยาผู้ใด ยิ่งไม่อยากจะไปเป็นมารดาเลี้ยงของใครทั้งนั้น หวังซูเหยาได้แต่คิดในใจแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยให้ชายชราผู้เลี้ยงดูนั้นคิดมากตามนาง ร่างบางได้แต่เก็บความคิดของตนเองไว้เงียบ ๆ คนเดียวก่อนจะเผลอถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
"ไม่มีแต่..... หลานแต่งเข้าไปเถอะเชื่อตาแก่คนนี้ แค่ก ๆ " ชายชรามองหลานสาวอย่างกังวล หลานสาวคนนี้อายุถึงสิบแปดหนาวแล้วแต่ก็ยังทำให้ตาแก่แบบเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ หวังว่าการตัดสินใจนี้จะทำให้เขาหมดห่วง ถึงว่าที่สามีของหลานสาวจะไม่ลืมภรรยาเก่าแต่นอกนั้นก็ดีไปหมด ขอแค่หลานสาวอดทน ก็อยู่ในจวนตระกูลไป๋ในฐานะฮูหยินน้อยได้สบายแล้ว ยังไงก็ยังมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ มีอาหารการกินครบสามมื้อแค่นี้เขาก็หมดห่วง ด้วยฐานะหมอเทวดาของเขายังไงเสียตระกูลไป๋ก็ต้องเกรงใจเขาถึงสามส่วน เพราะเขาเคยช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลไป๋ไว้เมื่อสามปีก่อนจากการโดนพิษแมงป่องราตรี
"เจ้าค่ะท่านตา" หวังซูเหยาได้แต่รับปากชายชราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเตรียมตะกร้าผ้าของชายชราเพื่อเตรียมไปซักให้เรียบร้อย
"หลานไปเดินเล่นเถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าตาแก่ ๆ คนนี้หรอก แค่ก ๆ " ชายชราโบกมือไล่หลานสาวให้ออกไปด้านนอก เพราะในเรือนนอนของเขานั้นมีแต่กลิ่นของสมุนไพรต่าง ๆ ลอยตลบอบอวลเต็มไปหมด
"เจ้าค่ะ หลานขอตัว" หวังซูเหยาหอบตะกร้าผ้าออกไป เพื่อให้ชายชราได้นอนพักผ่อน ส่วนนางก็แยกย้ายไปทำความสะอาดเสื้อผ้าและเตรียมอาหารการกินไว้ในมื้อเย็นให้ตนเองและผู้เป็นท่านตาอย่างตั้งใจ
หวังซูเหยา...เป็นหญิงงามไม่น้อยนางมีเรือนผมดกดำ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมองแล้วชวนให้ตกอยู่ในภวังค์ ปากกระจับได้รูปมีสีชมพูระเรื่อปากของนางนั้นไม่ต้องทาชาดใด ๆ ทั้งสิ้น ร่างบางนั้นอาศัยอยู่ที่ภูเขาหลิงที่เต็มไปด้วยสมุนไพรต่าง ๆ มากมายที่ได้ท่านตาของนางปลูกไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มจนถึงอายุปูนนี้ หวังซูเหยานางมีสหายสนิทไม่น้อย เพราะนางนั้นใจดีเป็นมิตรเข้ากับผู้คนได้ง่าย ประกอบกับชื่อเสียงของท่านตาของนาง ทำให้ชีวิตของนางนั้นสุขสบายไร้เรื่องทุกข์ใจ
.
.
.
เมืองหนิงอันเป็นเมืองท่าที่คึกคัก ถือว่าเป็นศูนย์รวมของการค้าเลยก็ว่าได้ใครอยากได้อะไร ขอแค่มาเมืองหนิงอันก็สามารถหาได้ ไม่ว่าจะเป็นขนสัตว์ ไข่มุกหายาก ผ้าไหม ขอแค่มาที่เมืองหนิงอันก็สามารถหาซื้อได้ครบทุกอย่าง ขอเพียงแค่มีเงินมากพอที่จะซื้อไปเท่านั้น!!!
ตระกูลไป๋ ณ เรือนฝูหรงของฮูหยินผู้เฒ่าชราบรรยากาศในเรือนนั้นอึดอัดไม่น้อย หญิงชราจ้องมองหลานชายตัวโตที่อายุมากถึงสามสิบปีแล้ว แต่เขากลับไม่มีทีท่าจะแต่งงานใหม่เพื่อสืบสกุลเสียที นางเองก็อยากจะมีลูกหลานเต็มจวนเฉกเช่นตระกูลคนอื่นเช่นกัน
"หลานก็แต่งหวังซูเหยาเป็นฮูหยินน้อยเถอะ" ฮูหยินผู้เฒ่าที่เรียกหลานชายเข้ามาพบ ก่อนจะเปิดประเด็นเรื่องภรรยาใหม่ให้หลานชาย ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาห้าปีแล้ว นางก็แก่ลงไปเรื่อย ๆ ต้องรีบจัดการอะไรให้เสร็จสรรพ มิฉะนั้น.... ตระกูลไป๋ของนั้นอาจจะสิ้นชื่อในสมัยของนางก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นนางจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้อย่างไร
"ท่านย่าข้าไม่พร้อม ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องให้ทำอีกมากมาย" ไป๋หลี่คุนเอ่ยอ้างเรื่องงานมา เขาปฏิเสธหญิงชราผู้มีศักดิ์เป็นย่าของตนเองอย่างเช่นเคย
"จะ....เจ้า....จะทำให้ข้าหมดห่วงได้บ้างหรือไม่เงินก็มีมากมายใช้ไม่หมด ถ้าเจ้าไม่มีทายาทสืบต่อจะหาเงินให้เหนื่อยทำไม" หญิงชราตวาดลั่นจวน ทำให้บ่าวไพร่ที่ดูแลอยู่นั้นเงียบกริบไม่ไหวติงราวกับรูปปั้น บรรยากาศภายในเรือนฝูหรงที่อึดอัดอยู่แล้วก็ยิ่งตึงเครียดไปมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
"หลานแต่งนางเข้ามาได้ แต่...ไม่มีทางรักนางแน่นอน" ไป๋หลี่คุนเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนจะจิบน้ำชาอย่างหน้าตายเพื่อดับโมโห ท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนนั้นทำให้หญิงชราผู้เป็นย่านั้นโมโหไม่น้อย หญิงชราร่างอวบชี้นิ้วไปทางหลานชายอย่างโมโห ก่อนจะเรียกชื่อหลานชายอย่างเกรี้ยวกราด นางโมโหใจจะขาดอยู่แล้ว หลานชายเอ่ยอะไรมาแต่ละคำนั้นมีแต่ให้นางปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย
"ไป๋หลี่คุน ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าให้ดู" หญิงชราที่หมดความอดทนมาหลายครั้ง ประชดหลานชายด้วยการคว้ากรรไกรที่อยู่ข้างเตียง พร้อมจ่อกรรไกรเหล็กจะแทงไปที่คอของตนเองอย่างท้าทาย
"นายหญิง" หญิงรับใช้ที่ตาไวเอ่ยห้ามหญิงชราเสียงดังทันทีด้วยความตกใจ
ร่างหนาที่หันหน้าไปทางอื่นก็รีบหันไปตามเสียงของบ่าวรับใช้ทันที ร่างหนาชะงักเล็กน้อยเมื่อเจอกับท่านย่าตัวเอง ที่เอากรรไกรจ่อคออย่างท้าทาย ไป๋หลี่คุนก็รู้สึกนั่งไม่ติดเบาะทันที เขาถอนหายใจก่อนจะจำใจเอ่ยรับปากสัญญาจะแต่งภรรยาให้หญิงชรา
"ข้าแต่งก็ได้ ข้ารับปากท่านย่า" ร่างหนาจ้องมองหญิงชราที่เอากรรไกรจ่อคอก็ได้แต่จำยอม ปกติหญิงชรานั้นหาภรรยาให้เขาไม่น้อย เขาก็เอ่ยปฏิเสธมาได้ตลอดแต่คราวนี้กลับเอาชีวิตมาแลก ถ้าเขาไม่ทำตามก็ดูจะอกตัญญูไม่น้อย ไป๋หลี่คุนพูดจบก็ได้ยินเสียงของตกที่หน้าประตู คนในเรือนฝูหรงหันไปตามเสียงก็เจอกับเด็กสาววัยห้าขวบปีที่เบิกตาโพลงนัยน์ตาแดงระเรื่ออยู่หน้าประตูจ้องมาทางบิดาอย่างเขาด้วยความน้อยใจ.....
"เพล้งงงง"
จานดินเผาราคาสูงลิบลิ่ว ร่วงลงจากมือเล็ก ๆ ของเด็กน้อยกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงขนมกุ้ยฮวาจากโรงเตี๊ยมชื่อดังกลิ้งกระจัดกระจายอยู่แทบเท้าเล็ก ๆ แต่เด็กสาวหาเสียดายไม่นางกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ต่างหาก
'บิดากำลังจะแต่งงานใหม่'
"คุณหนู"
"ข้าเกลียดท่านพ่อ ฮือ ๆ " ไป๋หลี่ฮวาเด็กสาววัยห้าหนาวเอ่ยกับผู้เป็นบิดาทันทีที่ได้ยินว่าบิดาจะแต่งงานใหม่ ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ จะวิ่งหนีจากเรือนฝูหรงอย่างรวดเร็วทำให้บ่าวไพร่นั้นแตกตื่นต้องรีบวิ่งตามเด็กน้อยทันที
.
.
.
ณ เรือนของคุณหนูใหญ่ไป๋หลี่ฮวาเด็กสาวนั้นกำลังนอนร้องไห้ไม่หยุด นางไม่อยากให้บิดาแต่งงานใหม่นางไม่อยากได้แม่เลี้ยง นางกลัวกลัวว่าท่านพ่อจะมีลูกคนใหม่แล้วไม่รักนาง เด็กสาวที่น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วพอได้เริ่มคิดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อีกครั้ง ก็เริ่มร้องไห้งอแงเสียงดังทันทีด้วยความเอาแต่ใจทำให้เหล่าสาวใช้ต้องวิ่งวุ่นไปหาฮูหยินผู้เฒ่าให้มาปลอบเด็กสาวที่เป็นดวงใจของหญิงชราทันที
"ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม ฮือ ๆ ๆ "
"ข้าไม่ยอมให้นางแย่งท่านพ่อของข้า ฮือ ๆ "