พี่ตะวันขับรถออกไปไม่สนใจฉันแม้ว่าฉันจะห้ามแล้วก็ ตาม ฉันอาละวาดทำลายข้าวของ จนป้าบุณดยาหรือป้ายดา คุณแม่ของพี่ตะวันเข้ามาเตือนสติให้ฉันเย็นลง
"หนูทอฝันใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยพูดค่อยจากัน พี่ตะวันเขาแค่ออกไปทำงานกับเพื่อนลูก"คุณป้ายดา ปลอบฉัน
"ฮื่อ ฮื่อ ทอฝันเสียใจค่ะคุณป้ายดา แต่ก่อนพี่ตะวันไม่เคยเป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้พี่ตะวันไม่รักทอฝันแล้ว พี่ตะวันรักคนอื่น"ฉันร้องไห้เสียใจ พี่ตะวันด่าฉัน ไม่เอาใจเหมือนเดิม แต่ก่อนรักและดูแลฉันอย่างดี ให้ฉันไปด้วยทุกที่ แต่ฉันยึดติดกับพี่ตะวันมันมีสาเหตุ ตอนฉัน 7 ขวบฉันมาเล่นกับพี่ตะวันที่บ้าน
เราชวนกันออกไปเล่นน้ำตกเหมือนที่เคย ขณะที่เล่นน้ำฉันเห็นพี่ตะวันว่ายออกไปตรงกลาง ฉันก็เลยเดินตามไปโดยที่ไม่รู้ช่วงตรงกลางน้ำตกมันลึกมาก ฉันจมน้ำลงไป ฉันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งแต่ดูเหมือนมันจะไม่สำเร็จฉันร้องเรียกพี่ให้พี่ตะวันด้วยเสียงอันแผ่วเบาเพราะมีน้ำเข้าปาก เวลาที่ฉันพยายามพูด
บุ่ม บุ่ม
"พะ พี่ ตะวัน ชะ ช่วย ทอฝันด้วย" ฉันพยายามเอามือตีน้ำ และเรียกพี่ตะวันเรี่ยวแรงกำลังจะหมดและฉัน ค่อยๆจมลงเรื่อยๆ หายใจไม่ออกเหมือนกำลังจะตาย พี่ตะวันดึงมือฉันขึ้นจากที่กำลังจมลง และเอามือคว้าที่คอด้านหลังค่อยๆลากฉันขึ้นฝั่งขณะที่ สติฉันเลือนลาง ฉันเหมือนได้ยินใครร้องเรียกให้ฉันกลับมา
"ทอฝัน ทอฝันตื่น ทอฝันอย่าเป็นอะไรนะพี่ขอโทษ"เสียงเรียกของพี่ตะวัน พี่ตะวันช่วยปั๊มหัวใจและผายปอดให้จนฉันฝื้น พี่ตะวันโผเข้ากอดฉัน ร้องไห้สะอึกสะอื้น ฝากก็พร่ำขอโทษที่ดูแลฉันไม่ดี ฉันที่เหมือนคนกำลังจะตายแล้ว อยู่ๆก็ฟื้นกลับมาได้เพราะพี่ตะวัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องเป็นเธอ และเป็นคนเดียวเท่านั้น พี่ตะวันช่วยชีวิตฉันให้กลับมามีชีวิตใหม่
"พี่ตะวัน ทอฝันกลัว ทอฝันเหมือนจะตาย ทอฝันหายใจไม่ออก"
"ไม่เป็นไรแล้วนะคนดี พี่ตะวันอยู่นี้ ตราบใดที่ตะวันยังอยู่พี่จะไม่ปล่อยให้ทอฝันเป็นอะไร ไปเด็ดขาด" ฉันถือว่านั้นคือคำสัญญา แล้วฉันผิดตรงไหนที่ยึดถือคำมั่นสัญญา ในชีวิตฉันไม่มีใคร เพื่อนก็ไม่มี ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนฉันเพราะคิดว่าฉันหยิ่ง คิดว่าฉันเอาแต่ใจ ไม่มีใครเข้าใกล้ฉันเลย ฉันต้องกินข้าวคนเดียว ถ้าวันไหนพี่ตะวันไม่อยู่ พ่อแม่ฉันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ฉันอยู่กับแม่นมอิ่ม และก็อยู่ที่บ้านพี่ตะวัน อยู่กับคุณลุงภู คุณป้ายดา ชีวิตฉันนับคนที่อยู่ด้วยแล้วก็มีแค่นี้ คุณพ่อคุณแม่ใช่ว่าท่านไม่รักฉัน แต่ท่านต้องการสร้างสิ่งต่างๆไว้ให้ฉัน เพราะว่าฉันเป็นลูกสาวคนเดียวที่ท่านมีอยู่
"พี่ตะวันสัญญากับทอฝันได้ไหมว่าพี่ตะวันอยู่กับทอฝัน จะรักและดูแลทอฝันคนเดียว" ฉันที่ต้องการที่พึ่ง พี่ตะวันเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความอบอึ่นแก่ฉัน ถ้าฉันขาดพี่ตะวันชีวิตฉันคงไร้แสง และมืดหม่นลง
"พี่สัญญาว่าพี่จะรักและดูแลมอฝันอย่างดีนะ" ฉันยกนิ้วก้อยเพื่อเกี่ยวสัญญากัน และนั่นมันคือจุดเริ่มต้นที่ฉันยึดติดมาตลอด ยึดติดชนิดที่ว่าใครก็เอาพี่ตะวันไปจากฉันไม่ได้ทั้งนั้น
หลังจากวันนั้นพี่ตะวันก็ทำตามสัญญามาตลอด
"พี่ตะวันคะ พ่อกับแม่ทอฝันไปต่างประเทศอีกแล้ว ทอฝันเหงาค่ะ ทอฝันไปหาพี่ตะวันได้ไหมคะ" คุณพ่อคุณแม่ฉันชอบเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ท่านไม่ค่อยมีเวลา ถ้าฉันเหงาก็จะอ้อนขอไปบ้านพี่ตะวัน ซึ่งพี่ตะวันก็ไม่เคยขัด ฉันชอบไปอ้อนพี่ตะวัน กับคุณลุงคุณป้า คนที่บ้านไร่ภูตะวันทั้งอบอุ่น และใจดี เป็นเหมือนอีกครอบครัวหนึ่งของฉัน และไม่อยากให้ใครแย่งไป
"ก็มาสิ พ่อกับแม่พี่อยากเจอพอดี คุณลุงคุณป้าก็โทรมาฝากให้บ้านพี่ดูแลทอฝันพอดี" พี่ตะวันก็ยังคงดีกับฉันไม่เปลี่ยนแปลง และฉันก็คิดว่าคงไม่มีวันนั้นแน่นอน
"ขอบคุณพี่ตะวันมากนะคะ ถ้าไม่มีพี่ตะวันทอฝันคงเคว้งคว้างน่าดู" ฉันอยู่แต่กับแม่นมอุ่นเป็นส่วนใหญ่ ความรักฉันขาดไหม คงมีบ้างแหละ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ ยังงัยฉันก็มีพี่ตะวัน เป็นที่ยึดเหนี่ยวของฉันอยู่แล้ว
"ทอฝันเป็นน้องพี่นะ พี่ไม่ดูแลน้องสาวของพี่ แล้วพี่จะไปดูแลใครล่ะ" เพราะความห่วงใยและใกล้ชิดกัน มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันขาดพี่ตะวันไม่ได้จริงๆ
"ถ้าทอฝันไม่อยากเป็นแค่น้อง พี่ตะวันจะว่ายังไงคะ" ทอฝันถามผมกลับมา ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลย
"สำหรับพี่ทอฝันคือน้องสาวที่น่ารัก มันคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และพี่ให้ได้แค่นั้นจริงๆ"
เพราะผมเห็นทอฝันมาตี้งแต่เด็ก พ่อแม่ผมบอกเสมอให้รักและดูแลทอฝันเหมือนสาว เพราะพ่อกับแม่ผมก๋รักทอฝันแบบลูกเหมือนกัน คำพูดเหล่านั้นฝังหัวมาตลอด ว่าทอฝันคือน้องสาวที่พี่ชายอย่างผมต้องดูแล มันคงเปลี่ยนไปจากนี้ไม่ได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนมันด้วย