ร่างใหญ่บิดตัวไปมาบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่เมื่อพนักงานทุกคนออกไปจากห้องประชุมกันหมด จะเหลือก็แต่ตนกับเลขาส่วนตัว เขาจึงบิดตัวผ่อนคลาย สี่ชั่วโมงกับการประชุมหาข้อตกลงเรื่องธุรกิจที่ส่งไปเมืองจีนมีปัญหา และกว่าจะหาข้อสรุปได้ก็กินเวลานานจนตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว
“ท่านประธานคะ”
เสียงเล็กหวานทำให้เขาต้องยืดตัวนั่งตัวตรงแล้วก็มองเจ้าของต้นเสียงคุ้นเคยที่ตนได้ยินทุกวัน
“เราอยู่กันแค่สองคน ไม่ต้องมากพิธีหรอกปิ่นปัก”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่ที่ทำงาน อีกอย่างตอนนี้ดิฉันยังทำหน้าที่เลขาอยู่”
“อือ...แต่ตอนนี้ก็เลยเวลาเลิกงานแล้ว ทำไมไม่กลับล่ะ”
“ก็ท่านประธานยังไม่กลับ เป็นเลขาจะกลับก่อนท่านประธานได้ยังไงคะ”
อือ!
ลูคัส ทรัพย์วิเศษ วัย 35 ปี ลูกครึ่งไทย-สเปน มารดาเป็นลูกครึ่งไทย-สเปน ส่วนบิดาเป็นคนไทยแท้ และเขาเป็นทายาทรุ่นที่เจ็ด สืบทอดบริษัท “T Home Furniture” เป็นบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ลักซ์ชัวรี่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย และมีชื่อเสียงในต่างประเทศ
ปิ่นปัก โชคเจริญ วัย 26 ปี หญิงสาวที่เติบโตมาในครอบครัวธรรมดา แต่ว่าได้รับโอกาสดีๆ ได้เข้ามาทำงานในบริษัทใหญ่อย่างบริษัท T Home Furniture แม้ว่าในตอนแรกจะยากลำบากในการทำงานเป็นเลขาของท่านประธานหนุ่ม แต่ก็ผ่านมาสองปีแล้วกับตำแหน่งเลขาท่านประธาน และถึงเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับโอลิเวีย น้องสาวท่านประธาน เป็นเพื่อนบ้านบ้านติดกันก็ได้หาใช้ความสนิทเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ไม่ ทุกอย่างที่เธอได้มาในวันนี้คือความสามารถของเธอทั้งนั้น
“ท่านประธานจะกลับหรือว่าจะทำงานที่บริษัทต่อคะ เดี๋ยวดิฉันจะได้ชงกาแฟให้ค่ะ”
“ไม่ล่ะ จะกลับบ้าน แล้วเนี่ยวันนี้ไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม กลับพร้อมพี่แล้วกัน” แล้วประธานหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวคนอื่นเห็นจะไม่เหมาะค่ะ ดิฉันนั่งรถเมล์กลับดีกว่าค่ะ”
“จะนั่งรถเมล์กลับทำไม ไหนๆ เราก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้วนี่”
“อย่าดีกว่าค่ะ มันไม่เหมาะ ขอตัวก่อนนะคะ” แล้วปิ่นปักก็เดินออกจากห้องประชุมไป เธอไม่นั่งรถออกไปกับประธานหนุ่มหลังเลิกงาน ด้วยกลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากของพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท
ลูคัสมองตามแผ่นหลังเลขาแล้วก็บุ้ยปากเล็กน้อยแล้วเดินตามออกไป
กว่าจะถึงบ้านก็หกโมงกว่า รถติดมาก ใช้เวลานั่งรถเมล์เป็นชั่วโมงกว่าจะถึงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยของบ้าน พอมาถึงก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาบ้านของตน เป็นแบบนี้ประจำเวลาไม่ได้ขับรถไปทำงานเอง
“กลับมาแล้วเหรอลูก” ปราณีถามลูกสาวที่เดินห่อไหล่เข้ามาในบ้าน สภาพดูกระเซอะกระเซิงจนนางอดยิ้มขำไม่ได้
“สวัสดีค่ะแม่ณี วันนี้มีอะไรทานมั่งคะ ปิ่นปักหิวจังค่ะแม่” เธอเดินห่อปากเข้าไปในห้องนั่งเล่นทิ้งตัวลงบนโซฟา
“เมื่อเช้าเราบอกอยากกินข้าวผัดปู แม่เลยให้น้าหมูทำให้น่ะ”
“ขอบคุณนะคะแม่ณี เดี๋ยวปิ่นปักไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องก่อนนะ แล้วเรามาทานมื้อเย็นด้วยกันค่ะ”
“อือ...เดี๋ยวแม่ไปให้น้าหมูเตรียมโต๊ะทานข้าวรอ”
“ค่ะแม่” แล้วเธอก็ลุกจากโซฟาที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งออกไป
นางปราณียิ้มเอ็นดูลูกสาวคนเล็กแล้วก็ลุกจากโซฟาที่นั่งไปหาแม่บ้านของตัวเองเพื่อให้เตรียมโต๊ะทานมื้อเย็น
กำลังทานมื้อเย็นกันสองคนแม่ลูกเหมือนทุกวัน เพราะตั้งแต่สามีจากไป ลูกสาวคนโตแต่งงานแยกออกไปอยู่ข้างนอกกับสามี ก็เหลือกันสองคนในบ้านหลังนี้ แม้บ้านหลังไม่ใหญ่มาก แต่พอเหลือกันสองคนก็ดูหลังใหญ่ ถึงจะมีแม่บ้านอาศัยอยู่ด้วยก็ตาม
“แม่คะ ที่ร้านอาหารเป็นยังไงมั่งคะตอนนี้” ปิ่นปักถามแม่ถึงร้านอาหารจีน ธุรกิจของครอบครัว
“ก็เรื่อยๆ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจีนมีมาทุกวัน”
“แสดงว่ารายได้ดีใช่ไหมคะ”
“อือ...แล้วงานที่ทำของหนูล่ะปิ่นปัก”
“ก็เรื่อยๆ ค่ะแม่ณี งานเลขาก็มีหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่วันค่ะ วันไหนสินค้ามีปัญหา วันนั้นปิ่นปักไม่อยากจะพูดเลยค่ะแม่ณี”
“ไม่สู้ลาออกมาช่วยแม่ดูแลร้านอาหารจีนดีกว่าเหรอปิ่นปักฮึ”
“แม่คะ ให้ปิ่นปักทำงานอีกสักสามปีนะคะ เดี๋ยวจะลาออกมาช่วยงานที่บ้านค่ะ อีกอย่างพี่ปักมุกก็ช่วยงานที่ร้านอยู่”
“แต่พี่เราก็มีร้านขายยาที่ต้องดูแลนะ ไม่ได้มาช่วยแม่ที่ร้านบ่อยๆ”
“วันหยุดปิ่นปักก็ช่วยแม่ณีที่ร้านตลอดนี่คะ”
“พรุ่งนี้หยุด ลูกจะเข้าร้านแทนแม่ใช่ไหม”
“ค่ะ ปิ่นปักจะดูแลร้านเอง แม่ณีก็อยู่บ้านพักผ่อนที่บ้านนะคะ ทานกันเถอะค่ะ เดี๋ยวปิ่นปักต้องดูซีรีส์อีกค่ะ”
อือ!
คนเป็นแม่ครางรับ แล้วก็พากันสนใจมื้อเย็นของตนต่อ แต่แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่เงียบอีกครั้งก็กลับมามีเสียง เมื่อมีเสียงร้องไห้สะอื้นดังเข้ามาก่อนเจ้าตัวจะมา และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
“พี่ปักมุกคงทะเลาะกับพี่วิทย์อีกแล้วสินะแม่ณี” ปิ่นปักวางช้อนในมือลงกระทบจานแล้วมองไปทางหน้าประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหารก็เห็นพี่สาววิ่งร้องไห้สะอื้นเข้ามา
ฮือๆๆ
“ครั้งนี้หนูจะหย่ากับพี่วิทย์จริงๆ แล้วนะคะแม่ อึก! ฮือๆๆ” วิ่งมากอดแม่ที่นั่งทานข้าว
“กี่ครั้งแล้วล่ะพี่ปักมุก” ปิ่นปักเห็นพี่สาวพูดแบบนี้ตลอดเวลาที่ทะเลาะกับพี่เขย
“ใจเย็นๆ ก่อน ครั้งนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”
“เขามีกิ๊ก อึก! ฮือ...” ปักมุกผละออกมาจากแม่มาตอบแล้วดึงเก้าอี้ข้างๆ แม่ออกนั่งพร้อมยกมือเช็ดน้ำตา
“พี่ยังไม่ชินอีกเหรอพี่ปักมุก กี่ครั้งแล้วที่พี่จับได้ พี่วิทย์ก็ไม่เห็นเลิกนิสัยเจ้าชู้สักที”
เห็นร้องไห้แบบนี้กลับบ้านมาทุกครั้งเวลาจับได้ว่าสามีมีกิ๊ก แต่สุดท้ายก็กลับไปตายรัง พวกผู้ชายเจ้าชู้พวกนี้น่าขยะแขยงนัก เพราะเห็นชีวิตแต่งงานพี่สาวเป็นแบบนี้เลยทำให้ปิ่นปักปิดใจไม่ยอมเปิดใจให้ใครเข้ามาทำร้ายตัวเอง และทำให้อยากครองตัวเป็นโสด แต่ติดตรงอยากมี ‘ลูก’ นี่สิ แต่แค่อยากมีแค่ ‘ลูก’ นะ ส่วนสามีไม่จำเป็น และยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งงานมีสามีก็สามารถมีลูกได้ แค่มีเงิน และตอนนี้เธอก็เก็บเงินได้มากพอแล้วสำหรับที่จะทำให้ตัวเองท้องลูกหนึ่งคนได้
“เธอไม่เข้าใจพี่หรอกปิ่นปัก เธอไม่เคยมีความรัก” คนเป็นพี่สาวตอบกลับน้องสาว
“แต่ปิ่นปักก็ไม่ได้โง่ให้ผู้ชายสวมเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ปิ่นปัก!” ปักมุกเอ่ยด้วยความโกรธ
“พอได้แล้วลูก ว่าแต่ทานอะไรมารึยังปักมุก” ปราณีปรามลูกสาวก่อนที่จะทะเลาะกันใหญ่โต
“หนูทานไม่ลงหรอกแม่ณี ผัวหนูมีกิ๊กนะคะ”
“แต่ยังไงก็ต้องกินข้าวนะปักมุก หมูตักข้าวผัดให้ปักมุกหน่อย” นางร้องเรียกสั่งแม่บ้านให้ตักข้าวมาให้ลูกสาวคนโตตัวเองที่หน้าเปียกปอนไปด้วยน้ำตา
“ปิ่นปักอิ่มแล้วนะคะแม่ณี” แล้วปิ่นปักก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดื่มแล้วลุกเดินจากไปปล่อยให้แม่อยู่ปลอบใจพี่สาวต่อ
โอลิเวียเดินหอบเอกสารเข้าบ้าน ช่วงนี้เธอยุ่งกับการหาข้อมูลและคัดหาพ่อพันธุ์ที่ดีที่จะมาบริจาคอสุจิให้เพื่อนรักตนเอง แต่ก็หาผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ดียากเหลือเกิน ถึงจะเจอ แต่เขาจะยอมบริจาคอสุจิให้ไหม นั่นค่อยมาลุ้นกันต่ออีกที และอีกอย่างคนที่จะบริจาคอสุจิจะยอมจดทะเบียนสมรสกับเพื่อนเธอไหมเนี่ยสิ
อุ๊ย!
เธอไม่ระวังเดินชนกับคนที่เดินสวนมาพอดีจนเอกสารในมือหลุดมือกระจายเต็มพื้น
“พี่ลูคัส”
“ทำไมไม่มองทาง” ลูคัสเอ่ยตำหนิน้องสาวแล้วย่อตัวก้มลงเก็บเอกสารให้น้องสาว ขณะเก็บเอกสารช่วยน้องสาวอยู่นั้น เขาก็ไล่สายตาอ่านผ่านๆ
“เนี่ยอะไรโอลิเวีย?” ลูคัสดึงเอกสารหนึ่งแผ่นไว้ไม่ยอมให้เจ้าของ
“อะไรคะพี่ลูคัส”
“ทำไมมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำกิฟต์ฮึ” เขายืนขึ้นเต็มความสูง
โอลิเวียได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าสบตาพี่ชาย
“ตอบพี่มา อย่าบอกนะว่าคิดจะทำกิฟต์”
“ไม่ใช่โอลิเวียสักหน่อย”
“ไม่ใช่แล้วทำไมต้องอ่านเอกสารพวกนี้”
“ปิ่นปักต่างหากค่ะ อุ๊บ!” ไม่ทันแล้ว ยกมือปิดปากไม่ทันแล้ว แม้เพื่อนรักบอกว่าให้ปิดเป็นความลับ ปิดมาตลอดหนึ่งปี แต่วันนี้ความลับมาแตกเสียแล้ว แถมคนที่รู้ก็ดันเป็นพี่ชายเผด็จการของเธออีก
“ว่าไงนะ ปิ่นปักเพื่อนเราน่ะเหรออยากทำกิฟต์”
“เอ่อ...โอลิเวียขอตัวนะคะพี่ลูคัส” แล้วโอลิเวียก็วิ่งเข้าบ้านไป ไม่สนใจเอกสารอีกแผ่นในมือพี่ชายของตน
ลูคัสในเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว เขาตั้งใจจะมาว่ายน้ำผ่อนคลายก่อนมื้อเย็นสักหน่อย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดจะไปว่ายน้ำแล้ว ร่างใหญ่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านตามคนที่วิ่งหนีตนเพื่อจะเค้นเอาความจริงเรื่องนี้