เธอครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก นอนไม่หลับกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาบนที่นอนนุ่ม แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวลุกจากเตียงนั่งพิงหัวเตียงเมื่อเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น ใจเธอแทบวายก็ว่าได้
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เหลือบตามองชื่อที่โชว์บนหน้าจอและโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด ลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่ดังแบบนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“เที่ยงคืนแล้วทำไมยังไม่นอน ทำไมถึงโทรมาหาเวลานี้กัน” เธอพึมพำแล้วก็คว้าหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“คะ ท่านประธาน” เธอกรอกเสียงห้วนส่งไปหาปลายสาย
‘เรียกใหม่?’ เสียงเข้มขรึมตอบกลับมา
“คะ พี่ลูคัส”
‘คิดได้รึยัง’
เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เขาโทรมาทวงถามแล้ว คนอะไรใจร้อนเป็นบ้า!
“เรื่องอะไรคะ”
‘อย่าทำไขสือน่าปิ่นปัก ตัดสินใจได้รึยัง’
“ยังไม่ถึงสามวันเลยนะคะ ทำไมรีบร้อนเอาคำตอบจัง”
‘เพราะยังไงปิ่นปักก็ต้องเลือกพี่ยังไงล่ะ เพราะพี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของปิ่นปัก’
ชิ! คนหลงตัวเอง
‘ว่ายังไงฮึ ตกลงเลือกพี่ไหม’
“ไหนว่าให้เวลาปิ่นปักสามวันไงคะ”
‘ก็พี่ใจร้อน อยากรู้ตอนนี้’
“แน่ใจนะคะว่าอยากรู้คำตอบตอนนี้” เธอถามคนในสาย
อือ!
ลูคัสครางตอบกลับมา
“ไม่ค่ะ”
‘งั้นพี่จะรอสามวันก็แล้วกัน กู๊ดไนท์นะ’ แล้วลูคัสก็กดวางสายไม่รอให้ปิ่นปักตอบกลับ
“คนบ้า!” เธอพึมพำกับสายที่ตัดไปแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ล้มตัวลงนอนเลิกผ้าห่มคลุมหัวเพื่อข่มตาให้หลับ แม้ว่าตอนนี้จิตใจจะว้าวุ่นก็เถอะ
ลูคัสอยากให้ครบสามวันจริงๆ เขาอมยิ้มน้อยๆ ในความมืดหลังจากวางสายจากสาวน้อยข้างบ้านที่ตนเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ยังไงซะ ปิ่นปักก็ต้องเป็นของเขา หนีให้ตายก็ไม่พ้นหรอก เขาไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้แตะต้อง มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นแตะต้องได้
“ยังไงปิ่นปักก็ต้องเป็นของพี่” เขาพึมพำในความมืดแล้วข่มตาหลับไปพร้อมรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า
โอลิเวียได้เล่าทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังแบบละเอียดในบ่ายวันอาทิตย์ เธอก็ขอโทษเพื่อนที่ไม่ได้บอกเพื่อนก่อนหน้านี้เพราะติดงานด่วนที่ร้าน
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่พี่โอบจะเอาด้วยกับเราเหรอ” ปิ่นปักถามโอลิเวียถึงรุ่นพี่ที่เล็งไว้
“นั่นสิ ตั้งแต่เรียนจบมา เราก็ไม่ได้ติดต่อพี่โอบสักครั้ง แล้วถ้าจะติดต่อและนัดเจอเพราะเรื่องนี้ เราว่า...” โอลิเวียหยุดพูดโดยที่ปิ่นปักเองก็เข้าใจว่าเพื่อนจะพูดอะไรต่อ
“แต่ไม่ลองก็ไม่รู้นี่”
“มันก็จริง แต่ยังไงซะ ก็แค่พ่อของลูกเอง ทำไมไม่เลือกพี่ลูคัสล่ะ พี่ของเราก็ใช่จะไม่ดีนะ หน้าตา ไอคิว อีคิว เพอร์เฟกต์ทีเดียวนะปิ่นปัก แถมยังได้หนุ่มในฝันของปีด้วยนะ” โอลิเวียเสนอพี่ชายตัวเอง เพราะถึงยังไงซะก็น่าไว้ใจกว่ารุ่นพี่สมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไม่รู้ตอนนี้นิสัยใจคอเป็นยังไง
บึ๋ย!
เธอบึนปากแล้วก็ส่ายหน้าแรงๆ ปฏิเสธเมื่อคิดถึงหน้าท่านประธานจอมโหดตอนที่ทำงานด้วยกันแล้วไม่ไหว จริงอยู่เวลาทำงานเขาจริงจัง แต่นอกเวลางานเขาคือผู้ชายที่ไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยที่สุด หากเจอเขากับหนอนที่ตนเองกลัวยังต้องเลือกตีลูคัสก่อนหนอนเถอะ!
“อะไรกันปิ่นปัก พี่ลูคัสไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย เราก็แค่ให้พี่ลูคัสจดทะเบียนสมรสกับปิ่นปักและบริจาคอสุจิให้ และการแต่งงานครั้งนี้จะอยู่ในสัญญาสองปี หลังจากนั้นก็หย่าแยกทางกัน ทุกอย่างยังเหมือนเราคุยกัน แค่เปลี่ยนคนที่จะบริจาคอสุจิมาเป็นคนที่เรารู้จักเป็นอย่างดีเท่านั้นเอง”
ปิ่นปักคิดตามเพื่อน มันก็จริง ก็แค่จดทะเบียนสมรสในนามเท่านั้น ส่วนทางกายไม่ข้องเกี่ยวกัน พอมานึกคิดดูแล้วก็เป็นตัวเลือกที่ดี
โอลิเวียเห็นเพื่อนรักขมวดคิ้วก็รู้ว่าเพื่อนรักกำลังครุ่นคิดตามและคล้อยตามความคิดตน ก็นะ พี่ชายบอกถ้าทำให้ปิ่นปักตกลงได้ เธอจะได้รถสปอร์ตคันใหม่ แล้วยังจะได้ปิ่นปักเป็นพี่สะใภ้อีกต่างหาก
“แล้วครอบครัวของเราทั้งสองล่ะ ถ้าปิ่นปักเลือกพี่ลูคัส”
“เรารู้ปิ่นปักหมายถึงอะไร ถ้ามันเก็บเป็นความลับไม่ได้ก็เปิดเผยไปเลย แต่ไม่ต้องให้พวกท่านรู้เรื่องสัญญาแต่งงานระหว่างปิ่นปักกับพี่ลูคัสไง”
“อือ...ปิ่นปักขอคิดก่อนนะ พี่ลูคัสให้เวลาปิ่นปักสามวัน”
แค่เพื่อนพูดแบบนี้ โอลิเวียก็พอจะรู้คำตอบแล้วว่าตอนนี้เพื่อนนั้นจะเลือกพี่ชายตนเอง รถสปอร์ตคันใหม่จ๋า...โอลิเวียมาแล้ว
“ตามนั้น ว่าแต่วันนี้ปิ่นปักไม่ไปร้านเหรอ”
“ไม่น่ะ แม่ณีบอกว่าให้อยู่บ้านวันอาทิตย์ ส่วนแม่ณีไปร้านแล้ว”
“งั้นเราออกไปข้างนอกกันไหม วันนี้งานที่ร้านไม่ยุ่ง” โอลิเวียชวน
“ไม่เอา พรุ่งนี้ก็ไปทำงานแล้ว ขอไปนอนพักผ่อนก่อนแล้วกัน ปิ่นปักกลับก่อนนะโอลิเวีย”
“อือ...ไม่ไปส่งนะ”
“จ้า ไปนะ แล้วค่อยคุยกัน” แล้วปิ่นปักก็ลุกจากโซฟานุ่มที่นั่งเดินจากไป
โอลิเวียมองเพื่อนเดินลับแล้วก็รีบลุกจากโซฟาเพื่อจะไปรายงานผลงานตัวเองให้พี่ชายฟังที่ห้องส่วนตัว
บริษัท T Home Furniture
เช้าวันจันทร์ของมนุษย์เงินเดือนมาถึงแล้ว วันหยุดผ่านไปเร็วมาก เหมือนว่าไม่ได้หยุด แม้จะขี้เกียจเหนื่อยล้า แต่ก็ต้องมาทำงาน เพราะเป็นลูกจ้างประจำ หากไม่ทำก็ไม่มีกิน วันนี้ปิ่นปักไม่ได้ขับรถมาทำงานเหมือนเมื่อวันศุกร์ เธอเลือกนั่งรถเมล์มาทำงาน เพราะอยากประหยัดค่าน้ำมันรถ พอมาถึงที่ทำงานก็ยิ้มทักทายพนักงานที่ตนรู้จักและก็รีบวิ่งเข้าไปในลิฟต์โดยสารที่กำลังจะปิดพร้อมตะโกนเรียกให้คนข้างในลิฟต์รอตนด้วย
“รอด้วยค่ะ” เธอรีบวิ่งจ้ำอ้าว แม้จะใส่ส้นสูง แต่ก็วิ่งได้คล่อง เพราะงานเลขาต้องทำเวลาตลอดเลยชินเสียแล้วกับการเดินวิ่งบนส้นสูงสี่นิ้ว
“ขอบคุณนะคะ” พอเข้ามาในลิฟต์ก็เอ่ยขอบคุณพนักงานข้างใน
“ยินดีครับ” เป็นผู้ชายหนึ่งคนที่เอ่ยขึ้นและปิ่นปักก็รู้จักสนิทเป็นอย่างดี เพราะได้ติดต่อกับอีกฝ่ายเป็นประจำแทบทุกวันที่บริษัท
“คุณตะวันสวัสดีค่ะ วันนี้มาเช้านะคะ”
“ครับ คุณเลขาก็มาแต่เช้าเหมือนกันนะครับวันนี้” ตะวันเอ่ยตอบกลับพร้อมส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้ ตะวันเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบ
“ไม่เช้าไม่ได้หรอกค่ะ รถเมล์ถ้าออกสายได้ยืนค่ะ” ปิ่นปักตอบยิ้ม
“วันนี้ไม่ได้ขับรถมาเหรอครับ”
“ค่ะ นั่งรถเมล์มาประหยัดดีค่ะ” สาวสวยตอบ
“ผมไปนะครับ” แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออกมาเมื่อมาถึงชั้นที่อีกฝ่ายทำงาน
“ค่ะ ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะวันนี้” ปิ่นปักให้กำลังใจเพื่อนร่วมงานที่ตนสนิทที่สุดในลิฟต์ ส่วนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็พากันเดินออกจากลิฟต์
“เช่นกันครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณเลขานะครับ”
ประตูลิฟต์ก็ปิดเมื่อทุกคนเดินออกจากลิฟต์หมดแล้วเหลือตัวเองเพียงลำพังที่ต้องขึ้นไปอีกชั้น เธอเป็นเลขาท่านประธานก็ต้องอยู่ทำงานชั้นเดียวกับท่านประธานและโต๊ะทำงานก็อยู่หน้าห้อง รอให้เจ้านายเรียกใช้