“จ้า... แม่คนปากหวาน” กิ่งกาญจน์ลูบศีรษะของลูกเลี้ยงไปมาด้วยความรักใคร่
“หนูนิตเป็นคนดี ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องมีคนรักจ้ะ” กิ่งกาญจน์กุมใบหน้าสวยหวานของเด็กสาวเอาไว้
“พี่พริกเขา...” นิตยาอ้ำอึ้ง อยากเล่าปัญหาให้มารดาเลี้ยงฟัง แต่กลัวท่านไม่สบายใจ
“มีอะไรเล่าให้น้าฟังได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“งั้นไปอาบน้ำได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวต้องแต่งตัวแต่งหน้าอีก เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์หมั้นนะจ๊ะ”
“ค่ะน้ากิ่ง”
“แล้วก็ยิ้มหวาน ๆ จ้ะคนดีของน้า วันนี้เป็นวันดี ห้ามหน้างอนะ”
“ค่ะ”
“น้ารู้ว่าหนูนิตเป็นคนเข้มแข็ง เอาความดีชนะใจเขาให้ได้นะจ๊ะ”
“น้ากิ่งหมายความว่ายังไงคะ”
“แม้คุณแม่จะตอบตกลงเรื่องที่ตาพริกพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ ไม่ถามหนูนิตสักคำ แต่หนูนิตก็มีใจให้เขาใช่ไหมจ๊ะ ไม่อย่างนั้นคงหาทางปฏิเสธไปแล้ว”
“คือว่านิต...” คนถามมองอย่างรู้ทัน คนตอบหน้าแดงน้อย ๆ
“เอาเถอะ น้าเป็นกำลังใจให้เสมอ น้ารักหนูนิตนะคะคนดี มีปัญหาอะไรสามารถคุยกับน้าได้ทุกเรื่อง ได้ตลอดเวลา น้ายินดีรับฟัง”
“หนูนิตขอบคุณน้ากิ่งมากนะคะ” เธอกราบที่อกมารดาเลี้ยง กอดท่านอีกครั้ง ด้วยความรักสุดหัวใจ กิ่งกาญจน์ยิ้มกว้าง ลูบศีรษะลูกเลี้ยงไปมาอย่างแสนรัก
นิตยานั่งมองตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่ในห้องแต่งตัว ผู้หญิงตรงหน้าที่เธอเห็นดูแปลกตาไปจากทุกวัน ผิวหน้าเนียนละเอียดถูกตบแต่งอย่างประณีต ผมนุ่มสลวยถูกเกล้าขึ้นไปกลางกระหม่อม ทำให้มองเห็นลำคอระหงได้อย่างชัดเจน ชุดไทยที่สวมใส่เป็นชุดไทยประยุกต์มิดชิด แต่เน้นทรวดทรงองค์เอวอรชรอ้อนแอ้น มีสัดส่วนยวนตา
“สวยมากจริง ๆ ค่ะ สวยกว่านางในวรรณคดีอีกนะคะ” ช่างแต่งหน้าทำผมเอ่ยชม ตบมือรัว ๆ แต่งหน้าผู้หญิงมาเยอะแล้ว แต่นิตยาสวยจับจิตจับใจ
“ผิวก็สวย โครงหน้าก็สวย คู่หมั้นของคุณนิตเห็นเข้า จะต้องตะลึงแน่ ๆ เลยค่ะ”
“ชมกันเกินไปแล้วค่ะ” เธอถ่อมตัว คิดเสมอว่าความสวยไม่ได้มีผลดีเสมอไป บางทีมันก็สร้างเรื่องและปัญหาที่ชวนปวดหัว
“แหม... คุณน้องถ่อมตัวเหลือเกิน”
“หนูนิตเสร็จหรือยังจ๊ะ” เสียงของมารดาเลี้ยงขัดการเยินยอของช่างแต่งหน้าลงในทันที
“เสร็จแล้วค่ะน้ากิ่ง”
“หนูนิตของน้าสวยเหลือเกินจ้ะ พริกเห็นเข้าจะต้องตกตะลึงมากแน่ ๆ”
“เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้นะคะ”
“ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็เป็นเกย์แล้วค่ะพี่นิต” เสียงของนุชานั่นเอง เธอมองพี่สาวอย่างตกตะลึงไม่แพ้กัน วันนี้พี่สาวของเธอสวยหวานจับใจ
“พี่นิตสวยจับจิตจับใจจริง ๆ เลยค่ะ ชักหวงแล้วละค่ะคุณแม่ ไม่อยากให้แต่งงานเลย” คนขี้อ้อนกอดพี่สาวซบอกอย่างหวง ๆ
“พี่เขาแค่หมั้นจ้ะแม่ตัวดี”
“น้องสาวของพี่ก็สวยที่สุดในโลกเลยจ้ะ”
“ดูสิคะคุณแม่ พี่นิตปากหวาน” นุชาอมยิ้ม
“ไปกันได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์” กิ่งกาญจน์อมยิ้มให้สองพี่น้อง ก่อนจะพาลูกเลี้ยงลงไปเข้าพิธีหมั้น
ร่างอรชรที่ค่อย ๆ ก้าวลงบันไดของบ้านหลังใหญ่เพื่อมาเข้าพิธีหมั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง นิตยาเป็นผู้หญิงสวยหวานอยู่แล้ว พอยิ่งแต่งตัวแบบนี้ เธอจึงยิ่งสวยหวานน่าพิศมองเข้าไปอีก
คนที่เหลือบมองบันไดหลายรอบเพื่อรอเข้าพิธีหมั้นด้วยความหงุดหงิดในคราแรก เงยหน้าขึ้นมองบันไดรอบนี้ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดไปเลยทีเดียว
นิตยาค่อย ๆ เดินลงมาในชุดไทย เรือนผมที่เกล้าอยู่บนศีรษะเปิดเผยลำคอระหงเนียนละเอียด
ฤกษ์หมั้นมาถึงแล้ว ร่างอรชรค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้าว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม เธอสะเทิ้นอายเมื่อได้สบสายตาคมเข้มของเขา
พฤทธิ์มองว่าที่คู่หมั้นหน้าหวานหยด ก่อนจะตื่นจากภวังค์เมื่อถูกมารดาสะกิด เขากระแอมเบา ๆ มองรอบกายก็เห็นสายตาชื่นชมของผู้ชายทุกคนในงาน ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มกระด้างขึ้นมาในทันที
“ได้ฤกษ์แล้ว สวมแหวนหมั้นให้น้องสิพริก” พันกับอภิรดี บิดามารดาของพฤทธิ์ค่อนข้างจะรักและเอ็นดู นิตยาอยู่มาก พวกท่านไม่ได้รับรู้เรื่องของลูก ๆ จึงไม่รู้ว่ากำลังมีปัญหากัน เนื่องด้วยต้องเดินทางบ่อย ๆ และทำธุรกิจหลายอย่าง ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน อีกทั้งลูก ๆ ก็โตแล้ว เลยปล่อยให้อยู่กันเอาเอง
พฤทธิ์สวมแหวนหมั้นให้นิตยา เธอยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนช้อย หน้าชื่นอกตรม รู้ดีว่าการหมั้นหมายในครั้งนี้จะนำพามาด้วยการถอนหมั้น แต่เธอก็ยังแอบดีใจ ที่ได้ใกล้ชิดเขา ได้เคยเป็นคู่หมั้นของเขาสักครั้งหนึ่ง
หัวใจเจ็บแปลบเพราะรู้ว่าเขาทำไปเพราะอยากช่วยน้องสาว แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังจะรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
นิตยาสวมแหวนหมั้นให้พฤทธิ์ ก่อนที่เขาจะดึงเธอไปจูบแรง ๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ใหญ่และแขกเหรื่อในงาน
พฤทธิ์ทำไปเพราะอยากประกาศให้ผู้ชายทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้หมั้นกับเขาแล้ว คนอื่นห้ามยุ่ง แต่นิตยาอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอทุบอกเขาเบา ๆ ก้มงุดเมื่อเขาปล่อย คุณรุ้งลดากระแอมกระไอ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
แล้วก็เป็นดังคาด นิตยาโดนผู้เป็นย่าดุด่าว่ากล่าวหาว่าเธอไปให้ท่าพฤทธิ์ จนทำให้เขา ทำอะไรน่าเกลียดต่อหน้าแขกในงาน
“ยิ้มให้มันน้อย ๆ หน่อย ผู้ชายจะฆ่ากันตายเพราะหล่อนนะแม่นิต” นิตยาก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเอ่ยอะไรแม้แต่น้อย รุ้งลดาก็เลิกโมโหไปเอง
เสียงเอะอะโวยวายข้างนอกทำให้ทุกคนต้องออกไปดู วิวัฒน์นั่นเอง อีกฝ่ายกำลังเมามายไม่ได้สติ แถมยังอาละวาดร่ำร้องจะเจอนิตยาให้จงได้
“นิต... วัฒน์รักนิตมานานแล้ว นิตก็รู้ ทำไมต้องไปหมั้นกับคนอื่นด้วย” วิวัฒน์เมาเหมือนหมา ดวงตาแดงก่ำ กลิ่นเหล้าหึ่ง เกลือกกลิ้งไปกับพื้นสภาพน่าเวทนา
“แม่นิต หล่อนหมั้นกับตาพริกแล้ว ยังไปให้ความหวังกับผู้ชายคนอื่นอีกรึ หล่อนนี่มันเหมือนแม่ไม่มีผิด” คุณรุ้งลดาด่าว่า นิตยาทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย พฤทธิ์มองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม สีหน้าของเขาบึ้งตึง ใบหน้ากระด้าง ดวงตาลุกวาว
“นิต... ถอนหมั้นกับมันได้ไหม แล้วมาแต่งงานกับเรา นิตอยากได้อะไรเราจะให้ทุกอย่าง” วิวัฒน์ลุกขึ้นยืน ซวนเซไปกุมมือของผู้หญิงที่รักเอาไว้
“วัฒน์เมามากแล้วนะ กลับบ้านไปก่อนเถอะนะ ถือว่านิตขอร้อง”
“เราไม่กลับ เรารักนิต เราจะแต่งงานกับนิต” วิวัฒน์กอดร่างอรชรเอาไว้ นิตยาร้องประท้วง ดิ้นหนีแต่ไม่หลุด
“บัดสีบัดเถลิง โอ๊ย! ฉันจะเป็นลม” คุณรุ้งลดาทำท่าจะเป็นลม แขกผู้ใหญ่ในงานถึงกับหันไปซุบซิบนินทาไม่หยุดปาก
“โอ๊ย!” เสียงของวิวัฒน์ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงเซแซด ๆ ล้มไปกองกับพื้นด้วยหมัดหนัก ๆ ของพฤทธิ์ นิตยากรีดร้องเสียงหลง ก่อนจะโดนกระชากพาขึ้นรถออกไป
“ฉันจะเป็นลม นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน”
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” กิ่งกาญจน์นึกสงสารนิตยาจับใจ ลูกเลี้ยงของเธออยู่ดี ๆ ผู้ชายพวกนั้นโมโหอาละวาดกันเอาเอง คุณรุ้งลดาก็โทษว่าเป็นความผิดของนิตยาอยู่ร่ำไป
“พี่พริกคะ นิตกลัว พี่อย่าขับรถเร็วแบบนี้สิคะ” นิตยาบอกเขาด้วยความหวาดกลัว เมื่อพฤทธิ์ขับรถเร็วปานพายุ
“ยั่วผู้ชายไม่เลิกรา ขนาดว่าหมั้นกับฉันแล้ว เธอนี่มัน!” เขาพูดด้วยความโมโห นิตยาส่ายหน้าไปมา เธอไม่รู้เรื่องราวอะไรจริง ๆ ผู้ชายพวกนั้นมารักเธอเอง
เธอพยายามปฏิเสธ และไม่เคยให้ความหวังใครเลย แต่พวกเขาก็ไม่เลิกหวัง
“นิตขอโทษค่ะ นิตไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนะคะ”
“เมื่อไหร่จะเลิกให้ความหวังผู้ชายสักที เธอนี่มันนางวันทองจริง ๆ”
“พี่พริก!” นิตยาอุทานเสียงหลง ไม่คิดว่าเขาจะด่าว่าเธอเป็นนางวันทองสองใจ
“นอกจากไอ้อิฐ ไอ้วิวัฒน์แล้ว เธอยังอ่อยผู้ชายคนไหนอีก แต่ก็คงเยอะจนจำไม่ได้ใช่ไหม จำเอาไว้ว่าฉันหมั้นกับเธอเพราะอยากให้ยายแพรวสบายใจ ถ้าสองคนนั่นแต่งงานกันเมื่อไหร่...”