ตอนเด็ก ๆ เวลาถูกดุด่า เธอจะชอบอยู่กับตัวเองในห้องนอน และครุ่นคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ไม่รู้ทำไมเวลาคิดถึงพฤทธิ์หัวใจถึงได้เจ็บแปลบนัก
“คุณนิตคะ คุณอิฐมาขอพบค่ะ” สาวใช้ที่มารายงานทำให้นิตยาต้องละมือจากการแกะสลักผักผลไม้เพื่อจัดเตรียมอาหารกลางวัน
“จ้ะ เดี๋ยวฉันออกไปนะ” นิตยาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ วันนี้อย่างไรเธอก็ต้องคุยกับอิฐให้รู้เรื่อง เขาจะได้ตัดใจจากเธอสักที
“สวัสดีค่ะพี่อิฐ” เธอยกมือไหว้เขาเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน อิฐนั่งรอเธออยู่ในสวนหลังบ้าน เขามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน
“พี่จะไม่อ้อมค้อมละนะ”
“คะ?” เธอมองเขาเป็นคำถาม
“พี่รู้เรื่องที่นายพริกเขาแกล้งหมั้นและก็จะแต่งงานกับนิตแล้วนะ”
“พี่อิฐ”
“พี่รักนิตนะครับ”
“แต่นิต...”
“ให้พี่พูดให้จบก่อน” นิตยาเงียบเสียเพราะเห็นท่าทีจริงจังของเขา
“พี่รักนิตตั้งแต่แรกเห็น ส่วนแพรวพรรณ พี่หมั้นกับเขาเพราะผู้ใหญ่ หากนายพริกบังคับให้นิตหมั้นและแต่งงานเพราะต้องการทำให้พี่ตัดใจและรีบแต่งงานกับแพรว พี่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าไม่มีทาง ถ้านิตใจตรงกับพี่ เราไปบอกทุกคน ว่าเรารักกัน ถอนหมั้นจากนายพริกเสีย”
“พี่อิฐคะ ตัดใจจากนิตเถอะนะคะ ถึงพี่พริกไม่ได้อยากให้นิตหมั้น เพื่อทำให้พี่อิฐตัดใจ แต่ยังไงนิตก็รักพี่พริกค่ะ” เธอสารภาพตามตรง
“นิต...” อิฐคราง เขารู้สึกอกหัก เจ็บปวดไปหมดทั้งหัวใจ
“แพรวเป็นคนน่ารัก พี่ลองเปิดใจรักเธอดูสิคะ บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พี่คิดก็ได้”
“ความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ เหมือนที่นิตไม่รักพี่ ทำยังไงก็ไม่รัก และพี่ก็คง...”
“พี่อิฐคะ นิตอยากให้พี่อิฐค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ตัดสินใจนะคะ อย่าเพิ่งตัดแพรวออกไปจากชีวิตเลย แพรวรักพี่อิฐมากนะคะ” เธอยื่นมือไปบีบมือเขาเพื่อเรียกสติ
“นิตรักพี่พริก ถึงเขาไม่รักนิตก็ตามที แต่นิตก็รักเขาค่ะ” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว
“พี่เข้าใจแล้วครับ พี่จะเป็นพี่ชายที่แสนดีของนิต หากนิตมีปัญหาอะไร ขอให้นึกถึงพี่นะครับ”
“ค่ะ นิตดีใจที่จะได้พี่อิฐมาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง”
“พี่ขอกอดนิตได้ไหม น้องสาวคนสวยของพี่”
“ได้สิคะ” เธอยอมให้เขากอดในฐานะพี่ชายน้องสาว ต่อจากนี้ไป จะได้จบ ๆ กันไปเสียที เขาเองก็จะได้ตัดใจจากเธอ
“มาอยู่ที่นี่เอง ที่หลบหน้าหลบตาแพรวเพราะอยากจะแอบมาพลอดรักกับนางนี่ใช่ไหมคะพี่อิฐ” เสียงของแพรวพรรณดังขึ้น พอ ๆ กับเสียงเผียะ! ฉาดใหญ่จากฝ่ามือของเธอ
ใบหน้าของนิตยาหันไปตามแรงตบ ก่อนที่ซีกหน้าจะขึ้นรอยแดงเป็นริ้ว
“นางหน้าด้าน อยากได้คู่หมั้นคนอื่นเป็นผัวถึงขนาดนัดกันมานัวเนียโอบกอด พลอดรักกันเลยเหรอ หน้าไม่อาย”
“แพรว... ฟังนิตก่อนนะ”
“ไม่ฟัง นางตอแหล ตายเสียเถอะ” แพรวพรรณตรงเข้าหาทำท่าจะตบนิตยาอีกฉาดใหญ่ พฤทธิ์ที่ตามมาทันเห็นว่าอิฐกอดอยู่กับนิตยา จึงรีบดึงร่างน้องสาวเอาไว้
“พาแพรวกลับบ้านก่อน ไปสิ!” น้ำเสียงของพฤทธิ์ดุดัน ผลักร่างน้องสาวเข้าไปในอ้อมแขนของอิฐ อีกฝ่ายเลยรีบดึงร่างของคู่หมั้นสาวออกมาในทันที
“ส่วนเธอมานี่เลย!” พฤทธิ์กระชากร่างของนิตยาเข้าไปหา ก่อนจะจับเธอแบกขึ้นบ่าพาไปที่รถ
“พี่พริกจะพานิตไปไหน”
“แพศยา รู้ว่านายอิฐเป็นคู่หมั้นของยายแพรว เธอก็ยังจะยั่วมัน กอดกับมันไม่อายฟ้าอายดิน”
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่พริกคิดนะคะ”
“อย่างนั้นเหรอ” เขาขับรถเร็วปานพายุ นิตยากลัวจนต้องหลับตาปี๋
“พี่พริก นิตกลัว อย่าขับเร็วแบบนี้” เขาเบรกรถหัวทิ่ม ศีรษะของนิตยากระแทกไปกับคอนโซลหน้ารถ
“โอ๊ย!” เธอกุมหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บ แต่เขาหาได้สนใจไม่ อารมณ์ของพฤทธิ์ในเวลานี้คือหึงหวงจนหน้ามืด
“เสื้อผ้าชุดนี้ถอดออกให้หมด ร่องรอยผู้ชายคนอื่น มันรกสายตาฉัน” พฤทธิ์กระชากมันออกจากเรือนร่างสาว
“พี่พริก อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ” เธอรวบเสื้อผ้าเอาไว้อย่างหวาดกลัว ร้องไห้ผลักไสความป่าเถื่อนของเขา พฤทธิ์ได้สติเมื่อคนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้เขาปลก ๆ
“คือพี่...” เขาพูดไม่ออกเมื่อเธอก้มหน้าร้องไห้ รวบเสื้อผ้าเข้าหากันด้วยมืออันสั่นเทา แรงสะอื้นทำไหล่บอบบางสั่นสะท้าน
พฤทธิ์ควบรถกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในตัวเมือง นิตยาสะอื้นไปตลอดทาง ม่านน้ำตาบดบังทัศนียภาพเกือบหมดสิ้น เธอปาดน้ำตาทิ้ง รวบเสื้อตัวสวยปิดบังเรือนร่าง กระดุมเสื้อกระเด็นออกไปจากรังดุม มันกลัดเข้าไปใหม่ไม่ได้แล้ว เหมือนหัวใจของเธอที่มันกระเด็นกระดอนออกไปจากอกอย่างรุนแรง
“ลงมาสิ” เขาเปิดประตูรถ เธอนั่งนิ่ง ในเวลานี้อยากกลับบ้านเป็นที่สุด พฤทธิ์โหดร้ายป่าเถื่อน ไม่พอใจก็ฉุดคร่าออกมาจากบ้าน
แต่ทุกอย่างถูกมองว่าเป็นความผิดของเธออยู่ดี
ผู้เป็นย่าคงดุด่าว่าเธอทำอะไรไม่ดีในบ้าน จนทำให้พฤทธิ์โกรธ เขาถึงต้องทำแบบนี้
“ว้าย! ปล่อยนะคะ” นิตยาร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มเธอออกจากรถ เธอกลัวตกลงพื้น มือน้อยจึงกอดคอหนาของเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติ ทำให้เธอต้องปล่อยเสื้อที่รวบเข้าหากันอย่างปัจจุบันทันด่วน
เธอหลับตาซุกหน้าเข้าหาอกกว้างด้วยความอับอาย เมื่อต้องเปลือยอกต่อหน้าเขา
“ถอดออกเถอะเสื้อตัวนี้” เขาวางเธอบนโซฟากลางบ้าน ก่อนจะดึงเสื้อตัวสวยของเธอออก
“พี่พริก ปล่อยนะคะ”
“จะใส่เสื้อผ้าขาด ๆ แบบนี้กลับบ้านไปหรือไง” คำพูดของเขาทำให้เธอชะงัก เผลอตัวปล่อยเสื้อที่รวบเอาไว้ ทำให้เขาดึงมันออกจากตัวได้อย่างง่ายดาย
“อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อมันพ้นไปจากตัว มือน้อยยกขึ้นปิดบังอกอวบอิ่มเอาไว้
“พี่พริก ปล่อยนะคะ” เขาอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขนอีกครั้ง นิตยาอายจนหน้าแดง ทุบอกเขาระรัว
“หล่นลงไปแข้งขาหักพี่ไม่รับผิดชอบนะ” คำขู่ของเขาได้ผล มันทำให้เธอได้สติยึดคอแกร่งของเขาเอาไว้ ไม่ให้ตกลงไปบนพื้นแข้งขาหัก
ห้องนอนกว้างด้านหน้าทำเธอหน้าแดงก่ำ เขาคงไม่คิดจะทำอะไรเธอแบบนั้นอีกใช่ไหม แค่แผ่นหลังแตะพื้นเตียง นิตยาก็ผวา เขากดร่างเธอเอาไว้ ก่อนจะขึ้นคร่อมทับ
“ห้ามลุก ไม่งั้นโดนปล้ำ” เธอกอดตัวเอง เม้มปากแน่น นอนตัวแข็งไม่กล้าลุก เสียงขู่ของเขาทำเธอหวาดหวั่น
“ดีมาก” เขาขยับออกห่าง ก่อนจะไปรื้อเสื้อผ้าในตู้ออกมา
“เสื้อของใครคะ” เธอไม่อยากสวมเสื้อผ้าของคนอื่น ในขณะที่เขาดึงเธอให้นั่ง รีบสวมเสื้อให้เธอ เขาซื้อให้เธอเอง แต่ไม่ได้ปริปากบอกความจริง แค่เห็นเธอใส่ได้พอดีเขาก็พึงพอใจ
ถ้าเธอยังโป๊เปลือยอยู่แบบนี้ เขาคงห้ามใจไม่ไหว
เขาไม่ตอบ เธอก็ไม่กล้าถาม แต่มันสวมได้พอดีไม่คับหรือหลวมจนเกินไป
“เจ็บมากไหม” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น ใช้มือแตะที่หน้าผากของเธอ นิตยาสะดุ้งครางเบา ๆ ด้วยความเจ็บ
“มันบวม” เขาสบถเหมือนโกรธ เธอคิดไปว่าเขาคงโกรธเธอ นิตยาเหลือบสายตามองคนที่ค่อย ๆ เป่าหน้าผากของเธอเบา ๆ ก่อนจะปลอบว่าเดี๋ยวก็หาย เธอกะพริบตาปริบ ๆ หัวใจเต้นถี่พองโตอย่างรุนแรง
“นั่งคอยอยู่นี่ก่อนนะ” เขากำชับก่อนจะเดินหายไปสักครู่ และกลับมาพร้อมก้อนน้ำแข็งที่ห่อผ้าเอาไว้ประคบเบา ๆ ที่หน้าผากเขียวช้ำของเธอ ลามไปถึงซีกแก้มที่เป็นรอยตบ
“เจ็บอีกไหม” นิตยาสะดุ้งเมื่อเขาเอ่ยถาม เธอมองเขาเพลิน พอโดนจับได้ว่าแอบมอง จึงรีบก้มหน้างุด
“ถามว่าเจ็บอีกไหม” เขายื่นหน้าเข้ามาหา เธอเงยหน้ามองเขาในระยะกระชั้นชิด ลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดใบหน้าของเธอ ทำใจสาวสั่นรัว
พฤทธิ์ดุนดันริมฝีปากแสนหวาน นิตยาหลับตาพริ้ม เธอพ่ายแพ้หัวใจตัวเองอีกแล้ว ความอ่อนโยนของเขาทำให้ร่างกายของเธออ่อนระทวยอย่างไม่น่าให้อภัย