ระหองระแหง

1348 Words
ตั้งแต่ได้แหวนมาสิรินก็สวมตลอดเวลาไม่ยอมถอด แม้ว่าโรมจะให้เธอไว้เพียงเพื่อเป็นแหวนแทนใจในวันครบรอบ มิใช่แหวนแต่งงานอย่างที่ใครต่อใครเข้าใจก็ตาม “คนสวยของพี่มีเจ้าของไปซะแล้วสินะ” เสียงหัวหน้าเอ่ยแซวเมื่อเห็นแหวนในมือของสิริน คนถูกพูดถึงเพียงแค่ยิ้ม เธอเข้าใจดีว่าความหมายของหัวหน้านั้น หมายถึงว่าเธอถูกขอแต่งงานแล้วแต่ความจริงโรมไม่ได้พูดว่าขอแต่งงานสักนิด ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องแต่งงานมันจะสำคัญตรงไหน เพียงแค่คนสองคนรักกัน เข้าใจกันก็เพียงพอแล้ว เธอพยายามคิดแบบนั้น แต่ความจริงแล้วมันก็แค่การหลอกตัวเอง เอน่ะใฝ่ฝันหาแต่วันแต่งงาน อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด “มีข่าวดีเมื่อไหร่ก็บอกนะ” เมื่อเห็นว่าสิรินเอาแต่ยิ้ม ‘บัญชา’ จึงได้พูดขึ้น เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่มาวนขายขนมจีบให้สิรินคนสวยคนนี้ แต่ด้วยบัญชานั้นไม่ค่อยสันทัดในเรื่องของการจีบผู้หญิงเท่าไหร่เขาจึงไม่ได้รับความสนใจจากสิริน เธอมองเขาเป็นเพียงเจ้านาย และพี่ชายที่ดีเสมอมา ตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่ บัญชาคอยช่วยเหลือสิรินเสมอ แต่กับเรื่องงานนอกจากสอนให้ ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง สิรินเป็นคนเก่ง หัวไว เรียนรู้และเข้าใจได้เร็วทั้งยังเป็นคนละเอียด งานที่สิรินเป็นคนรับผิดชอบจึงมักจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร “คงยังหรอกค่ะ เศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ คงทำงานเก็บเงินไปอีกนาน” สิรินกล่าวก่อนจะยิ้มให้กับคนตรงหน้า ความสวยและความเก่งนอกจากจะทำให้คนชื่นชมรักใคร่ อีกมุมหนึ่งก็เป็นชนวนเหตุให้คนอิจฉาและหาเรื่องนินทาได้เช่นกัน มีเพื่อนร่วมงานจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบใจในสิริน บ้างก็ว่าแอบกินกับหัวหน้า บ้างก็ว่านอนคุยกับลูกค้า หรือที่ได้ยินบ่อยที่สุด ก็คงไม่พ้นเรื่องที่กล่าวหาว่าเธออ่อยผู้ชายไปทั่ว ทั้งที่ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว “แม่นี่กับหัวหน้านี่มันยังไงคุยกันทีไร หัวหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกที กับคนอื่นยืนนิ่งเป็นสากกะเบือ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบมองดูสิรินกับบัญชายืนคุยกันอยู่ หันไปถามกับเพื่อน “อ่อยไม่เก่งอย่างเขาก็อย่าอิจฉาสิ เจ้านั้นน่ะคุยกับใครก็ติดใจทุกรายนั่นแหละ ไม่งั้นจะกวาดรางวัลพนักงานดีเด่นทุกปีเหรอ” บทสนทนาพวกนี้ไม่เคยหลุดถึงหูของสิรินเลยสักครั้ง เพราะถึงแม้ว่าสิรินจะไม่ใช่คนชอบพูด ชอบสุงสิงเข้าสังคม แต่หากได้ด่าสักครั้ง รับรองว่าสะเทือนไปหลายวัน หลายคนเคยเห็นมาแล้วจากการต่อว่าพนักงานที่ทำงานผิดพลาดสิรินไม่ได้ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่เธอใช้วิธีพูดให้คนฟังสำนึกสำเหนียกตัวเอง “ฮัลโหล...ออกมาหรือยังคะสิรินรอคุณนานแล้ว” ทุกเที่ยงโรมจะขับรถมารับสิรินไปกินข้าวด้วยกันเสมอ ที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ ๆ ที่ทำงานของสิรินเนื่องจากโรมนั้นมีรถส่วนตัวและเขาก็ไม่ได้มีเวลาเข้างานที่ตายตัวด้วยตำแหน่งงานที่ค่อนข้างสูง “วันนี้ผมคงไปไม่ได้ ติดธุระจริง ๆ คุณเข้าใจผมนะ” เสียงตอบกลับมาของอีกฝ่าย ทำให้ใบหน้าสวยพลันเฉาลงทันที “ฮัลโหลสิริน...ได้ยินผมหรือเปล่า” โรมเรียกซ้ำเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “อ๋อ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวสิรินหากินแถวนี้ก็ได้” เมื่อได้สติอีกฝ่ายจึงได้ตอบกลับไป สิรินพลันคิดได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอก็เคยเดินหาข้าวกินเอง แค่หนึ่งปีที่ผ่านมามีโรมมาคอยพาไปนั่นไปนี่จะถึงกับทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็นเลยหรือ การทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเออยากจะเจอกับคนรักมากกว่า แต่หากเขามาไม่ได้เพราะติดงาน นั่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะดึงดันบังคับให้เขาขับรถเสียเวลามาเพื่อกินข้าวด้วยกันครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องขับรถกลับไป “คุณโอเคใช่ไหมสิริน” “ค่ะ ฉันแค่กำลังมองหาร้านข้าว คุณไม่ต้องห่วงหรอก เย็นนี้เจอกันนะคะ” “เอ่อ...เย็นนี้ผมก็คงจะไปรับคุณไม่ได้เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่างานมันจะเสร็จหรือเปล่าน่ะสิ” สิรินรู้สึกไม่ค่อยชินกับการที่จะไม่ได้เจอกันเลยตลอดทั้งวันเพราะตลอดหนึ่งปีที่คบกันมา ไม่มีวันไหนเลยที่โรมจะไม่หาเวลามาเจอกับเธอ “คุณเข้าใจผมนะงานมันยุ่งมากจริง ๆ คุณก็รู้ ถ้าไม่ใช่งานอะไรก็รั้งผมไม่ให้ไปหาคุณไม่ได้” สุดท้ายก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่สิรินจะไม่เชื่อคำพูดของโรมเลยสักนิดเดียวสิรินวางสายจากคนรักของเธอ แล้วเดินตากแดดหาร้านข้าว ที่จะกินสำหรับมื้อเที่ยง อาหารร้อนจัดแผดเผาผิวขาวจนแดงเธอออกมายืนรอโรมอยู่ที่หน้าบริษัทมือหยิบมาเพียงกระเป๋าสตางค์ใบเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่มีอะไรมาช่วยบังแดดได้เลย ปี๊บบ เสียงแตรรถดังขึ้นในระหว่างที่สิรินกำลังจะข้ามถนน ร่างระหงหยุดชะงักมองรถเก๋งตรงหน้า “ทำไมมาวิ่งตากแดดแบบนี้ล่ะ ไม่ร้อนหรือไง” เป็นบัญชาที่ออกมาหาข้าวเที่ยงกินเช่นกัน สิรินไม่ได้พูดอะไรเขาร้องเรียกให้เธอขึ้นรถไปด้วยกัน บนรถไม่ได้มีเพียงบัญชาคนเดียวแต่ยังมีพนักงานคนอื่น ๆ ที่ติดรถออกมาหาข้าวกินด้วย บัญชาแม้จะไม่ใช่คนพูดเก่งยิ้มเก่งแต่เขาก็เป็นคนใจดีหากไม่ใช่เรื่องงานที่เขาแสนจะเข้มงวดแล้ว เรื่องอื่น ๆ บัญชาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่น่าคบหาคนหนึ่ง "ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้ แฟนไม่มากินข้าวด้วยเหรอวันนี้" ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเอ่ยถาม สิรินที่เพิ่งจะขึ้นรถมาทำท่าเงอะงะ พูดอะไรไม่ถูก "แหมคุณปาน...เขาก็คงมีธุระบ้างแหละใครจะมาได้ทุกวันล่ะ" บัญชาแทรกขึ้น "แต่เขามาทุกวันเลยนะ ใช่ไหมน้องสิริน เห็นมารับมาส่ง เที่ยงก็ยังจะมารับไปกินข้าวอีก เขาทำงานอยู่แถวนี้เหรอ" คนถามยังถามต่อ "วันนี้กินอะไรกันดี สิรินอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า" บัญชารีบแทรกขึ้นเขารู้สึกได้ว่าสิรินไม่ได้อยากจะพูดเรื่องส่วนตัว ไม่ได้อยากตอบคำถามของพนักงานอีกคนที่มากับเขาด้วย "กินอะไรก็ได้ค่ะ" สิรินรีบตอบคำถามของหัวหน้าเพราะหวังจะเปลี่ยนเรื่อง "ง่ายจังเลยนะคะ" พนักงานอีกคนพูดขึ้น สิรินมงหน้าคนพูดอย่างแคลงใจ น้ำเสียงของเธอ กับคำพูดมันดูส่อไปทางอื่น แต่พอถูกมอง คนพูดก็ไม่ได้เก่งกล้าที่จะยืดหยัดในความหมายของตัวเอง "พี่หมายถึงกินง่ายดีจังเลยนะคะ" พอถูกมองหน้า คนพูดก็กลับคำขึ้นมาทันที สิรินไม่ค่อยสบายใจกับการกินข้าวมื้อกลางวันในวันนี้นัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สองสาวพนักงานก็คอยแขวะคอยสรรหาคำว่าแดกเธออยู่เรื่อย ๆ แต่สิรินก็ทำได้เพียงปล่อยผ่าน และวางเฉยเธอไม่ได้อยากมีปัญหากับใครและเธอก็ไม่เข้าใจด้วยว่าคนพวกนั้น ปฏิบัติตัวแบบนั้นกับเธอ เพราะอะไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD