Chapter.1

1220 Words
“ขอบคุณ ..ฮึก ขอบคุณมากค่ะ” เธอละล่ำละลักพลางใช้มือขวาดันพื้นถนนเพื่อพยุงตนเองขึ้นแทน แต่กลับเซซัดเกือบทรุดฮวบลงพื้นอีกครั้งหากเขาไม่รีบเอื้อมมือช้อนวงแขนเข้าช่วย หมั่บ “ฟู่วว” มัวแต่ถือเนื้อถือตัวจนเกือบพาลูกล้มแล้วมั้ยเล่า รังเกียจอย่างนั้นหรือ เหอะ เขาสิที่ควรจะเป็นฝ่ายรังเกียจมากกว่า “เร็วๆ” มาเฟียหนุ่มผละวงแขนออกพร้อมเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถเบาะด้านหลังให้ก่อนขับพาเธอและลูกออกจากจุดอันตรายนี้ให้เร็วที่สุด เสียงร้องไห้โยเยของทารกน้อยกับแม่ที่พยายามกล่อมให้หยุดนั้นช่างสะท้อนถึงปัญหาสงครามในซุนดาลีได้อย่างน่าเวทนานัก อาจจะเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับความเดือดร้อนของชาวบ้านตาดำๆ ได้เห็นความทุกข์ทรมานมันกับตา จากที่รู้สึกเฉยๆกลับเกิดความเวทนาแทรกเข้ามาในหัว “ชู่วว ไม่ร้องนะลูก ไม่ร้องนะคนดี” เสียงหวานใสกล่อมลูกน้อยสะกิดใจให้เขาเผลอช้อนสายตาขึ้นมองกระจกเพื่อมองหล่อนบนเบาะหลัง Oops! ใบหน้าเข้มชะงักงันเมื่อดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าหล่อนกำลังงัดเต้าขาวอวบออกมาให้ลูกดื่ม มาเฟียหนุ่มขับรถไปเรื่อยๆทว่าใบหน้ากลับดูไม่จืดแววตาลอกแลกเมื่อกำลังบังคับสายตาไม่ให้มองกระจกหลัง ..ว่าแต่ แม่ลูกอ่อนอะไรป้านปทุมถึงได้เป็นวงเล็กยอดสีแดงสด.. อืม เมื่อดันเผลอคิดอะไรทะลึ่ง เขารีบสะลัดความคิดบ้าๆนั่นออกแล้วหาเรื่องคุย “อะแฮ่ม..ไปหลบอยู่ที่ไหน?” ถามเสียงเข้มต่ำ “ใต้สะพานค่ะ” “นานแค่ไหนแล้ว?” “สอง ..? น่าจะสองวัน” “หา? แล้วมีอะไรตกถึงท้องเธอบ้างหรือยัง?” เขาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเธอเอาแต่ป้อนนมลูกทั้งที่ตัวเองอ่อนแรงขนาดนี้ “ยังค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วคล้ายใกล้จะหมดสติในไม่ช้า “อ่ะนี่ รีบกินซะ” เขาโยนแซนวิสสองห่อที่พกไว้ติดรถเผื่อหิวขณะเดินทางพร้อมด้วยน้ำเปล่าขวดใหญ่ยื่นไปให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” มือเล็กเปื้อนโคลนรีบแกะห่อแซนวิสเสียงดังกร็อบแกร็บก่อนกัดคำโตกลืนลงท้องแทบไม่ถึงนาทีด้วยความหิวโหย มืออีกข้างประคองลูกน้อยเข้าเต้า อีกข้างถือขวดน้ำขึ้นกระดก มาเฟียหนุ่มเหลือบมองกระจกเมื่อได้ยินเสียงเปิดฝาขวด จึงชะลอความเร็วและขับอย่างนุ่มนวลสุดเพราะห่วงว่าเธอจะสำลักน้ำ “จอดค่ะ ฉันจะลงตรงนี้” “หืม?” คิ้วหนาเลิกขึ้น หันไปมองเธอด้วยความงุนงง ..กินอิ่มแล้วจะลงเลย? “เธอจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตายเปล่าๆ เดี๋ยวฉันไปส่งให้ถึงโซนตอนเหนือแล้วกัน” “ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อกินอิ่ม สมองเริ่มไตร่ตรองได้ว่า ชายที่ช่วยเหลือเธอคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวธรรมดาหรอก ใครกันจะกล้ามาเที่ยวซุนดาลีในช่วงสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ นอกเสียจากเขาคือคนใหญ่คนโตฝ่ายกบฏที่เธอเกลียดแสนเกลียดเพราะพวกมันคือตัวการสร้างความวุ่นวายจนเกิดสงครามในแถบโซนภาคตะวันตกที่เธออาศัยอยู่นี้ “ฉันมาจากอิตาลี เป็นนักท่องเที่ยวหลงทางมา ไม่ใช่คนซุนดาลี และไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า” เขาตอกกลับชนิดอ่านใจเธอออกจนเธอต้องเงียบกริบ “ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยจอดให้ฉันลงตรงทางขึ้นเขาอีกประมาณสิบห้ากิโลเมตรข้างหน้านะคะ” “หืม?” เขาตวัดหางตาเหลือบมองเธออย่างหงุดหงิด ตกลงแม่นี่ปกติไหม คนอุตส่าห์จะไปส่งในพื้นที่ปลอดภัยกลับเลือกจะพาลูกไปลำบากบนเขา มาเฟียหนุ่มเลือกที่จะไม่เสวนากับหล่อนต่อ หยิบมือถือติดต่อลูอิสเพื่อถามไถ่ถึงสถานการณ์แถบภาคกลางของซุนดาลีด้วยภาษาอิตาเลียนเพราะไม่ต้องการให้เธอทราบตัวตนเขาพาลตื่นกลัวจนกระโดดรถหนี “ที่นั่นเป็นไงบ้าง” ‘กำลังเกิดจลาจลใหญ่ครับ กบฏขับไล่ผู้นำสำเร็จ ใกล้จะเป็นเมืองร้างเหมือนทางแถบทิศตะวันตกแล้วครับนาย เดี๋ยวผมกำลังกลับ นายรีบกลับเขตรอยต่อเถอะนะครับ ตอนนี้กลุ่มกบฏกำลังวางแผนใช้ระเบิดใหญ่พังเขื่อนกะจะให้ฝั่งตะวันตกเป็นเมืองใต้น้ำเลยครับ’ “หืม? ..ตอนนี้กูกำลังไปหมู่บ้านเชิงเขา” ‘หา กลับรถเดี๋ยวนี้เลยครับนาย มันมีด่านดักยิงพวกชาวบ้านที่ยังหลงเหลืออันตรายนะครับถึงไม่ยิงนายแต่ก่อนจะเห็นหน้า รถเจ้านายโดนกระสุนต้อนรับจนเยินแน่ครับ’ “มึงก็แจ้งพวกมันไว้เซ่” ‘ยากครับนาย ตอนนี้สัญญาณขาดหายติดต่อลำบาก’ “เห้อ งั้นมึงส่งพิกัดมา” ‘โอย กลับเถอะครับ’ “หุบปาก รีบส่งพิกัดด่านนั่นแล้วขับรถออกมาหากูซะ”เสียงทุ้มตวาดลูกน้องลั่น ทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวสั่น กอดลูกไว้แน่น ตอนนี้เธอไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ‘โอยนาย มาทำไมครับเนี่ย’ ลูกน้องคนสนิทของเขาโอดครวญแต่ยังทำตามคำสั่ง ฟรังค์โกเปิดดูพิกัดแล้วเบรกรถกะทันหันทำเอาหล่อนหลุดอุทานเสียงหลง “อุ๊ย ลูก!” “ข้างหน้ามีด่านดักยิง รีบๆล้างหน้าล้างตาให้สะอาดแล้วมานั่งเบาะข้างๆฉันซะ!” “ค่ะๆ” เธอรีบทำตามคำสั่งอย่างรนราน ขณะที่ใบหน้าเรียวยื่นออกนอกกระจกถูไถคราบสกปรกแล้วถอดผ้าคลุมศีรษะมาซับใบหน้าเกลี้ยงเกลาลวกๆ มาเฟียหนุ่มอ้าปากตะลึงราวกับถูกมนต์สะกดเมื่อมองผ่านกระจก หล่อนปล่อยผมดำขลับยาวสยาย ใบหน้าเรียวเล็ก ผิวเนียนละเอียด จมูกโด่งเชิดรับกับริมฝีปากบางกระจับได้รูป ดวงตากลมโตน่ารักราวกับหญิงสาววัยใสก็ไม่ปาน “เรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงหวานปลุกให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด “อาห์ อืม”เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าต้องถอดแจ๊คเก็ตยีนส์ให้เธอสวม “อ้อ เดี๋ยวฉันต้องถอดเสื้อตัวนี้ให้เธอใส่นะ”เขารีบถอดทันที “สวมซะ แต่ก่อนอื่นเธอต้องถอดชุดคลุมเน่าๆออกแล้วสวมแจ็คเก็ตฉันแทน..” “เอ่อ ได้ค่ะ แต่” “เห้อ ฉันไม่มองหรอกน่า” เอ่ยอย่างรู้ทัน และเอื้อมมือไปปิดกระจกมองหลังเพื่อให้มั่นใจหล่อนจึงถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกเผยเสื้อกล้ามสีขาวกับหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่จนล้นขอบเสื้อกล้าม สวนท่อนล่างนั้นโชคดีที่กระโปรงด้านในไม่เปื้อนมาก “เสร็จแล้วก็มานั่งเบาะข้างฉันสิ” “ค่ะ” หล่อนช้อนลูกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยไว้แนบอกก่อนก้าวเท้าข้ามมานั่งเบาะข้างเขา “เอาล่ะ พวกนั้นมันเลือกกำจัดเฉพาะคนซุนดาลีที่หลงเหลืออยู่ ฉันคือนักท่องเที่ยวมันไม่ทำอะไร ฉะนั้น เธอต้องแสดงว่าเป็นเมีย และนี่ก็คือลูกฉันนะ ห้ามทำหน้าตื่นกลัวเด็ดขาด โอเคไหม?” “ค่ะ” หล่อนหายใจเข้าลึกสุดก่อนผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เมื่อด่านอันตรายนั้นเข้าใกล้ทุกขณะ เขายกฝ่ามือชูนิ้วขึ้นเป็นสัญญาณให้เธอเตรียมพร้อม “สาม สอง หนึ่ง..เริ่ม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD