“เพคะ เกลียดอย่างไรมักได้อย่างนั้น ระวังไว้นะเพคะ สักวันหนึ่งเสด็จพี่เหยี่ยเหรินจะต้องกลืนน้ำลายตัวเองดังเอื้อกๆ ทูลลานะเพคะพระสวามี จุ๊บ” เสี่ยงอิงยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่นึกเกรงกลัวหรือเสียใจแต่อย่างใด ใจดวงน้อยกลับตื่นเต้นกว่าเดิมเสียอีก// ยากๆ แบบนี้แหละอิงอิงชอบ นางคิดก่อนจะเขย่งตัวไปจุมพิตแก้มขององค์ไท่จื่อที่ทำได้เพียงแค่ยืนอึ้งอ้าปากค้างตกใจกับสิ่งที่ได้เจอ
“น่าชังนัก! สตรีไร้ยางอาย” องค์ไม่จื่อตรัสตามหลังเสี่ยวอิงไปอย่างเข่นเขี้ยว ทั่วทั้งแผ่นดินนี้คงมีแต่นางเท่านั้นที่กล้าหาญทำเรื่องไร้ยางอายมิต่างจากนางโลมในหอโคมเขียว //นี่ข้าต้องแต่งนางเข้าตำหนักจริงๆ หรือ ช่างหน้าปวดหัวยิ่งนัก
.
.
.
.
.
งามสมรสพระราชทาน
ร่างงามระหงถูกสาวใช้แต่งองค์ทรงเครื่องจนหนักอึ้งชุดสีแดงสดตัดกับผิวขาวราวหิมะ ทำเอาบรรดาสาวใช้มองอย่างชื่นชมกับความงดงามของพระชายาใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มอย่างบางเบาในปากจิ้มลิ้มทาสีแดงระเรื่อหน้าจุมพิต
“เชิญเสด็จเพคะ” นางกำนัลผายมือให้เสี่ยวอิงที่ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องโถงที่จัดงานสมรส หาใช่ต้องการเดินให้สง่างามแต่อย่างใด แต่เดินช้าก็เพราะชุดรุงรังนี่แหละ
“นางงดงามนัก ขนาดมีผ้าแดงคลุมความงามยังมิลดน้อยลง”
“หึ เป็นเพียงนางกำนัลไยถึงได้ดีเพียงนี้”
“นั่นสิ นางคงใช้เล่มารยาถึงได้เป็นพระชายาขององค์ไท่จื่อ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังเข้าหูของเสี่ยวอิงไม่ได้หยุดหย่อนบุรุษมองพระชายาอย่างชื่นชมไปกับรูปร่างงดงามดั่งนางหงส์ ผิดกับเหล่าบุตรตรีจากเหล่าบรรดาขุนนางชั้นสูงที่มองเสี่ยวอิงราวกับโกรธแค้นมาเนิ่นนาน ใครๆ ต่างย่อมรู้นี้ในแผ่นดินนี้คนที่ใหญ่ที่สุดนอกจากฮ่องเต้ก็เป็นองค์ไท่จื่อผู้นี้ ที่สละบัลลังก์ให้น้องชาย ทุกคนจึงหมายตาแต่งเข้าตำหนักพระองค์กันทั้งนั้น
“ชักช้า” ทันทีที่เสี่ยวอิงเดินมาหยุดที่หน้าฮ่องเต้กับฮองเฮาเสียงตรัสห้วนๆ สั้นๆ ก็ต่อว่านางออกมาทันทีที่นางหยุดยืน // ประสาทจะแดก เป็นอะไรมากปะเนี่ย แค่ต้องตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ยังต้องมารองรับอารมณ์อย่างนี้อีก
“ทำไมเพคะ คิดถึงข้า อยากได้ข้าเป็นพระชายาขนาดนั้นเลยนะเพคะ ว้าว ดีใจจังเลยเพคะเสด็จพี่” เสียงหวานยั่วพระสวามีที่เอาแต่คอยจิกกัดนางไม่รู้จักหยุดหย่อน // ปากดีจริงๆ รู้จังอิงอิงน้อยไปซะแล้ว ให้แต่งมาเป็นผัวก่อนเถอะ
“ฟั่นเฟือนหรือถึงได้จินตนาการไปไกลเช่นนี้” เสียงราบเรียบแต่บาดใจคนฟังจนเลือดซิบ เสี่ยวอิงนั้นมองเจ้าบ่าวผ่านผ้าแดงที่คลุมหน้าอย่างเข่นเขี้ยวในใจ
“ชิ” เสียงหวานทำได้เท่านั้นเพราะเห็นสายตาคนอื่นๆ กำลังจับจ้องมาที่นาง
“พวกเจ้าสมกันเสียจริงนะ เสด็จพี่ข้าขอให้ท่านมีความ” ฮ่องเต้อวยพรพี่ชายด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มอย่างโล่งใจ ที่นับจากนี้ต่อไปองค์ไท่จื่อคงไม่มีเวลามาใกล้ฮองเฮาของพระองค์อีกแล้ว
“มีความสุขมากๆ ให้รักมั่นคงดั่งภูผามีความห่วงหาให้กันยาวดุจสายน้ำให้มีเจ้าก้อนแป้งน้อยให้ข้าอีกนะเหยี่ยเหริน เจ้าก็เช่นกันนะเสี่ยวอิงคิดเสียว่าข้านั้นเป็นแท้แท้ๆ ของเจ้า” ไทเฮาอวยพรบุตรกับลูกสะใภ้ด้วยความตื้นตันที่สุดท้ายบุตรคนโตของนางก็ได้คนที่ดีไปเป็นพระชายา หากฮองเฮาบอกว่าดีคนนั้นย่อมดีอย่างที่ลูกสะใภ้ของนางว่าเป็นแน่
“รักกันนานๆ นะ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง มีสิ่งใดไม่เข้าใจก็จงผ่อนปรนให้แก่กัน” ฮองเฮามองเพื่อนรักผ่านผ้าแดงอย่างจริงใจ นางขอฮ่องเต้ให้ประทานสมรสให้เพื่อนรักตามที่นางขออย่างไม่ลังเล เพราะนางนั้นตั้งใจทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรกที่พบหน้าเพื่อนรักคนเดียวของนางอยู่แล้ว นางจะไม่มีวันยอมให้อิงอิงต้องมาตกระกำลำบากหรือเป็นสองรองใครแน่ๆ
“ขอบพระทัยเพคะ/พะยะคะ” คู่บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน ก่อจะทำตามพิธีการที่เหล่าเหลากงกงและบรรดาขุนนางชนชั้นสูงได้จัดเตรียมเอาไว้ให้จนงานที่มีพิธีรีตองมากมายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี // โอ๊ย พิธีจีนนี่เยอะจริงๆ เลย เฮ้ออออ ซูบพลังไปเยอะมากเลยจริงๆ ตอนดูหนังจีนไม่เห็นว่าจะยากอะไรเลย เสี่ยงอิงได้แต่เถียงในใจ
.
.
.
.
.
.
.
.
ตำหนักขององค์ไท่จื่อถูกปรับแต่งให้งดงามและเต็มไปด้วยดอกไม้งดงามนานาพันธุ์ตามที่ฮองเฮาได้ทรงสั่งเหล่านางกำนัลให้จัดเตรียมไว้ ด้วยรู้ดีว่าเสี่ยงอิงเพื่อนรักของนางนั้นชื่นชอบดอกไม้มากจนเป็นชีวิตจิตใจ และถ้ามีงานแต่งเพื่อนรักของฮองเฮายังต้องการจัดแบบไหน ฮองเฮาก็สั่งนางกำนัลให้จัดออกมาให้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หอมจัง มิลกี้นี่รู้ใจดีจริงๆ เลย” จมูกน้อยสูดกลิ่นหอมอันอบอวลจากหมู่ดอกไม้เข้าปอดไปจนพอใจ
“เจ้านอนที่นี่ ข้าจะไปอ่านตำราต่อ” สุรเสียงเรียบเฉยบอกพระชายาที่นั่งบนเตียงอย่างไม่สนใจจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้เลยสักนิด องค์ไท่จื่อก้าวกำลังจะออกจากห้องหออย่างไม่นึกลังเลใจใดๆ
“โอ๊ะ ไปไหนเพคะ แต่งงานวันแรกคืนเข้าหอจะไปอ่านตำราเหรอ ข้าไม่ให้ไปหรอก” แขนเรียวยกขึ้นดันผ้าปิดหน้าตลบไปทางด้านหลังอย่างตกใจรีบวิ่งมาดักข้างหน้าพร้อมกับใช้สองแขนโอบรอบลำตัวขององค์ไท่จื่อเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนีไปไหนได้ หน้างดงามล่มเมืองแหงนเกยคางกับอกของพระสวามี จนองค์ไท่จื่ออดใจเต้นแรงไปกับความงดตรงหน้าไปไม่ได้ หากนับแต่พระเกิดมาจะว่านางงดงามที่สุดเท่าที่เคยพบผ่านมาก็คงมิใช่เรื่องแปลกไปเท่าใดนัก
“ออกไป เพียงแค่ข้าลดตัวแต่งเจ้าเข้าตำหนัก มันยังมิพอหรืออย่างไร” ตาคมสบกับดวงตาดั่งกวางน้อยแสนซนที่จ้องพระองค์กลับอย่างมิได้นึกเกรงกลัวต่ออำนาจที่พระองค์นั้นมีแต่อย่างใด
“ไม่ออก แต่งเป็นสามีข้าแล้วไม่คิดจะทำหน้าที่หรือเจ้าคะ ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าพี่เหยี่ยเหรินออกจากห้องหอนี้ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วทั้งวังหลวงว่าพี่เหยี่ยเหรินเป็นชายนิยมตัดแขนเสื้อ ทิ้งพระชายาผู้งดงามล่มเมืองไว้ในห้องหอ” สมองน้อยๆ คิดหาทางฉุดรั้งไม่ให้พระสวามีออกไปไหนได้