บทที่ 4 : จุดเปลี่ยน 3

803 Words
ทางด้านวันใหม่เพิ่งได้รับรู้ความจริงจากผู้เป็นแม่ว่าครอบครัวเธอนั้นกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย และพวกเธอก็จำต้องย้ายออกจากบ้านหลังใหญ่ที่เธอได้เกิดและเติบโตมาอย่างกะทันหันรวมทั้งมหาวิทยาลัยด้วย แม้จะโศกเศร้าเสียใจแค่ไหนเธอก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเท่ากับการถูกกีดกันเรื่องความรัก เพราะตอนนี้ชีวิตของแฟนหนุ่มกำลังเผชิญกับมรสุมไม่ต่างจากเธอ แม้เธออยากเคียงข้างอยากไปหาอันเดรียมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องย้ายถิ่นฐานอย่างกะทันหันจนแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวเช่นกัน “ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นละลูก นี่ก็สามเดือนแล้วนะที่เราย้ายมาอยู่เมืองนนท์ หรือว่าลูกยังไม่คุ้นเคยกับบ้านสวนริมคลอง” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาว ที่ตอนนี้ทอดสายตามองน้ำคลองที่ไหลอ้อยอิ่งด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “เปล่าค่ะคุณแม่” หญิงสาวหันมาปฏิเสธ เพราะเรื่องที่ตัวเองมานั่งเศร้าไม่ใช่เพราะต้องย้ายจากบ้านใหญ่หรูหราในเมืองกรุง มาอยู่บ้านสวนริมคลองเล็กๆที่ต่างจังหวัดแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะยังคงคิดถึงใครบางไม่เสื่อมคลาย และดูเหมือนว่าแรมเดือนจะรู้ความรู้สึกของลูกสาวดีจึงขยับลงมานั่งข้างๆพร้อมโอบไหล่มนดึงให้โน้มมาพิงอก “หรือว่าหนูยังคิดถึงพี่อันอยู่” “….” เสียงเงียบของลูกสาวเป็นคำตอบที่ชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา “แม่ขอโทษนะที่ช่วยอะไรหนูไม่ได้” อดีตคุณนายแรมเดือนที่ตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นนางแรมเดือนคนธรรมดาเพราะสถานการณ์ทางการเงินบีบบังคับ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรลูกสาวไม่ได้ “ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ บางทีเราอาจจะไม่ได้เกิดมาคู่กัน” วันใหม่พยายามมองโลกในแง่บวกไว้ และไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใคร “ถ้าอย่างนั้นลูกก็รีบไปแต่งตัวได้แล้วนะ เย็นนี้เราต้องไปงานหมั้นกัน” เมื่อเห็นว่าลูกสาวเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คิดอ่านโตขึ้นและไม่ทำให้เรื่องราวแย่ไปกว่าเดิมนางก็รู้สึกสบายใจ “ค่ะคุณแม่” วันใหม่รับคำก่อนจะเดินเข้าบ้านไป แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผู้เป็นพ่อทักไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อนวันใหม่” “คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามทั้งที่ไม่ยอมหันมามองหน้า ซึ่งกิริยาหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพูดคุยกับผู้เป็นพ่อนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ถูกยึดโทรศัพท์และถูกสั่งให้เลิกติดต่อกับคนรักหนุ่มแล้ว “ยังโกรธพ่ออยู่เหรอ” “….” ความเงียบนั้นไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าลูกตัวเองยังโกรธอยู่ ซึ่งเขาก็พยายามทำใจไว้แล้ว แต่เมื่อปล่อยไปยิ่งนานความสนิทระหว่างพ่อลูกก็ลดน้อยลงไปทุกทีจนตอนนี้สถานการณ์ดูย่ำแย่ลงไปมาก “หลังกลับมาจากงาน พ่อจะคืนโทรศัพท์ให้” และในที่สุดเขาก็ต้องยอมเป็นฝ่ายที่อ่อนให้กับลูกสาว เพราะไม่อยากเป็นพ่อที่ถูกลูกสาวเพียงคนเดียวเกลียดจนไม่แม้แต่อยากจะมองหน้าเหมือนทุกวันนี้ “พ่อพูดจริงเหรอคะ”วันใหม่รีบหันขวับมาหาพ่อ ย้อนถามรวดเร็วไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “พูดจริงสิลูก” คำตอบของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอแทบอยากจะกระโดดด้วยความดีใจแต่ก็ต้องสงวนกิริยาตัวเองเอาไว้ “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณผู้เป็นพ่อ เก็บซ่อนความดีใจไว้ในอกพร้อมนึกถึงใครบางคนที่เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะรีบติดต่อเขาทันทีที่ได้รับโทรศัพท์คืน “หนูขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณพ่อ แล้วทำกิริยาไม่น่ารักกับคุณพ่อด้วย” เธอเสียใจกับสิ่งที่ได้แสดงกิริยาไม่ดีกับผู้เป็นพ่อ เพราะตอนนั้นเธอโกรธมากที่ท่านใจร้ายกับเธอมากจนเกินไป แม้จะรู้ดีว่าที่ท่านทำไปทั้งหมดเพราะความหวังดีก็ตามที “พ่อเข้าใจ พ่อเองก็ต้องขอโทษหนูด้วยที่ทำร้ายจิตใจของหนู แต่ทุกอย่างที่พ่อทำก็เพราะพ่อรักลูกนะ” “ค่ะ หนูทราบค่ะ” “ขอบคุณที่เข้าใจพ่อ” สองพ่อลูกสวมกอดกันด้วยความเข้าใจ ความรู้สึกดีๆระหว่างพ่อลูกกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยขอตัว “หนูขอตัวก่อนนะคะ จะรีบไปแต่งตัว” กล่าวจบก็รีบวิ่งขึ้นบันไดด้วยความดีใจ เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันดีที่สุดสำหรับเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD