“โทษนะน้อง อันนี้ของพี่”
อันเดรียหนุ่มน้อยหน้าใสในเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตาบอกกับสาวน้อยวัยมัธยมถักผมเปียที่กำลังคว้าแก้วน้ำแตงโมปั่น ที่เขาสั่งไปถือจับจองเป็นเจ้าของหน้าตาเฉย
“ขอโทษค่ะ พอดีหนูรีบ หนูขอแก้วนี้ก่อนนะคะ แต่หนูสั่งให้พี่ใหม่แล้วเป็นน้ำสตอเบอรี่ปั่นใส่นมสด…ไปก่อนนะพี่”
สาวน้อยกล่าวจบก็ส่งรอยยิ้มหวานสดใสพร้อมโบกมือลาแล้ววิ่งออกจากร้านไปทันที
‘แบบนี้ก็ได้เหรอ’
อันเดรียพึมพำกับตัวเองพร้อมเกาหัวเบาๆ เด็กสมัยนี้ก็แปลก ไม่รู้จักต่อคิวแล้วยังเสียมารยาทเอาของคนอื่นไปแบบหน้าด้านๆ แต่นั่นไม่เจ็บใจเท่าเจ้าหล่อนสั่งน้ำสตอเบอรี่ปั่นแทนน้ำแตงโมหวานชื่นใจที่เขาโปรดปรานหนักหนาหรอก เพราะปกติแล้วเขาไม่ชอบทานอะไรที่มีรสชาติเปรี้ยวสักเท่าไหร่
เอาวะ น้ำสตอเบอรี่! ก็น้ำสตอเบอรี่! รสชาติไม่เหมือนแต่สีเหมือนก็ยังดี
อันเดียพยายามปลอบใจตัวเองในแง่บวกไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
“ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบบาทครับ”
พนักงานขายส่งเสียงบอก หลังจากที่วางแก้วน้ำปั่นลงตรงหน้าชายหนุ่ม
“ว่าไงนะ! น้ำสตอเบอรี่ปั่นแพงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
คิ้วเข้มขมวดขึ้นสูง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะปกติร้านนี้เป็นร้านขาประจำของเขา เวลาเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยก็มักจะสั่งน้ำแต่งโมปั่นที่เขาชอบ แต่ทุกครั้งราคาก็ไม่เกินแปดสิบบาทสักครั้ง หรือว่าน้ำสตอเบอรี่ปั่นจะมีราคาสูงกว่า
“ไม่ใช่ครับ หนึ่งร้อยแปดสิบบาทคือรวมกับน้ำแตงโมปั่นที่น้องสาวคุณเอาไปก่อนหน้านี้ด้วยครับ”
พนักงานอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังทำหน้างง
“น้องสาว”
อันเดรียทวนคำก่อนจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง…เด็กแสบ! กินแล้วไม่ยอมจ่ายเงินอีก อย่าให้เจอนะ จะจับมาตีให้ก้นลายเลย… ชายหนุ่มคิดก่อนจะควักเงินจ่ายค่าน้ำทั้งสองแก้วแล้วเดินออกมาจากร้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด
08.30 น. ในรั้วมหาวิทยาลัย
“น้องครับ เข้าห้องผิดหรือเปล่า อันนี้มันห้องน้ำชาย”
อันเดียบอกกับนักเรียนสาวในชุดมัธยมปลายเสียงหล่น ในขณะที่ตัวเองนั้นรีบรูดซิปกางเกงแทบไม่ทันเมื่อทำธุระส่วนตัวยังไม่ทันเสร็จดี ก็มีเด็กผู้หญิงวิ่งเข้ามาในห้องน้ำที่เขากำลังปลดทุกข์อยู่
“เอ่อ…ออ ขอโทษค่ะพี่”
สาวน้อยรีบกล่าวขอโทษด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน เมื่อรู้ตัวว่าเข้าห้องน้ำผิด แต่ก็ยังอุตส่าห์ส่งยิ้มหวานใสส่งมาให้ก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
‘นี่เธออีกแล้วเหรอ ยายเด็กแสบ’
เมื่อเห็นหน้าสาวน้อยถักผมเปียอันเดรียก็จำได้ทันทีว่าเธอเป็นใคร แต่พอตามออกมา เจ้าหล่อนก็หายไปเสียแล้ว
สายฝนที่กำลังโปรยลงมาทำให้อันเดรียต้องรีบควบมอเตอร์ไซค์คันใหญ่คู่ใจไปตึกเรียนของตัวเองให้เร็วที่สุดก่อนที่ฝนจะตกหนักไปกว่านี้ เพราะเขาไม่มีเสื้อกันฝนเกรงว่าหากฝนตกหนักจะเปียกปอนเอา คงไม่ดีแน่หากเขาไม่สบายเอาตอนใกล้จะสอบไฟนอล
“นี่น้องจะไปตึกไหน”
ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายมีเด็กสาวกำลังวิ่งอยู่ข้างถนนโดยใช้กระเป๋าหนังสีดำบังสายฝนไว้บนหัว เป็นภาพที่สุภาพบุรุษอย่างเขาเห็นแล้วก็ต้องชะลอรถเพื่อเอ่ยถามตามแบบฉบับคนน้ำใจงาม แต่เมื่อเจ้าหล่อนหันมาเขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
‘ฉันไปทำเวรกรรมอะไรไว้นะ ทำไมถึงได้เจอแต่เธอ เด็กแสบ!’อันเดรียได้แต่บ่นในใจ
“ไปตึกสถาปัตยกรรมค่ะ แต่หนูหาตึกไม่เจอ”
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
สาวน้อยกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางดีอกดีใจรีบก้าวขึ้นมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อย่างไม่ลังเล
“เชื่อใจคนง่ายแบบนี้ ถ้าพี่หลอกพาไปขายได้เลยนะ”
เมื่อมาถึงตึกที่หมาย อันเดรียก็อดที่จะหยอกสาวน้อยเล่นไม่ได้ แววตาใสซื่อและท่าทางไร้เดียงสาของเจ้าหล่อนช่างน่าเอ็นดูนัก
“หน้าตาหล่อๆแบบพี่คงไม่ทำอย่างนั้นหรอก จริงไหมคะ?”
“คนหน้าตาดี ไม่ได้หมายความว่าจะใจดีเหมือนหน้าตาเสมอไปนะ”
นอกจากจะไม่ปฏิเสธในความหล่อเหลาของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มยังเอ่ยอย่างหน้าตาเฉย ทำให้สาวน้อยต้องย่นจมูกใส่ไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่มีเรียนคณะนี้ด้วยเหรอคะ”
“เปล่า พี่เรียนอีกคณะหนึ่ง”
“เอิบ…พี่ใช่คนเมื่อเช้าที่ร้านผลไม้ปั่นหรือเปล่าคะ”
ท่าทางครุ่นคิดของเจ้าหล่อนทำให้อันเดรียรู้สึกขุ่นๆขึ้นมานิดๆ ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนไม่ยอมจ่ายเงินค่าน้ำ แต่เพราะเธอจำเขาไม่ได้ทั้งที่เจอเขาแล้วถึงสองครั้งต่างหาก และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้วด้วย
“ใช่ มีอะไร”
“เมื่อเช้าหนูลืมจ่ายค่าน้ำค่ะ หนูไม่รู้ว่าเจ้าของร้านเขาได้เก็บเงินกับพี่หรือเปล่า”
“อืม…ก็ต้องเป็นแบบนั้นไหมล่ะ”
คำตอบประชดประชันของชายหนุ่ม ส่งผลให้สาวน้อยต้องเผลอยิ้มหวานใสออกมา
สามครั้งแล้วกับรอยยิ้มกวนประสาทที่ทำให้เขาต้องหัวเสียทุกครั้งที่พบเจอ
“หนูขอโทษนะพี่ ว่าแต่ค่าน้ำเท่าไหร่คะหนูจะคืนให้”
“ไม่ต้องหรอก ถือเสียว่าเลี้ยงก็แล้วกัน”
“พี่ใจดีจังเลย เลี้ยงคนแปลกหน้าด้วย”
“เข้าไปในตึกได้แล้วมั่ง…เด็กแสบ”
อันเดรียเอ่ยปากไล่เมื่อไม่อาจทนเห็นร้อยยิ้มสดใสที่ทำให้หัวใจเขาสั่นน้อยๆได้อีกต่อไป แต่ตอนท้ายเขาเลือกที่จะเอ่ยในใจ
“ขอบคุณมากนะคะพี่ ถ้าเจอกันครั้งหน้าหนูจะเลี้ยงพี่เอง”
สาวน้อยบอกก่อนจะโบกมือลาแล้ววิ่งเข้าตึกไป
‘สามครั้งก็เกินพอแล้ว…หวังว่าจะไม่มีครั้งที่สี่อีก’
อันเดียพึมพำกับตัวเองพลางส่ายหน้าไปมากับความเปิ่นของเจ้าหล่อน ขณะที่นัยน์ตาคมกริบมองตามร่างเล็กที่วิ่งห่างออกไปจนลับสายตา
วันใหม่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถึงหน้าห้องสาขาสถาปัตยกรรม แล้วสาวน้อยก็ต้องถอนหายใจโล่งอกออกมาเมื่อเห็นนักศึกษาที่กำลังนั่งรอคิวเข้าสัมภาษณ์ยังไม่ถึงคิวเธอ
สาวน้อยรีบเปิดกระเป๋าดึงพอร์ตโฟลิโอของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้ววิ่งมานั่งต่อคิวเพื่อรอสัมภาษณ์เข้าเรียนในสาขาวิชาที่เธอใฝ่ฝัน
‘คุณพระคุณเจ้า ขอให้ลูกช้างได้เข้าเรียนสถาปัตยกรรมด้วยเถิด สาธุ!’
สาวน้อยภาวนาในใจด้วยอาการตื่นเต้น ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะ เพราะการสอบเข้าเรียนครั้งนี้เป็นการพิสูจน์กับพ่อแม่ว่าเธอก็เก่งไม่แพ้เพื่อนๆคนอื่นที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆได้ก่อนหน้าเธอไปเหมือนกัน