เผชิญหน้าอีกครา (60%)

2484 Words
ถึงมาร์โคจะไม่ค่อยมียางอายกับเรื่องพรรค์นี้สักเท่าไร เพราะคิดว่าตนเป็นผู้ชายไม่มีอะไรต้องเสียหายอยู่แล้ว แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอ ที่จะไม่ทำให้คู่ขานางงามสาวต้องอับอายกับวีรกรรมที่ร่วมกันทำอย่างเร่าร้อน กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มดันมีมารที่ไหนก็ไม่รู้มาผจญได้ซะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านและพยายามกัดฟันข่มกลั้นอารมณ์พิศวาสที่กำลังตีตื้นขึ้นมาอีกระลอกให้บรรเทาลง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่เบาบางไปได้ ฉะนั้นเขาจึงยังไม่มีอารมณ์หันกลับไปมองหน้าแขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ ว่าเป็นใครกันช่างกล้าดีแท้ ทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ หมูจะหามดันเอาคานเข้ามาสอด   “แกเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไงห๊ะ?” โมนิก้าที่ดูเหมือนจะตั้งหลักได้ก่อน รีบเอ่ยถามยัยเด็กแว่นสุดเฉิ่มที่ยืนตัวแข็งทื่อ เบิกตาโพลงอยู่ตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดอารมณ์เสีย แกมหมั่นไส้กับท่าทางอินโนเซ้นท์ราวกับไม่เคยเห็นคนมีอะไรกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ   “ฉะ…ฉัน…เอ่อขอโทษค่ะ สงสัยฉันจะมาผิดห้อง งั้นลาล่ะค่ะ” บุปผชาติใบหน้าแดงระเรื่อ ปากสั่นระริกละล่ำละลักเอ่ยขอโทษ ก่อนที่จะกล่าวอำลา แล้วหันหลังกลับโดยไม่มองหน้าคนทั้งคู่ซึ่งเกือบจะเล่นหนังสดให้เธอดูเมื่อกี้ สาวน้อยรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายที่ถือวิสาสะเข้ามาในนี้ ทั้งที่ไม่น่าเข้ามาเลยจริงๆ   ครั้นมาร์โคได้ยินเสียงใสๆ ก็รู้ทันทีว่านั่นคือบุปผชาติ ถึงไม่เห็นหน้าเธอเขาก็จำเสียงนี้ได้จนขึ้นใจ จึงรีบลุกจากตัวของโมนิก้า แล้วคว้าเสื้อที่โยนทิ้งข้างเตียงมาสวมใส่อย่างฉับไว ส่วนกางเกงยังอยู่ครบ แต่โมนิก้านี่สิเปลือยเปล่าทั้งตัว   บุปผชาติทนดูภาพอุจาดตาไม่ไหวจึงยกมือเรียวลูบใบหน้าที่คงจะเห่อแดงเบาๆ แล้วตั้งท่าจะวิ่งออกไปจากห้อง เพราะนึกอับอายแทนคนทั้งคู่ ที่ทำอะไรกันประเจิดประเจ้อโดยไม่ล็อกประตู บ้าชะมัด! เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเหมือนจะเป็นลมเสียอย่างนั้น   “เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งไป” มาร์โคเลิกสนใจคู่ขาไปโดยปริยาย รีบจ้ำอ้าวตามหลังสาวน้อย แล้วยื่นมือไปคว้าแขนเรียวไว้ได้ทันพอดี    “คะ…คุณ มีอะไรกับดิฉันอีกคะ” แม่สาวไร้เดียงสาตัวสั่นงันงก ขยับปากสีชมพูระเรื่อเอ่ยเสียงเบาหวิว ก้มหน้างุดด้วยความกระดากที่ดันมาเจอเรื่องบัดสีในที่ทำงานแห่งนี้ วันนี้มันวันซวยของเธอจริงๆ อยู่ๆ ก็เกือบจะได้ดูหนังสดทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะดูมันเลยสักนิด   “นี่คุณบุปผชาติ ไม่เคยมีใครสอนคุณเหรอยาหยี ว่าเวลาคุยกับคนอื่นให้มองหน้าและสบตาคู่สนทนา” มาร์โคเห็นคนขี้อายก้มหน้างุด แก้มป่องๆ นั้นแดงจัดเหมือนผลเชอร์รีจนอยากจะหอมซักฟอดสองฟอดให้หายคิดถึง จึงแสร้งทำเสียงเข้มมีแววตำหนิ ยั่วอารมณ์ให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา   “นี่คุณ! กล้าดียังไงมาพาดพิงถึงบุพการีฉัน” ได้ยินดังนั้นสาวเฉิ่มแต่สมองฉับไวก็ผงกหัวขึ้น สลัดแขนน้อยให้หลุดพ้นจากอุ้งมือกระด้าง แต่ยังไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนา ได้แต่กำหมัดน้อยๆ แน่น กัดฟันโต้ตอบคนตัวโตที่ยืนแนบชิดแผ่นหลังบอบบาง จนได้ยินเสียงหัวใจดวงแกร่งเต้นโครมคราม บุปผชาติแสนจะโมโหที่อีกฝ่ายบังอาจมากล่าวหาว่าเธอไม่เคยมีใครบอกใครสอน ว่าอย่างอื่นเธอพอรับได้ แต่ถ้าด่าไปถึงพ่อแม่ยัยเฉิ่มคนนี้ขอสู้ตาย “ถ้าไม่อยากให้ผมพูดแบบนั้น ก็หันมาหาผมซักทีสิจ๊ะสาวน้อย ผมอยากเห็นหน้าคุณจนจะลงแดงอยู่แล้วคนดี” มาร์โคจงใจกระซิบเสียงหวานข้างหูบอบบาง ส่งผลให้เธอรู้สึกสยิวจนต้องทำคอย่น เนื้อตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมาเร็วไว   เมื่อเห็นเธอยังไม่ยอมหันมาเผชิญหน้า พ่อคนเอาแต่ใจก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วถือวิสาสะวาดลำแขนแกร่งโอบกอดแม่ร่างบางไว้จากทางด้านหลัง ฉะนั้นเธอจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายถือโอกาสลวนลามตน บุปผชาติจึงหันขวับกลับมาหาเขาด้วยความโมโหสุดขีด ดวงหน้าหวานใสแดงก่ำ กำหมัดแน่น ขณะพยายามขืนกายให้หลุดพ้นจากพันธนาการแกร่ง  “คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันแบบนั้น” เสียงหวานสวนกลับทันควัน ทว่าพอผงกหัวขึ้นมองใบหน้าหล่อลากไส้เต็มสองตา เธอก็ต้องหลุดอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ “เอ๊ะ!...คุณ ไอ้ฝรั่งหื่น มือไว คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เอามือออกไปจากเอวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”  “หวัดดีจ้ะ เบบี๋ของนายมาร์โค” ชายหนุ่มยักคิ้วให้อย่างไม่ยี่หระกับคำด่าทอที่หญิงสาวตั้งใจแดกดันเต็มที่ ยิ่งโมโหเธอก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ สงสัยเขาต้องขยันเป็นดาวยั่วโมโหให้แม่สาวน้อยปรี๊ดแตกซะแล้ว จะได้เห็นหน้าแดงๆ เสียงแข็งๆ และดวงตาวาวโรจน์ที่ดูมีชีวิตชีวาบ่อยๆ  ภาพนี้จะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เห็น และเขาจะเป็นตัวกระตุ้นให้เธอเผยกิริยาเหล่านั้นออกมา ส่วนคนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมอง เพราะเขาจะเป็นคนถือสิทธิ์ขาดในตัวเธอแต่เพียงผู้เดียว มาร์โคแอบคิดแบบเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ และหมายมั่นปั้นมือว่าทุกอย่างจะต้องเป็นดั่งใจปรารถนา   “มาร์คคะ คุณรู้จักยัยเด็กเฉิ่มนี่ด้วยเหรอคะ” เสียงแหลมของโมนิก้าดังแทรกขึ้น หลังจากที่หล่อนมองเหตุการณ์อันน่าขัดใจอยู่พักหนึ่ง ทำให้ร่างอรชรที่ยังตกอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังได้สติ ดิ้นรนขัดขืน และผลักไสอกกว้างพัลวัน จนที่สุดก็สามารถนำพากายถอยห่างออกมาจากเขาได้สำเร็จ  “อืม…เธอจะมาออกแบบรถแข่งให้ผม” มาร์โคเอ่ยตอบคำถามของโมนิก้าด้วยท่าทางเนิบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และไม่มองหน้าคู่สนทนา   ทั้งที่ชายหนุ่มเพิ่งต่อว่าบุปผชาติไปหยกๆ ว่าไม่มีมารยาท เพราะเวลาพูดไม่ยอมมองหน้าและสบตาคู่สนทนา แต่ตนดันทำแบบนั้นซะเอง จะให้เขามองหน้าคนอื่นได้อย่างไรไหว เมื่อสองตาถูกตรึงให้มองแต่เรือนกายอ้อนแอ้นที่สั่นไหวน้อยๆ ดวงหน้าหวานใสแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีชมพูขบกันไว้แน่น จนเขาอยากจะง้างปากที่คิดว่าคงจะหวานล้ำด้วยปากร้อนแรงของตนเสียเดี๋ยวนั้น และหากไม่ติดว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย พ่อเจ้าประคุณคงไม่ยอมปล่อยบุปผชาติออกไปจากอ้อมกอดของตนง่ายๆ อย่างแน่นอน   “เหรอคะ โมเน่ก็นึกว่ายัยเด็กกะโปโลนี่ หาทางกลับบ้านไม่ถูกซะอีก ถึงได้หลงเข้ามาในนี้ ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาเฉิ่มเบ๊อะอย่างเธอจะทำงานแบบนี้ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ดีนะที่หน้าตาไม่เอาอ่าว แต่สมองยังไม่พิการตามหน้าตา ไม่งั้นคงน่าเวทนาแย่” โมนิก้าตั้งใจสาดถ้อยคำกระแนะกระแหนซึ่งแฝงไปด้วยความดูถูกดูแคลนใส่บุปผชาติอย่างเต็มที่  ท่าทางของยัยปากแดงที่แสร้งตีหน้าซื่อและเลิกคิ้ว ไม่เชื่อในความสามารถของสาวเฉิ่มอย่างเธอ ประกอบกับวาจาเหยียดหยามมันทำให้บุปผชาติเกิดความไม่พอใจขึ้นมาฉับพลัน ทั้งที่เธอไม่เคยคิดเอาคำพูดของพวกด้อยพัฒนาและล้าหลังของระบบประสาทมาใส่ใจ ทว่าครั้งนี้กลับรู้สึกทนวาจาของผู้หญิงสวยแต่ใจเสียคนนี้ไม่ไหว   “เอ่อ…ขอโทษนะคะ หากคุณยังหงุดหงิด เพราะไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย ฉันก็ขอตัวค่ะ เวลาของฉันมีค่ามากกว่าที่จะมาฟังคนอย่างคุณพล่าม หรือถกเถียงเรื่องไร้สาระ โดยเฉพาะเรื่องฉาวคาวโลกีย์ คนมีสมองอย่างฉันขอบอกตรงๆ เลยค่ะ ว่ารับไม่ได้จริงๆ”  วาจาตอบโต้แบบเชือดนิ่มๆ ไม่โหวกเหวกโวยวาย แต่ด่าแบบผู้ดีมีสกุลพึงกระทำ เล่นเอาโมนิก้าแทบหงายเงิบ รู้สึกเจ็บแสบไปถึงทรวงใน ไม่น่าเชื่อว่ายัยเฉิ่มจะแอบจิกกัดและรู้เท่าทันคนได้ขนาดนี้ ให้ตายเถอะ! หล่อนประเมินแม่สาวเอเชียตรงหน้าต่ำไปซะแล้ว โมนิก้าได้แต่คิดด้วยความคับข้องใจ   “นี่แกด่าฉันเหรอ! นังเด็ก…” โมนิก้ากำลังจะชี้หน้าด่าบุปผชาติ แต่เธอก็ไม่สนใจที่จะอยู่รับฟังคำอวยพรจากแม่สาวทรงโต รีบหันหลังสืบเท้าออกจากห้องทำงานใหญ่ทันที   “เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป ถ้าคุณชื่อบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล คุณก็คือคนที่ผมจ้างมาทำงานให้” เมื่อเห็นว่าเป้าหมายสำคัญของเขากำลังจะเผ่นออกไปจากห้อง มาร์โคจึงรีบปรามเสียงเข้ม ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้ขาเรียวเสลาของบุปผชาติต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ  “งั้นคุณ…ก็คือมิสเตอร์มาร์โค ดิมิเทียส งั้นหรือคะ?” สาวน้อยผินหน้ากลับมาหาอีกฝ่ายอย่างฉับไว หรี่ตามองชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ว่าไอ้หื่นมือไวที่เธอเจอในผับคืนนั้นจะเป็นประธานบริษัทโอ่อ่าแห่งนี้ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น คนที่ไม่อยากพบก็ดันได้พบหน้า ยิ่งภาวนาว่าอย่าพานพบก็ยิ่งพบเจอ หวังว่ามันคงไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกนะ เพราะแค่คิดเธอก็ละเหี่ยใจแล้ว   “ใช่แล้วจ้ะยาหยี” พ่อเจ้าประคุณยักคิ้วให้ด้วยท่าทางแสนทรงเสน่ห์ ฉีกยิ้มกว้าง ออกปากตอบรับใบหน้าระรื่น ภูมิใจนำเสนอให้สาวน้อยของเขาได้รู้ว่านี่แหละนายมาร์โค ดิมิเทียส ตัวจริงเสียงจริง!   “มาร์คคะ ทำไมคุณต้องไปพูดดีกับยัยเด็กไร้มารยาทนี่ด้วยล่ะคะ” โมนิก้าฟังการสนทนาที่เหมือนจะรู้จักกันอยู่นานจึงเริ่มทนไม่ไหว เมื่อเห็นมาร์โคพูดดีกับยัยเฉิ่มตรงหน้า เขาดูให้ความสนใจยัยเด็กนี่จนออกนอกหน้า ทำให้หล่อนรู้สึกเหม็นขี้หน้ายัยแว่นหนาเตอะที่เข้ามาแย่งซีน ขโมยความสนใจของชายหนุ่มไปจากหล่อนจนหมดสิ้น   “โมนิก้าคุณกลับไปก่อน ผมจะคุยงานกับคุณบุปผชาติ” เสียงห้าวเอ่ยบอกคู่ขาสาวอย่างสุภาพ ถึงจะหมดความสนใจและไม่คิดจะข้องแวะกับหล่อนอีกแล้ว แต่เขาก็มีวิธีตัดสัมพันธ์ที่นุ่มนวล เพราะไม่ต้องการให้มีเรื่องปวดหัวตามมาในภายหลัง   “งั้นก็ได้ค่ะ โมเน่จะรอที่คอนโดนะคะ คืนนี้คุณต้องไปหาโมเน่ให้ได้นะคะที่รัก” โมนิก้ายอมกลับแต่โดยดี ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มหงุดหงิดอารมณ์เสีย พลอยทำให้เขาตัดสัมพันธ์กับตน เพราะหล่อนยังไม่อิ่มในรสเสน่หาที่เขาป้อนให้ ทว่าสาวเจ้ากลับไม่รู้ว่าตนได้กลายเป็นเพียงอดีตของพ่อหนุ่มนักรักไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   “ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับปากไปอย่างนั้นเพื่อตัดรำคาญ แต่ไม่คิดที่จะไปหาอีกฝ่ายอย่างที่พูดจริงๆ และหล่อนก็ไม่มีสิทธิ์มาตามตอแยหรือก่อกวนเขา  ก่อนที่มาร์โคจะมีสัมพันธ์สวาทกับผู้หญิงคนไหน เขาจะต้องบอกกล่าวถึงกฎของตนให้พวกหล่อนได้รับทราบเสียก่อน หากรับได้พวกหล่อนเหล่านั้นก็จะได้ไปต่อ แต่ถ้าหากรับไม่ได้ก็แยกทาง กฎก็มีอยู่ว่าไม่มีข้อผูกมัด มีเพียงเซ็กส์ ความสนุก และค่าตอบแทนแห่งการปลดปล่อยที่สมน้ำสมเนื้อเท่านั้น   “แล้วโมเน่จะแต่งตัวสวยๆ รอนะคะ” เมื่อโมนิก้าได้คำตอบที่ตนพึงพอใจก็ยิ้มหวานหยด ก่อนจะโน้มลำคอหนาลงมาจูบอำลาชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม แล้วล่าถอยไปอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้เลยว่าตนได้ถูกตัดออกจากวงโคจรของมาร์โค ดิมิเทียส นับตั้งแต่วินาทีนี้เสียแล้ว บุปผชาติแอบเบ้ปากเลียนแบบท่าทางและคำพูดอันแสนจริตจะก้านของโมนิก้าด้วยความหมั่นไส้ จนคนตัวโตที่ลอบมองทุกอากัปกิริยาของสาวน้อยอยู่ตลอด ถึงกับเผลอยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ กับท่าทางน่ารักน่าชังปนซุกซนเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโต เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้สงสัยจะแสบน่าดู   “เอาล่ะค่ะ มาเข้าเรื่องของเราเถอะมิสเตอร์ดิมิเทียส ฉันจะได้รีบไปทำงานที่คุณต้องการสักที” แม่สาวจอมอัจฉริยะเห็นว่าเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมานานแล้ว จึงเอ่ยปากชวนชายหนุ่มที่ถือว่าเป็นนายจ้างให้วกเข้าสู่เรื่องงานที่ตนต้องรับผิดชอบทันที เพราะไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคนหล่อแต่อันตรายแบบเขาให้นานเกินควร มันไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอสักเท่าไร   “เรื่องของเราน่ะ เรื่องไหนจ๊ะเบบี๋” ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจในสิ่งที่หญิงสาวสื่อความหมาย แต่มาร์โคก็ยังไม่วายยียวนกวนประสาทให้เธอได้ของขึ้น “ฮึ่ย…บอกว่าไม่ให้เรียกฉันแบบนั้นไงเล่า ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้วก็คุยเรื่องงานของคุณมาสักที” แล้วการยั่วโมโหของเขาก็ได้ผลจริงๆ บุปผชาติรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางลอยหน้าลอยตากวนโอ๊ยนั่นสุดๆ แถมยังไม่พอใจที่เขามาเรียกตนด้วยสรรพนามที่พวกฝรั่งหัวแดงชอบใช้เรียกผู้หญิงที่เป็นแฟนหรือเมีย เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย “ไม่เป็นไรสาวน้อย ผมไม่รีบ” ยิ่งเธอเร่งยิกๆ เขาก็ยิ่งแกล้งทำใจเย็นประวิงเวลา จนบุปผชาติต้องกำหมัดแน่น และพ่นลมหายใจออกมาเป็นระยะ เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจให้เบาบางลง   “คุณไม่รีบ แต่ฉันรีบค่ะมิสเตอร์” สาวเจ้าสวนกลับทันควัน น้ำเสียงเรียบนิ่งส่อแววแห่งความไม่พอใจ ทว่าสีหน้าและท่าทางโดยรวมยังดูปกติดีทุกอย่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD