ฉันส่ายหน้า ปลดมือพี่ชายออก “ให้เขมจัดการเองนะคะเฮีย” ฉันไม่ใช่คนหัวใจสลายและอ่อนแอคนเก่า วันนี้ฉันลุกขึ้นยืนได้แล้ว ฉันน่าจะไม่เหลือเยื่อใยกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วด้วย
“แน่ใจ” เขตคามถามย้ำ
ฉันพยักหน้า “เขมเป็นคนเริ่ม เขมก็ควรเป็นคนจบค่ะเฮีย”
“เฮียกับพ่อแม่รอตรงนี้นะ มีอะไรให้ช่วยก็หันมาเรียกล่ะ”
ฉันเดินตรงไปหาเขา ทุกย่างก้าวมีแต่ความมั่นคง
“เธอมาที่นี่ได้ยังไงเขม?” นวินมองเลยไปที่ด้านหลังเขมิกา เขารู้สึกคุ้นหน้าคนกลุ่มนั้นพิกล
“เขมได้รับเชิญค่ะ” ฉันตอบแบบขอไปที ไม่มีความคิดที่จะอธิบายเพิ่มเติม
“งานใหญ่ระดับนี้ เขาจะเชิญเธอมาทำไม!!” เสียงเขาห้วน
“ถ้าจะหาเรื่อง เขมไม่คุยด้วยนะคะ” ฉันยังคงอารมณ์ดี ยิ่งเขาว้าวุ่นฉันก็ยิ่งสนุก
“เธอลืมไปแล้วหรือไง เราสองคนยังไม่ได้ ‘หย่า’ กันนะ” ฉันแสยะยิ้ม เขาไม่ควรสะกิดปมที่ฉันพยายามไม่คิดถึงเลย เป็นเขาที่อยากหย่า แค่ยังไม่ได้หย่ากัน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกะเกณฑ์การใช้ชีวิตของฉันได้นะ
“ไม่ใช่ปัญหาของเขมนี่คะ”
ฉันไม่ได้ต้องการกวนโทสะเขานะ หากเขาอยากหย่าก็นัดวันมาสิ ฉันพร้อมจะหย่าให้เขาทุกเวลา
“เขม เราคุยกันดีๆ ไม่ได้แล้วเหรอครับ” เสียงเขาอ่อนลง
ฉันเกือบใจอ่อน แต่ทว่า... “นี่ลูกกำลังทำอะไรอยู่หะตาวิน!!” เสียงแหลมบาดหูดังแทรกเข้ามา ฉันเผลอถอยหลังหนึ่งก้าว
“คุณแม่...”
“นั่นสิคะวิน คุณทำอะไรอยู่?” ชุติภาเดินเข้ามาผสมโรง เธอกำลังหาเรื่องเลิกกับเขาอยู่พอดี
“ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมยัยภา” พนิดาเดินเข้ามาประกบด้านข้างชุติภา
“อือ...”
“นี่เธอถามจริงเถอะ นอกจากเกาะผู้ชายรวยๆ แล้ว นอกนั้นทำอะไรเป็นบ้าง?” ฉันกะพริบเปลือกตาปริบๆ คำถามเช่นนี้ ฉันไม่คิดว่าตนเองจะได้ยิน มันไร้สาระสิ้นดี
“ใจเย็นๆ กันก่อน ฉันยังไม่อยากเป็นข่าวนะเธอ” ชุติภารีบปราม คำพูดของพนิดาออกจะเกินไปหน่อยจริงๆ เธอไม่คิดว่าเพื่อนเก่าคนนี้จะหัวอ่อนเช่นนี้เลย
“อย่ามาห้ามฉันเลย ฉันละเกลียดจริงๆ ผู้หญิงที่ชอบถลกกระโปรงอ่อยผู้ชายเพื่อหวังความสบายในอนาคต”
ฉันถอนใจแรงๆ สังคมของฉันค่อนข้างแคบ ฉันเลยไม่เคยเจอกับคนที่มารยาทแย่ๆ แบบนี้
“ภา ปรามเพื่อนคุณด้วย ที่นี่ไม่ใช่ตลาด” เสียงเขาปรามคนข้างตัว
ฉันยิ้มเยาะ และยิ้มของฉันคงไปกระตุ้นต่อมอารมณ์ของอีกฝ่ายเข้า
“คนรวยเขาไม่ได้โง่นะเธอ เขาแค่สนุก อีกไม่นานเธอก็คงถูกเขี่ยทิ้ง”
ฉันเริ่มสนุกแล้วสิกับการเต้นแล้งเต้นกาของกลุ่มคนตรงหน้า คนพวกนี้ไม่ได้รู้จักฉันสักหน่อย พวกเขาไม่ได้มีความแค้นเคืองกับฉันเป็นการส่วนตัวด้วย ฉันเลยรู้สึกแปลกใจกับความคลั่งแค้นที่เขาแสดงออก เขาน่าจะถูกใครบางคนเป่าหูมา หรือไม่ก็อยากทำให้ฉันรู้สึกอายกับคำพูดระคายหูเหล่านั้น
“ทำไมคุณรู้ดีจังคะ หรือว่า...” ฉันตั้งใจไม่พูดจนจบ เพราะการพูดไม่จบแบบนี้ มันตีความได้หลายความหมายดี
“เธอโคตรโชคร้ายเลยภาที่มาเจอกับผู้หญิงแบบนี้”
“ฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนคะ?” ฉันถามเสียงหวาน จงใจยิ้มจนตาหยีด้วย
“หน้าด้านไง ผู้หญิงแบบเธอน่ะ”
“อ้อ...หน้าด้าน ฉันเป็นอย่างนั้นเหรอคะ ฉันอยู่ของฉันเฉยๆ เป็นพวกคุณต่างหากที่เดินเข้ามาหาฉันแล้วต่อว่าฉันเสียๆ หายๆ ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณไม่พอใจเหรอคะ หรือว่า...คุณเองก็มีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้กับนวินเหมือนผู้หญิงคนนี้ เลยอยากจะบีบให้เขา ‘หย่า’ กับฉันอีกคน”
ฉันจงใจเน้นคำพูดที่คิดว่าจุดประกายไฟได้ง่าย
สีหน้าเหลอหลานั่นเกือบทำให้ฉันหัวเราะ
“หมายความว่าไงภา ‘หย่า’ ใครกับใครจะหย่ากันหะ?”
“ฉันไงคะ ผู้หญิงคนนี้อยากให้ฉัน ‘หย่า’ กับวิน เพื่อพวกเขาสองคนจะได้แต่งงานกัน” ฉันยิ้มจางๆ ปั้นหน้าสลดลงเล็กน้อย
“หย่า...เธอ ภา...” พนิดาอ้าปากพะงาบๆ ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ชุติภาบอกเธอเลย
“ค่ะ ฉันมีทะเบียนสมรสกับวิน ฉันไม่ใช่มือที่สาม” ฉันจงใจพูด ฉันไม่ยอมให้คนอื่นมาทับถมฉันอีกแล้ว
“นี่หล่อนพูดอะไรไร้สาระยะ ฉันไม่รับรู้เรื่องพรรค์นั้นหรอก คนที่ฉันอยากได้เป็นสะใภ้มีแค่หนูภาคนเดียวเท่านั้น” ฉายรวีพูดแทรกเพื่อแก้ต่างให้ชุติภา หลังเพลี่ยงพล้ำเพราะคนที่นางชิงชังแก้ต่างให้ตัวเองสำเร็จ
ฉันไหวไหล่ไม่ได้ตอบโต้กลับ
แค่นี้ความจริงก็เปิดเผยแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าพวกเขามากกว่านี้
“เขม ไปกันเถอะ” เขตคามเดินเข้ามาหา
“ค่ะ” ฉันยิ้มรับ ทำท่าจะเดินตามพี่ชายไป
“เดี๋ยวครับ คุณเป็นอะไรกับเขม” นวินรั้งไว้ เสียงของเขาทั้งหว้นและแข็ง
“ทำไมผมต้องตอบด้วย” สีหน้าตึงๆ ของพี่ชาย ฉันต้องรีบถลาเขาไปเกาะแขนไว้ วันนี้เป็นวันสำคัญ ฉันไม่อยากให้พี่ชายระเบิดอารมณ์จนเสียการณ์ใหญ่
นวินมองตาม มือเรียวเล็กของเขมิกาเกาอยู่ที่แขนแข็งแรงของผู้ชายคนใหม่ ท่าทางเธอดูจะสนิทสนมกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้มากเกินไปสักหน่อย
“ผมเป็น ‘สามี’ ของเขม” นวินกันฟันพูด
ฉันถอนใจแรงๆ ฉันไม่คิดว่าเขาจะโพล่งออกมาเช่นนี้เหมือนกัน
“ฮ่าๆ” พี่ชายฉันเงยหน้าหัวเราะร่วน “ผมเป็นคนสำคัญของเขม เรารู้จักกันมานานและสนิทกันมากด้วย” มือของพี่ชายโอบมาที่หัวไหล่และกดไว้ไม่ให้ฉันขัดขืน ฉันกลอกตา พูดอะไรไม่ออก ช่วยไม่ได้ นวิน อยากยั่วโทสะพี่ชายฉันเอง เขาควรรู้ว่า หากทำให้พี่ชายฉันโกรธเขาจะได้บทลงโทษแบบไหน
“สนิทกันแค่ไหน ก็คงไม่ถึงกับนอนด้วยกันหรอกมั้งครับ”
ฉันถลึงตาใส่เขา ปากพร่อยๆ ของเขากำลังทำให้เป็นเรื่องใหญ่
“นอนเหรอ เหมือนจะเคยนะ” ฉันส่ายหน้ากับคำตอบของพี่ชาย เขาจงใจยั่วโทษะของนวินจริงๆ
“เขมมานี่!!” เขาถลามาใกล้
แต่พี่ชายฉันไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าถึงตัวฉันได้ง่ายๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เข้ามาใกล้อีกนิดเดียวคุณเจ็บตัวแน่!!” ฉันรู้ว่าพี่ชายไม่ได้ขู่ เลยพยายามรั้งเขาไว้
“นี่ยัยเขม ขอเถอะ เรื่องของผู้ชายให้ผู้ชายจัดการกันเอง” พี่ชายหันมาตวาดใส่ฉัน
“ไม่ใช่ที่นี่ เฮียลืมเหรอคะว่ามาทำอะไร!!” ฉันท้วงเสียงอ่อย
“คุณรู้จักเธอเหรอคะ?” ชุติภาพูดแทรก
เขตคามไหวไหล่พยักหน้ารัวๆ
“รู้ประวัติเธอหรือเปล่าคะ” ความสนิทสนมนั่นทำให้เธอยั้งปากไม่ทัน ชุติภาชิงชังผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ทำไมผู้ชายที่หล่อนเข้าไปพัวพันถึงเป็นผู้ชายคุณสมบัติดีๆ น่าสนใจทั้งนั้นนะ
“รู้สิ รู้ดีเสียด้วย” เขตคามตอบแบบไม่ขยายความ
“ขนาดรู้ คุณก็ยังกล้าเกลือกกลั้วกับหล่อนเหรอคะ?” ชุติภาถามเสียงสูง
“แล้วเขม มีอะไรไม่ดีตรงไหนละครับ?” เขตคามถามกลับเสียงกระด้าง แววตาก็เช่นกันวาววับจนชุติภาเกือบสะดุ้ง
“เธอ...”
“แน่ใจนะครับว่าเรื่องที่รู้มาน่ะถูก” เขตคามแทรกถาม
“ผู้หญิงส่ำส่อนคนนี้มีตรงไหนที่ดีละ ฉันช่วยยืนยันได้” ฉายรวีรีบแย่งพูด นางปรายหางตามองผู้หญิงที่นางรังเกียจด้วยแววตาเป็นประกาย
“คุณเป็นใครครับ?” เขตคามเกือบตวาด แต่ถูกกระตุกด้วยฝ่ามือเล็กๆ ของน้องสาวเสียก่อน
“ฉันเป็นแม่ผู้ชายคนนี้ไง ผู้ชายที่แม่นี่เคยไล่จับ” ฉายรวีเชิดหน้าพูด
“อ้อ...แม่ไอ้หมอนี่เองเหรอ มิน่า...” เขตคามยิ้มเย้ยหยัน เขาตบมือลงบนหลังมือน้องสาว พอเข้าใจแล้วว่าทำไมชีวิตคู่ของน้องสาวถึงอับปางไวเช่นนี้
“ทำไมยะ ฉันเป็นแม่ของลูกฉันมันผิดตรงไหน” ฉายรวีแหวเสียงหลง
“คุณแม่คะ” ชุติภาปรามแล้วก็กระซิบบอก
“คุณเขตเป็น CEO คัมภีรดาค่ะคุณแม่” ฉายรวีเม้มปากหรี่เปลือกตามองชายตรงหน้า แล้วก็แอบชำเลืองมองอดีตลูกสะใภ้ที่ตนเองชิงชัง
“แล้วทำไมแม่นั่นถึงมากับพวกเขา” นางกระซิบถามชุติภา
“ภาก็อยากรู้เหมือนกัน”
“หมดธุระยัง ไปกันเถอะ” เขตคามส่ายหน้ารั้งข้อมือน้องสาว