ความทรงจำสีหม่น (20%)
ตอน ม.4 เทอม 1
ซู่…ซ่า…
ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังก้า ปาทังกี้
ซู่ๆ ซี่ๆ ปาทังกี้ ปาทังก้า
สีเขียวซู่ซ่า ปาทังก้า ปาทังกี้
สีเขียวเซ็กซี่ ปาทังกี้ ปาทังก้า
ซู่…ซ่า…
วันนี้โรงเรียนข้างๆ มีการแข่งขันกีฬาสี เสียงเพลงเชียร์ลอยมากระทบหูเป็นระยะหาได้ทำให้คนหงอยมาจากบ้านอย่างคิริมา รุ่งเรืองโรจนไพศาล รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแต่อย่างใด ตรงข้ามเธอกลับถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความเบื่อหน่าย วันหยุดมันควรจะเป็นเวลาของครอบครัว แต่ไม่ใช่สำหรับครอบครัวเธอ
ชีวิตเด็กเรียนดีกีฬาไม่เด่นอย่างเธอวนเวียนอยู่ที่โรงเรียนแม้กระทั่งวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอก็ยังมาที่โรงเรียน เพราะไม่มีที่ไป บ้านไม่น่าอยู่ เพราะพ่อกับแม่เอาแต่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ นั่นก็คือการที่พ่อนอกใจแม่เอาเงินไปปรนเปรอเมียน้อย ฐานะร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคม แต่กลับขาดแคลนความรักความอบอุ่น พ่อไปทาง แม่ไปทาง ทิ้งให้เธอโดดเดี่ยวเคว้งคว้างเป็นเด็กขาดความอบอุ่น
สาวน้อยคิดหมกมุ่นอยู่ในหัวเกี่ยวกับเรื่องปัญหาในครอบครัว กระทั่งนัยน์ตาหวานปนเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะเผลอมองลอดเหล็กดัดลวดลายงดงามของรั้วโรงเรียนที่อยู่ติดกัน แล้วทันใดนั้นสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเด็กผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผมสีเทา ที่ยืนอยู่ท่ามกลางเด็กผู้หญิงเกือบสิบคน ครั้นหรี่ตามองก็ปรากฏว่าอีกฝ่ายกำลังถูกสาวๆ รุมล้อม บ้างยื่นดอกไม้และลูกอมให้ บ้างกรีดร้องประหนึ่งเห็นดารา
เด็กผู้ชายหัวสีเทานั่นแน่ใจนะว่าเป็นนักเรียน เด่นสุด แต่ก็ผิดระเบียบสุดๆ เดาว่าเขาคงไม่ได้อยู่โรงเรียนข้างๆ คงแค่มาเช็กเรตติ้งตามประสาหนุ่มป็อป เพราะถ้าเขาอยู่โรงเรียนนั้นเขาจะไม่ทำไฮไลต์ผมสีเทาอย่างแน่นอน ที่คิดเช่นนั้นก็เพราะทราบดีว่าโรงเรียนของเธอและโรงเรียนข้างๆ มีกฎระเบียบไม่ต่างกัน เนื่องจากสองโรงเรียนมีผู้บริหารเป็นคนในเครือญาติตระกูลเดียวกัน ฉะนั้นการบริหารจึงไม่แตกต่างกัน
คิริมามองหนุ่มป็อปที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆ จนลืมตัว กระทั่งอีกฝ่ายเดินมายื่นหน้าหล่อๆ ติดจะร้ายชิดลูกกรงเหล็กดัด ใกล้กันเพียงแค่เหล็กกั้น ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเฮือก ผงะด้วยความตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะรีบลนลานถอยห่างไปตามความยาวของม้าหินอ่อน
“มองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง”
เขายกมือเกาะรั้วโรงเรียนที่เป็นลูกกรงเหล็กดัดลายงดงามด้วยท่าทางกร่างๆ แล้วเค้นเสียงดุๆ คาดคั้น แต่เธอกลับทำเหมือนไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น และท่าทางเหมือนเขาไม่มีตัวตนก็ทำให้หนุ่มฮอตสุดป็อปเหมือนโดนหักหน้า
ยัยแว่นสุดเชยหน้าตาจืดชืดนี่เป็นใครกันถึงได้กล้าดีมาทำเชิดใส่เขา
“เฮ้! ยันแว่น! ฉันถาม ก็ตอบสิวะ”
“หูหนวกหรือว่าเป็นใบ้ ฉันถามทำไมไม่ตอบ” เสียงแข็งๆ เอ่ยคาดคั้นให้ได้อย่างใจ ยิ่งอีกฝ่ายทำเมินเขาก็ยิ่งอยากตอแยและไล่ต้อนให้จนมุม
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” เธอเชิดหน้าสวนกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ
จากนั้นก็หันหลังให้อีกฝ่าย เจ้าของร่างบางตั้งท่าจะลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน ทว่าอีกฝ่ายกลับรั้งสายกระเป๋าเอาไว้ ทำให้เธอหลับตาสะกดอารมณ์ แล้วหันกลับมาหาเขา
“บอกแล้วไง ว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
เธอเค้นเสียงเย็นชาลอดไรฟันขณะมองหนุ่มป็อปที่สาวๆ ต่างพากันคลั่งไคล้ด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งการเชิดหน้าทำท่าถือดี ไว้ตัว และประหยัดคำพูด ยิ่งทำให้เขานึกหมั่นไส้ คึกคะนองอยากเอาชนะและก่อกวนให้แม่สาวที่ทำตัวเป็นเหมือนผู้ใหญ่เกินวัยออกอาการสติแตก
“เสาร์อาทิตย์มาโรงเรียน สงสัยจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาใช่ไหมวะพวกเรา”
หัวหน้าแก๊ง ‘หน้าใสใจเถื่อน’ ที่สาวๆ พากันคลั่งไคล้หันไปเอ่ยกับอีกสามหนุ่มที่เหลือ ซึ่งทั้งธีรเดช คิมหันต์ และเผ่า ต่างพยักหน้ารับ การตอแยสาวในลักษณะกวนประสาทของพงษ์สวัสดิ์เป็นอะไรที่พวกเขาชื่นชอบเป็นที่สุด เพราะไม่บ่อยนักที่ไอ้หัวเทาจอมเกรียนที่สาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดทั้งโรงเรียนจะต่อปากต่อคำกับผู้หญิง
‘เด็กมีปัญหา’ คำนี้แสนกระแทกใจ ทำเอาคิริมาเม้มปากนิ่งขึงไปชั่วขณะ เพราะเธอเป็นเด็กมีปัญหาจริงๆ พ่อไม่เคยเหลียวแล เห็นลูกเมียน้อยดีกว่าเธอ ส่วนแม่ผู้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวก็เอาแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ตื่นเช้ามาสิ่งที่เธอเจอไม่ใช่หน้าแม่ แต่เป็นจานข้าวและเงินที่วางอยู่ข้างกัน
“ปล่อยมือจากสายกระเป๋าฉัน”
“ไม่ปล่อย มีอะไรมะ” ไอ้หนุ่มหัวเทาจอมเกรียนลอยหน้าทำท่ากวนๆ ทำให้แม่สาวจอมเย็นชาสติหลุด เผลอชักสีหน้าพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งๆ
“ฉันบอกให้ปล่อย!”
“แน่จริงก็กระชากให้หลุดสิ”
ขาดคำเธอก็ตวัดตาขุ่นมองหน้าใสๆ แต่ร้ายเหลือใจของอีกฝ่าย ครั้นเห็นเขาเลิกคิ้วท้าทาย คิริมาก็กระชากสายกระเป๋าของตัวเองแรงๆ หวังจะให้มันหลุดจากอุ้งมือของไอ้เด็กจอมกวนประสาท ทว่านอกจากจะไม่เป็นดังใจหวังแล้ว เธอยังต้องเบิกตาโพลง ในวินาทีที่อีกฝ่ายกระชากสายกระเป๋าของเธอแรงๆ จนร่างบางเสียหลัก ลอยละลิ่วจนหน้าเกือบแนบกับลูกกรงรั้วโรงเรียน ครั้นจะขืนตัวถอยห่างอีกฝ่ายกลับรั้งเข้าหามากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นก็ต้องตัวแข็งทื่อ หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักรุนแรง เมื่อคนที่จงใจกวนประสาทและกลั่นแกล้งสาวแว่นจอมเย็นชาแนบหน้าเกือบชิดลูกกรงอีกด้าน ยิ่งสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งได้ใจ กระตุกมุมปากยิ้มร้าย แล้วกระซิบเสียงกลั้วหัวเราะอย่างผู้กำชัยชนะ
“นึกว่าจะแน่…”
“อูยยยยย…กวนบาทาชะมัดเลยไอ้หัวเทา”
เสียงสูดปากแซวอย่างครื้นเครงดังออกมาจากปากหนุ่มสุดกวนประจำแก๊งหน้าใสใจเถื่อนอย่างเผ่า ก่อนที่คิมหันต์จะเอ่ยเสริมอย่างนึกสนุก
“นั่นดิ…คาแรกเตอร์เรียกตีนสุดๆ”
“จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง”
“ยัง”
“นายต้องการอะไรอีก” เธอมองเขาอย่างเบื่อหน่าย
สายตาคล้ายตำหนิเหมือนเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทั้งที่เธอเองก็น่าจะเกิดพร้อมกับเขาหรือไม่ก็อายุมากกว่าแค่ปีเดียวทำให้พงษ์สวัสดิ์นึกหงุดหงิด ผู้หญิงอะไรเย่อหยิ่งจนน่าหมั่นไส้
“พูดกับฉันเพราะๆ ก่อน แล้วจะปล่อย”