“สั่งให้พี่หน่อยโมนา เอาเบียร์ตัวเดิมนะ”
“ไม่ดื่มไวน์ล่ะพี่มิลิน ดื่มเบียร์มันอืดท้องนะ”
“เออๆ ไวน์ก็ได้ สั่งอะไรก็สั่งมาพี่จะไปเข้าห้องน้ำ”
“โอเคๆ”
ท่ามกลางความวุ่นวายของร้านเหล้าที่ประจำของสองศรีพี่น้อง มิลินดา เร่งฝีเท้าเดินผ่านน้องสาวเข้าไปที่ทางเดินด้านซ้ายของร้านเพื่อเข้าห้องน้ำเนื่องจากเธออั้นปัสสาวะมาตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถ และตอนนี้มันก็จะราดแล้วจริงๆ
โชคดีที่ห้องน้ำไม่ได้มีคนเข้าอยู่เธอจึงได้เข้าไปปลดปล่อยเลยโดยไม่ต้องยืนบิดรอคิว ทว่ายามที่เปิดประตูออกมาก็กลับเจอกับใครบางคนที่คุ้นเคยและกำลังยืนหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก
“กีต้าร์? กีต้าร์ใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยทักทันควัน ด้านอีกฝ่ายเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก็นิ่งมองผ่านกระจกอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมามองเธอให้ชัดเต็มตา
“...มิลินเหรอ”
“ใช่! ไม่ได้เจอกันนานแกสวยขึ้นมากเลยนะเนี่ย” มิลินดาดีใจมากที่เพื่อนจำตนได้ เพราะไม่ได้เจอกันนานปีแล้วตั้งแต่ที่เจอกันที่งานศิษย์เก่าเมื่อปีก่อน ต่างฝ่ายต่างลืมแลกช่องทางการติดต่อกันจึงไม่ได้ติดต่อกันไปโดยปริยาย
“แหมพูดเหมือนตัวเองไม่สวย คุณแม๊! สะบึ้มเบอร์นี้ผู้ชายตายหมดร้านยังก่อน” กิรตา เพื่อนที่ไม่คอยสนิทนักสมัยมัธยมทว่าพอโตขึ้นกลับคุยถูกคออย่างไม่น่าเชื่อเอ่ยขึ้น ขณะที่มือเอื้อมมาจิ้มหน้าอกทรงโตของมิลินดาพาหญิงสาวหลุดหัวเราะ
เพื่อนคนนี้มักมีคำชมน่ารักๆ มาให้เธอเสมอในขณะที่คนอื่นๆ พอเจอกันทีก็มันจะทักว่าอ้วนบ้าง เมคฟันเรื่องขนาดหน้าอกคัพดีของเธอบ้าง เมคโจ๊กว่าก้นใหญ่เกินไปบ้าง
เล่นเอามิลินดาอดไม่ได้ที่จะเสียความมั่นใจ ทั้งที่ก็ชอบหุ่นนาฬิกาทรายที่มันมีอะไรๆ ของตัวเอง และรู้สึกว่าหุ่นของเธอก็ไม่ได้อ้วนตรงไหน แต่อะไรแบบนั้นมันไม่เคยออกมาจากปากของกิรตาเลย
เพราะอย่างนั้นเธอจึงสบายใจที่จะคุยกับเพื่อนคนนี้มาก
“ว่าไปนั่น แล้วนี่มากับใครล่ะ นั่งอยู่ตรงไหนเราไม่เห็นเจอคนรู้จักเลย” เสียงหวานเอ่ยถามเพราะตั้งแต่เข้ามาในร้านกับน้องสาวก็ไม่เห็นใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักคน มาเจอกิรตาในห้องน้ำแบบนี้ทำให้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“มากับเพื่อนน่ะ แกก็รู้จักนะมิลิน”
“ใครเหรอ”
“กลุ่มริชชี่กับเอมิไง”
“ริชชี่กับเอมิเหรอ” มิลินดาขมวดคิ้วนึกใบหน้าของเพื่อนเก่าที่ว่าในใจ ก่อนจะพบว่าเป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยรู้จักตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนอินเตอร์ด้วยกันในช่วงมัธยม ทว่าไม่ได้สนิทนักเพราะเพื่อนเหล่านี้ล้วนจบออกไปก่อนเธอที่ต้องพักการเรียนเนื่องจากตั้งท้อง
“บังเอิญเราได้ร่วมงานกับบริษัทที่ริชชี่เป็นเจ้าของน่ะ แล้วทีนี้นางก็พาไปเจอเพื่อนเก่าทั้งแก๊งค์ ก็เลยชวนกันมากินเหล้ากระชับความสัมพันธ์ แล้วแกล่ะมากับใคร”
“มากับโมนา น้องสาวเราน่ะ”
“หูย งั้นก็ดีเลย เราไม่ได้เจอน้องโมนานานแล้ว ป่านนี้คงสวยสะพรั่งเลยสิท่ารายนั้น” ฝ่ายนั้นทำท่าทางดีใจเนื่องจากรู้จักน้องสาวของเธออยู่เหมือนกัน เรียกได้ว่าคุยกันถูกคอเชียวแหละ เพราะสายอาชีพใกล้กันมากๆ
น้องเธอเป็นนักเขียนส่วนกิรตาก็ทำงานในวงการหนังสือ
“สวยแหละ แต่ไม่ยอมมีแฟนสักที เราล่ะลุ้นจนตัวโก่ง” มิลินดาว่าด้วยความเหนื่อยใจขณะที่เดินคล้องแขนกับกิรตาเดินออกมาด้านนอกห้องน้ำ จุดมุ่งหมายคือกลับไปที่หน้าบาร์เครื่องดื่มซึ่งน้องสาวนั่งอยู่
“ยัยโมนาเขารอพี่สาวมีแฟนก่อนหรือเปล่า”
“เราขอบายก่อนเลยกีต้าร์ ทุกวันนี้ทำงานกับเลี้ยงเจ้าลูกชายก็หมดวันแล้ว”
เธอจะเอาเวลาไหนไปคบใครเล่า ในเมื่อแค่ทำงานกับเลี้ยงลูกเวลาชีวิตแทบจะไม่เหลือ แม้จะเคยคบและมีแฟนอยู่บ้างเหมือนกันแต่มันก็ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่เกินสามเดือนเลย
ยังดีที่ตอนนี้ลูกโตจนเข้ามอสี่แล้ว ถึงได้เริ่มมีเวลากลับมาดูแลตัวเองบ้าง การมีลูกและเป็นซิงเกิ้ลมัมตั้งแต่อายุสิบหกปี ถึงพ่อแม่จะช่วยซัพพอร์ตได้บ้างแต่มันก็ไม่ได้สบาย เพราะแบบนั้นเธอจึงได้ยุ่งจนตัวเป็นเกลียวและเป็นโสดอยู่แบบนี้
“เออแล้วลูกชายแกล่ะ”
“เห็นว่าวันนี้ขอไปนอนบ้านเพื่อน เราก็เลยเป็นอิสระ”
“มิน่าล่ะ คุณแม่สวยขนาดนี้เราก็ว่าอยู่ว่าลูกชายน่าจะหวง”
“แต่หวงจริงนะกีต้าร์ ลูกทำอย่างกับเราเป็นเด็กอย่างนั้นแหละ ใครแม่ใครลูกก็ไม่รู้แล้วบางที” เรกซ์ลูกชายเธอน่ะเป็นห่วงน้อยๆ เสียเมื่อไหร่ ยิ่งเป็นการเที่ยวกลางคืนแบบนี้ก็ยิ่งไม่ค่อยจะอยากให้มา
แต่เพราะตัวเองยังอายุไม่ถึงมาเฝ้าไม่ได้เลยจะยอมแค่ตอนที่เธอมากับน้าโมนาเท่านั้น ถึงอย่างนั้นมิลินดาก็ไม่คิดจะคอมเพลนหรอก ถึงบางครั้งจะแอบรำคาญกับความขี้บ่นนำแม่ไปไกลอยู่บ้างก็เถอะ
ก็เรามีกันสองคนแม่ลูก
ถึงจะมีโมนาที่เป็นน้าช่วยเลี้ยงบ้าง จะมีคุณตาคุณยายคอยซัพพอร์ตแต่เราก็มีกันแค่นี้ เธอเองก็เป็นห่วงลูกไม่ต่างจากที่ลูกเป็นห่วง แต่เพราะเรกซ์เป็นเด็กผู้ชายจึงไม่ได้ไปห้ามอะไรลูกมาก
ขอแค่รู้หน้าที่ตัวเองไม่ทิ้งการเรียน ไม่เล่นยา และไม่ไปทำใครท้องจนต้องเสียอนาคตกันทั้งคู่ก็พอ
“ก็ควรต้องหวงอยู่ ตั้งแต่เดินออกมานี่เราเห็นหนุ่มๆ เหลียวมองแกคอแทบหัก” กิรตากระซิบขณะที่ปล่อยมือจากแขนเธอแล้วเดินไปสะกิดโมนาที่เหมือนจะกำลังนั่งมองอะไรสักอย่างอยู่
มิลินดาได้ยินอย่างนั้นก็พลันมองไปรอบกายอีกครั้ง มองไปแล้วก็หันไปมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้สะท้อนภาพของหญิงสาวผิวขาวหุ่นทรงอวบอัด ในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำทรงคอเซ็ทเข้าชุดกับกางเกงผ้าทรงสูงขาบานสีเงิน
คืนนี้เธอดูเซ็กซี่ไม่หยอก
มิลินดาไม่ใช่คนไม่มั่นใจในตัวเองอะไร เธอรู้ว่าด้วยความเป็นลูกครึ่ง ผิวพรรณและหน้าตาของเธอมันก็พอจะไปกับเทสต์ของคนไทยได้บ้าง ทว่าต่อให้ขาวแต่ไม่ได้ผอมเพรียวมันก็เท่านั้น
เธอโดนดาวน์ความมั่นใจเรื่องหุ่นมากี่รอบต่อกี่รอบแล้วก็ไม่รู้จนจำฝังใจ ตอนนี้ถ้าไม่ใช่ชาวต่างชาติก็ไม่อยากจะเหลียวมองเลยด้วยซ้ำ เพราะผู้ชายไทยมันสร้างบาดแผลด้วยปากเก่งมาก
จะว่าเธออคติก็ได้ แต่เธอกลัวได้คุยแล้วจะมาพูดให้เสียความมั่นใจกันอีก อีกอย่างเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้วใครมันจะมาชอบกัน เดี๋ยวพอรู้ความจริงไอ้ที่มองๆ อยู่นี่ก็วิ่งหนีกันหมดแล้ว กิรตาชมเธอเกินไปเสียมากกว่า
“มึงว่ามันจะตามทันไหมวะ”
“พี่เขาคงไม่เร็วเป็นเดอะแฟลทขนาดนั้นหรอกมั้ง” เจนทัตที่นั่งอยู่ตรงข้ามตอบคำถามของมิณทร์พลางมองไปยังทิศทางที่แมทธิวเพิ่งจะเดินไป
หลังจากที่ช่วยกันไซโคโน้มน้าวจิตใจของมันกันอยู่นาน สุดท้ายไอ้เพื่อนตัวดีก็ยอมเดินตามพี่คนสวยที่ทอดสะพานอยู่พักใหญ่ได้เสียที พวกเขาคงไม่อยากสาระแนยุ่งเรื่องของมันหรอกหากไม่เจอมาหนักขนาดนี้
ได้แต่หวังว่าพอได้ลองเปิดใจให้คนอื่นแล้วแมทธิวมามันจะมูฟออนจากผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่อย่างนั้นก็หมดปัญญาจะช่วยแล้วล่ะ
"ต่อให้ไม่ได้ไปกับเขาก็คงได้คอนแทคมาบ้างแหละ" เดโคว่าเสียงเรียบพลางยกแก้วขึ้นดื่ม ด้านเจนทัตได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทว่าหลังจากที่หันกลับมาก็ต้องเลือกคิ้วอย่างสงสัยเพราะจู่ๆหนุ่มโสดคนเดียวในกลุ่มที่ยังเหลืออยู่อย่างมิณทร์ก็ผุดลุกขึ้น ท่าทางของมันไม่ปกติแบบสุดๆ แถมยังหันมองไปทางฟากหนึ่งของร้านตาไม่กระพริบ
"มึงจะไปไหนไอ้มิณทร์ ทำท่าทางเหมือนจะหนีเจ้าหนี้" เจนทัตถามขณะที่ขมวดคิ้วมองมันอย่างไม่เข้าใจ ด้านมิณทร์พอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่หันมาหาเพื่อนสองคนที่มองตัวเองอยู่เลย
"เจ้าหนี้บ้านป้ามึงสิไอ้เหริน กูเจอรุ่นพี่ เดี๋ยวมานะ"
นั่นทำให้เจนทัตหรือที่เพื่อนเรียกว่าเหรินไม่เข้าใจเอามากๆ เพราะพวกเขาสองคนจบมัธยมที่เดียวกันห้องเดียวกัน รุ่นพี่มันก็คือรุ่นพี่เขา แทนที่จะหันมาบอกกล่าวกันว่ารุ่นพี่คนไหนแต่พูดจบมันกลับเดินลิ่วๆ ออกจากโต๊ะไป
นี่เขาหน้าเหมือนควาย?