Ep.2 : นอนกับฉัน คิดค่าตัวเท่าไหร่

2643 Words
ฉันไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่คุณจันทร์ฉายกับลูกน้อง ขนกันออกไปเพียบ เต็ม 2 คันรถ เขาจะไปมีเรื่องกันรึเปล่า น่ากลัว ป่าเถื่อนที่สุด “ป้าแจงคะ พวกเขาจะไปไหนกันเหรอคะ” “โธ่คุณมูนของป้า คุณฟ้าใสเข้านอนเถอะค่ะ อย่ารู้เลย คนรู้เยอะไม่ดีหรอกนะคะ ป้าไปไหว้พระก่อนนะคะ” ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้เพียงทำตามที่ป้าแจงว่า เข้าห้องนอนแล้วไม่ยุ่งกับใคร แต่วันนี้เราจะไม่มีข้าวเย็นเหรอ รู้งี้กินที่รีสอร์ตก็ดีหรอก หลังจากอาบน้ำแต่งตัว พอตกดึกก็จนทนหิวไม่ไหว เลยเข้าครัวไปหาอะไรกิน แต่มันดันประจวบเหมาะ ที่รถของคุณจันทร์ฉายกลับมาถึงพอดี “แม่งอย่าให้กูเจอแม่งอีกนะ” เสียงโหวกเหวกโวยวายมันทำให้ฉันต้องรีบเดินกลับห้องทันที ฉันไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วสิ ฉันพยายามทำตัวเล็กที่สุด เพื่อจะกลับไปที่ห้อง แต่ดันโดนเห็นซะก่อน “ขอโทษค่ะ ฉันแค่หิวค่ะ” สายตาของฉันดันไปเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแขนของคุณจันทร์ฉายเข้า “เลือด คุณไปทำอะไรมา” ฉันรีบเดินตรงเข้าไปหาคนตัวใหญ่อย่างลืมตัว เพราะฉันต้องเลี้ยงน้องชายมาแต่เด็ก การที่เขามีแผล มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแล ฉันเปิดแขนเสื้อที่ตอนนี้ซับเลือดจนชุ่มดู “มีอุปกรณ์ทำแผลไหมคะ ฉันทำให้” ฉันมองคนตรงหน้า ดูเหมือนตอนนี้จะหายกลัวเขาไปช่วงเวลานึง “ไอ้ต่อไปเอามาที” “ครับนาย” ไม่นานพี่ต่อก็ส่งกล่องปฐมพยาบาลให้ฉัน ฉันรีบจัดการให้คนตัวสูงนั่งลงบนโซฟา ก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆล้างแผลที่เต็มไปด้วยเลือดออก “ดีนะคะที่แผลไม่ลึก ไม่งั้นต้องเย็บ” ฉันค่อยๆบรรจงทำแผลอย่างเบามือ Moon Say.......... ผมมองดูยัยเปี๊ยกที่กำลังทำแผลอย่างตั้งใจ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ก็ดี อย่างน้อยก็มือเบากว่าไอ้ต่อเยอะ รายนั้นมือหนักอย่างกับตีน “ดีนะคะที่แผลไม่ลึก ไม่งั้นต้องเย็บ” “ทำไปบ่นไป เมื่อไหร่มันจะเสร็จ” “ถ้าเป็นน้องฉัน ฉันจับตีก้นไปแล้ว ดีนะที่คุณไม่ใช่ ระวังตัวหน่อยสิคะ รู้ไหมคะว่าคนที่รออยู่ที่บ้านเขาเป็นห่วง” หล่อนกล้าสอนฉันเหรอ!!! แถมยังจะตีฉันด้วย คนที่รออยู่ที่บ้านเป็นห่วง ใคร หล่อนเหรอ?? อ่อยรึไง “เสร็จแล้วค่ะ ฟู่วววว หายไวๆนะ” แล้วเธอก็เป่าที่แผลของผมเบาๆ นี่คือส่งที่ทำให้ผมอึ้งน้อยๆ นอกจากแม่แล้ว ไม่มีใครเป่าแผลให้ผมตั้งแต่ 8 ขวบได้มั้ง ผมไม่ใช่เด็กนะ ทำไมต้องเป่าด้วย ผมมองใบหน้าของเธอตอนนี้ ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ออกจะไปแนวน่ารักดีด้วยซ้ำ ผมยืนขึ้นมาพร้อมเธอ “ระวังตัวหน่อยนะคะ ป้าแจงเขาเป็นห่วงคุณมาก ฉันไปนอนละ” “ยอมนอนกับฉัน คิดค่าตัวเท่าไหร่ เธอเรียกมาเลย” ผมเขี่ยผมของเธอที่บังหน้าออก แต่เธอกลับผลักผมอย่างแรง จนเซนั่งลงไปกับโซฟาอีกครั้ง แววตาที่เธอมองผมมันเปลี่ยนไป สายตาที่มองอย่างคนเป็นห่วงมันหายไป “ไอ้ทุเรศ ไอ้สกปรก ความคิดคุณมันทุเรศสิ้นดี ฉันไม่น่าเสียเวลากับคุณเลย” ไรวะ โก่งค่าตัวเหรอ หล่อนกล้ามากที่ผลักฉัน “เล่นตัว อัพค่าตัวรึไง ก็บอกแล้วให้เรียกมา ยินดีจะจ่าย งานเกรดต่ำที่ได้เลือกไม่ใช่ง่ายนะ” ผมกระชากแขนเล็กๆที่แสนเบาะบางของเธอเข้ามาไว้ในมือ “ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” “สกปรกงั้นเหรอ ลองลิ้มรสชาติคนสกปรกดูไหม” ผมจับใบหน้ากลมของเธอมาบดปากลงที่ปากของเธอ ให้เธอรู้จักที่จะหุบปากของเธอซะบ้าง เพี้ยะ!!!! แรงตบจากผู้หญิงตรงหน้ามันยิ่งทำให้ผมโมโห ดึงเธอเข้ามาจูบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แรงบดมากกว่าครั้งแรกมากนัก เพราะความโกรธที่ถูกตบ มันยิ่งทำให้คนที่ปฏิเสธในตัวผมพยายามดิ้นอย่างรุนแรงให้หลุดจากริมฝีปากของผม น้ำตาหยดน้อยๆไหลลงอาบทั้งสองแก้ม มันเหมือนหัวใจของกำลังเล่นตลก “อี๋!!!! ทุเรส ปากเหม็น ปล่อยนะ ปล่อยเลย ไอ้......” ผมปิดปากที่ด่าไม่หยุดอีก แขนเล็กๆข้างที่เป็นอิสระทุบตีผมอย่างรุนแรง ฤทธิ์เยอะนักใช่ไหม ผมมองดูดวงตาที่ปิดสนิทไม่ยอมมองตาผม แต่น้ำก็ยังเอ่อล้นไม่หยุด ตัวของเธอกำลังสั่นกลัว “ฟ้าใส ฟ้าใส!!!” ร่างกายเธอฮวบลงในอ้อมกอด แค่จูบก็หมดสติเลยเหรอ อ่อนแอชะมัด “นายครับ” “ไม่ต้อง กูจัดการเอง” ผมอุ้มช้อนร่างเล็กๆของเธอไปไว้ในห้อง ผู้หญิงอะไรฤทธิ์เยอะชิบ เล่นตัวเก่ง ไม่มีผู้หญิงคนไหน ซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอก แม้แต่เธอมาที่นี่ ยังเพื่อเงินเลย จะทำให้มันดูดีทำไม ชิ๊!! หล่อนกล้ามากนะ ที่ว่าฉันปากเหม็นเนี่ย ฮ่าาว์ ผมพ้นลมหายใจใส่มือ เปล่าเหม็นซะหน่อย ผมเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อคประตูให้เธอ “นายครับ ให้ผมจัดการเธอเลยไหมครับโทษฐานที่ตบนาย” “ไม่ต้องไอ้โต ไอ้ต่อ มึงดูไว้อย่าให้ใครแตะ กูไม่ฟัน อย่าเรียกกูว่าจันทร์ฉายเลย” พอผมพูดจบ ผมก็เดินกลับเรือนหลังเล็กทันที เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่แม่ผมส่งมา แล้วทุกคนที่แม่ส่งมาผมก็ปล้ำเสียหลักหมดแหละ มันมีความยากแตกต่างกันไป เล่นตัวบ้าง โก่งค่าตัวก็เยอะ ฟันฟรีก็มี ทำไมยังส่งยัยอ่อนหัดนี่มาอีก คนแล้วๆยังมีความร้าย แต่นี่ดันส่งเด็กกะโปโลมา จูบแรกสินะ ผมใช้ลิ้นเลียแผลบนริมฝีปากเพื่อรับรสกลิ่นคาวเลือดน้อยๆ คิดจะส่งมาเปลี่ยนใจผม เหมือนที่แม่เปลี่ยนใจพ่อได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!! แถมพวกไอ้2พ่อลูกนั่น มันยังตามหาเรื่องเราไม่เลิก เพราะพวกมันปล่อยข่าวเลวๆนั่นแหละ รีสอร์ตที่นี่ถึงไม่มีคน เช้าวันถัดมา....... “ฟ้าใสไปไหน” “เธอไปทำงานแล้วค่ะ ปั่นจักรยานไปตั้งแต่เช้าแล้ว” “ไปตามยัยนั่นมาตักข้าว” “ป้าตักให้ค่ะ” “ป้าเข้าใจที่ผมพูดไหม ไปตามยัยนั่นมาตักข้าว มันไม่ใช่ว่าใครเป็นคนตัก แต่มันเป็นการที่ยัยนั่นคิดจะกระด้างกระเดื่องกับผมมากไปแล้ว” หล่อนคิดจะหนีหน้าฉันเหรอ “ให้ผมไปตามให้ไหมครับ” โตลูกน้อง อีกคนเสนอตัว “เออไปเอายัยนั่นมา” โตขับรถออกไป แล้วกลับมาพร้อม ร่างเล็กๆที่ถูกฉุดกระชากลากถู มันไม่เข้าใจคำว่าเอาตัวมาดีๆรึไงวะ รู้งี้ให้ไอ้ต่อทำดีกว่า เฮ้อลูกน้องแต่ละคน “คุณลากฉันมาทำไม” “ตักข้าว” ผมตะคอกใส่เธอ ที่ตอนนี้ไม่เหลือสายตาหวาดกลัวเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอตักข้าวใส่จานให้ผม แบบไม่สบอารมณ์นัก ก่อนที่จะไปขอร้องไอ้ต่อให้พาไปส่งที่รีสอร์ต ทำไมกับไอ้ต่อพูดดีวะ แถมยังไม่ทำตาขวางใส่อีก “นายครับ ผมจะไปส่ง......” “ไม่ต้องกูจะไปส่งเอง บอกยัยนั่นรอกูกินข้าวเสร็จก่อน” Fahsai Say...... ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ ทำไมฉันต้องเอาชีวิตมาผูกติดกับไอ้ปีศาจร้าย ที่ไม่เคยเห็นค่าใครเลยนอกจากตัวเอง ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกอยากกลับ อยากกลับกรุงเทพ งานที่กรุงเทพไม่มีแล้วรึไง ถึงต้องมาทนให้เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่คนแบบนี้ “ไปขึ้นรถ” ฉันขึ้นรถอย่างว่าง่าย เพราะจะให้เขาไปส่งนิ ฉันนั่งเงียบๆบนรถ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อไหร่มันจะถึงรีสอร์ตสักที แค่หายใจด้วยความหายใจเดียวกันฉันก็อึดอัดจะแย่ รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆจนถึงแยกที่จะเลี้ยวไปรีสอร์ต แต่เขากลับตรงลงเขา “เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่ทางไปรีสอร์ตนะคะ คุณจะพาฉันไปไหน” กระเป๋าหนังใบสีน้ำตาลใบโตพร้อมกับสมุดจดใบเล็กๆ ถูกโยนมาให้ฉัน ฉันเปิดดูในสมุดดู มันเป็นสมุดที่มีชื่อ และจำนวนเงิน ให้ฉันตามเก็บเงินกู้เหรอ บ้าเหรอ “นี่ก็เป็นรายได้อีกทาง หน้าที่ของเธอคือจด” ฉันไม่ได้ตอบอะไรคนเป็นเจ้านาย เพราะไม่อยากจะคุยด้วยจริงๆ และไม่รู้จะคุยอะไรด้วย นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่เชียงใหม่ ที่จะได้ไปที่อื่นนอกจากรีสอร์ต บ้าน บ้าน รีสอร์ต ที่นี่เป็นตลาด แล้วคนที่นี่ดูเหมือนจะรู้จักคุณจันทร์ฉายเป็นอย่างดี พอเดินลงมาจากรถ ใครๆก็ยกมือไหว้ ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ “ที่นี่เป็นที่ของเราทั้งหมด ทุกวันที่ 1หรือ2 ฉันจะต้องมาเก็บค่าเช่าที่นี่” ฉันไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้คนป่าเถื่อนนั่นพูดคนเดียวไปแบบนั้น พอเดินเข้ามาในแผงตลาดหลาย ๆ คนต่างเตรียมเงินส่ง บางคนก็ไม่ส่ง แสดงว่าไม่ใช่การเก็บค่าแผง “คนใหม่รึคะ” คุณป้าคนนึงถามขึ้น คุณป้าคนนี้น่าจะอายุเกือบ 60 ได้แล้วมั้ง โห คนต่างจังหวัดอายุเยอะแล้ว ยังดูแข็งแรงอยู่เลย ฉันเลยยิ้มในฐานะคนใหม่ “ครับ สงสัยจะอยู่ไม่นานเหมือนคนอื่นๆ ผมคงไม่ต้องแนะนำ” “เหมือนนะคะ เหมือนคุณซีที่มากับคุณชานนท์ครั้งแรก หนูชื่ออะไรจ๊ะ” “ฟ้าใสค่ะ เราคงจะเจอกันอีกนานเลยค่ะ” ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่ดูถูกว่าฉันจะทำงานได้ไม่นาน แล้วหันไปยิ้มให้คุณป้าอีกครั้ง การที่ฉันใส่รองเท้าส้นสูงมาเดินตลาด มันยากนะ ไหนจะที่ต้องใส่ชุดทำงานที่เป็นสีขาว นิดเดียวก็เลอะเลยนะ “เดินเร็วๆ หรือจะให้ลาก” ทำไมเขาถึงได้เป็นผู้ชายกักขระแบบนี้ หน้าตาก็ดี นิสัยใช้ไม่ได้ หยาบมาก ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีความดีงามเลย ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง เราเดินมาถึงในส่วนของที่เป็นตึกแถวเรียงรายอยู่มากมาย มันเหมือนกับทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมา คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัว บางครอบครัวทำการค้า บางครอบครัวก็ไม่ “ด้านหลังของชื่อ คือบ้านเลขที่ แต่ที่จริงฉันจำได้หมด ที่เขียนไว้เพราะเธอจะได้จดง่ายขึ้น บางบ้านเราเก็บที่ตลาดมาแล้ว ทุกบ้านเราเก็บเท่ากัน 5,000 แต่เขาให้เราไม่เท่ากันหรอก จดดีๆนะ” เสียงที่ทุ้มต่ำ ทำให้ฉันหันไปมอง “คุณก็พูดดีๆเป็น แต่ทำไมถึงชอบใช้อารมณ์จัง” “เพราะเธอมันชอบขัดใจฉันไง” “มีความสุขเหรอคะ ที่คนอื่นดีกับคุณด้วยความกลัว มันจะดีกว่าไหม ถ้าเขาดีกับคุณด้วยความรัก” “อย่ามาสอนฉัน ไม่งั้นจะโดนเหมือนเมื่อคืน” “จูบอะเหรอ แบบนั้นไม่เรียกว่าจูบหรอกค่ะ เขาเรียกว่าหมากัดปาก ฉันไม่นับหรอก ว่าเสียจูบแรกอะ ถือว่าหมากัดปาก” ฉันแยกเขี้ยวใส่เขาอีกครั้ง “แล้วแบบไหนถึงจะนับ” “แบบที่ทำให้ตรงนี้มันเต้นรัวไง” ฉันเอามือมาแนบหน้าอก ก่อนจะไล่เจ้านายของฉันไปทำงาน แต่แปลก คนที่นี่รักเขามาก และเขาก็ไม่ได้ถือตัวเลย ฉันเข้าใจในคำว่าคนที่นี่ให้ไม่เท่ากันแล้ว เพราะต่างคนต่างมีไม่เท่ากัน ในความคิดของฉันตอนแรก นึกว่าใครไม่มีต้องโดนอัดจนน่วมแน่ๆ แต่ผิดคาด เขาใจดีมากกว่าที่คิด ใครไม่มีหรือมีไม่พอก็ให้จ่ายส่วนที่เหลือในเดือนถัดไปได้ “จดไว้หมดรึเปล่า เอาอันนี้ใส่กระเป๋าไว้” เขาหยิบเงินปึกโตใส่กระเป๋าหนังใบใหญ่สีน้ำตาลที่ฉันถือ “ไม่กลัวฉันวิ่งหนีเหรอคะ” “วิ่งทันฉันรึไง ตัวเท่าลูกหมา ไป!! ยังเหลืออีกหลายที่” “ลูกหมาที่ไหนสวยขนาดนี้” ฉันสบถออกมาเบาๆ แล้วเดินนำหน้าคนที่ไล่ให้ฉันเดิน “เธอยังห่างไกลคำว่าสวยอีกเยอะ” เสียงกระซิบเบาๆ ทำให้ฉันเอี่ยวตัวหลบ ด้วยความตกใจ สวยต้องแบบไหน แบบสาวที่ชื่อมิ้นท์นั่นรึไง ฉันก็สวยนะ ในโลกของฉันอะ ผิดด้วยรึไง เรายังเข้าออกตามซอยอีก 2 ซอย เดินเก็บเงินค่าเช่าไปเรื่อย ๆ “วันหลังจะพามา บอกก่อนนะคะ จะใส่ชุดที่สบายกว่านี้มา แบบนี้หายใจไม่สะดวกเลย” เดินแบบนี้มาจะ 3 ชั่วโมง กลางแดดที่ร้อนเกือบ 40 องศา “พูดมากจัง เป็นลูกจ้างก็ตั้งใจทำงานไป” อาการตัวเย็นๆแม้อากาศข้างนอกนี้จะร้อนระอุ มันทำให้ฉันรู้สึกถึงภาพที่จู่ๆก็วูบดับไป “งั้นเรากลับ ฟ้าใส ฟ้าใส!!!” Moon Say......... ผมหันไปเจอร่างเล็กๆที่ร่วงลงไปกองกับพื้น ยัยนี่เป็นลมงั้นเหรอ 2ไฟลท์แล้วนะ ที่เธอทำให้ฉันต้องอุ้มเธอเนี่ย ผมรีบเดินกลับไปดูคนที่กองอยู่กับพื้น “แค่หน้ามืดค่ะ ค่ะไปต่อ” ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะนอนอยู่แบบนั้นรอผมไปอุ้ม แต่ยัยนี่ดันลุกขึ้นมาเอง แถมจะทำงานต่ออีก ว้าววว อึ้งแฮะ “ไหวแล้วรึไง เสร็จแล้ว กลับไร่ ไม่แข็งแรงแบบนี้จะทำงานหนักไหวเหรอ ถอดใจแล้วกลับไปดีกว่า” “เพราะคุณนั่นแหละ” “เกี่ยวอะไร ถ้าแค่ทำงานแค่นี้ไม่ไหว กลับไปเลยไป เปลืองน้ำไฟ เปลืองค่าข้าว” “เพราะคุณฉันเลยยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน จะกินเย็นที่ทำงานพี่ต่อก็มาก่อน จะกินดึกที่บ้านคุณก็ดันบาดเจ็บ จะกินเช้าที่รีสอร์ตคุณก็เรียกฉันมาตักข้าว” ผมผิดงั้นเหรอ เธอโทษฉันงั้นเหรอ บังอาจมาก ปล่อยให้หิวตายเลยดีไหม “จะกินอะไรล่ะ” “เลี้ยงฉันนะคะ กระเป๋าตังค์อยู่ที่รีสอร์ตค่ะ” “เออ จะกินอะไรล่ะ” ผมเดินตามคนที่แวะร้านนู้น เข้าร้านนี้ ซื้อเยอะแยะเต็มไปหมด ลูกชิ้นเอ่ย ขนมเอย แล้วจบด้วยก๋วยเตี๋ยว กินเก่งเป็นบ้าเลย สงสัยจะหิวจริงเว้ย “อันนี้อร่อย ชิมสิคะ” เธอหยิบขนมแล้วทำท่าจะป้อน แถมทำตาดุๆให้อ้าปากอีก ไม่กลัวผมแล้วหรือไง หรืออารมณ์หิว อะไรก็ทำได้ “ไม่กินอะ” “อ้าปากค่ะ” “ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ กล้าสั่งฉันเหรอ” “อ้าปากหน่อยนะคะ ฉันอยากให้คุณชิม” วุ่นวาย วุ่นวายเกินไปแล้ว ผม...... “อะอ้าาา อ้าาามมมม” ยอมให้เธอป้อนขนมแต่โดยดี ที่ยอมเพราะรำคาญความวุ่นวายของเธอหรอกนะ “ไปค่ะ ทำงาน มีแรงทำงานได้ถึงพรุ่งนี้เลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD