วันนี้คนในบ้านพูดถึงเรื่องงานประจำปี ที่ไร่ของเราจะเอาผลผลิตมากมายไปขาย คนในไร่ต่างตื่นเต้น กับงานนี้มาก รวมถึงฉันเองด้วย ฉันอยากไปแบบสุดๆ มันจะมีปาลูกโป่งเหมือนในกรุงเทพรึเปล่า หรือว่ามันจะมีบ้านผีสิงรึเปล่า
“หนูไปขายด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ คุณฟ้าใส”
“อยากไปเที่ยวล่ะสิ” เสียงทุ้มต่ำที่ดังมากจากบนหัว ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ไม่ได้เหรอคะ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
อะไรที่ผ่านมาก็กินคนเดียวได้ ไหงวันนี้ฉันต้องกินเป็นเพื่อนล่ะ ฉันเลยต้องยกจานข้าวที่นั่งกินกับพวกพี่ๆในครัว ไปกินบนโต๊ะกับคุณจันทร์ฉายด้วย
“อะไรคะ ปกติก็กินคนเดียว”
“กินไปอย่าพูดมาก”
“ค่ะ” ฉันเลยต้องก้มหน้าก้มตากิน หลบสายตาดุๆนั้น
“อยากกินปลา”
แล้วบอกฉันทำไมอะ ก็กินดิ ฉันมองคนตรงหน้าที่ส่งสายตา ให้ฉันตักปลาในจานที่อยู่ใกล้เขานิดเดียว ตักเองง่ายกว่าตั้งเยอะ ฉันเลยต้องลุกขึ้นยืนแล้วตักให้คนที่เป็นเจ้านาย ฉันเป็นลุกน้องไม่ใช่ทาสนะ
“เดี๋ยวนี้ใจดีขึ้นรึเปล่าคะ”
“ก็เธอไม่ดื้อ ไม่ขัดใจ ฉันก็ไม่ใช่ยักษ์ ไม่ใช่มาร จะให้ดุอะไรบ่อยๆ”
“จะให้ดี ยิ้มด้วยสิคะ อยากเห็นคุณยิ้มจังเลย”
“ยอมนอนกับฉันสิ แล้วจะยิ้มให้ดูทีนึง”
เพี๊ยะ!!!! ฉันตีที่แขนคนที่นั่งหัวโต๊ะอย่างแรง
“พูดแบบนี้อีก จะไม่คุยด้วยแล้วนะ คุณอย่าดูถูกฉันนักได้ไหม ฉันกลับไปกินข้าวในครัวดีกว่า”
“นั่งลง!!! เป็นของฉันไม่ดีตรงไหน”
“นางบำเรอแบบที่คุณซี้ดซาดกันทุกคืน พอเบื่อก็เขี่ยทิ้ง ให้คุณเอาเงินตบไปตบมา ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
คนตรงหน้าดูจะไม่สบอารมณ์นักแต่ไม่ได้โกรธฉัน เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แถมยังรับฟัง แล้วนักกินข้าวปกติ ใจดีขึ้นจริงๆด้วย ยังจำวันที่เหวี่ยงฉันลงไปกับพื้นได้เลย
“รู้ไหมแค่ปล้ำเธอมันง่ายนิดเดียว”
“อย่านะคะ” ฉันยกมือขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้
“ลองดูไหมล่ะ ปกติฉันจะไม่กินคนในบ้านนะ ตราบใดที่ยังไม่เบื่อจะเลี้ยงดีๆ จะให้เงินเดือนมากกว่าที่แม่ของฉันให้”
เพี๊ยะ!!! ฉันตีที่แขนของเขาอีกที ทำไมถึงชอบดูถูกคนนักนะ อุตส่าห์คิดว่าแล้วคุณไม่ใช่คนเลวร้าย
“ 2 ครั้งแล้วนะ “
“ก็คุณดูถูกฉันอะ แล้วครั้งนี้ฉันบอกแล้วว่าจะไม่คุยกับคุณแล้ว งดคุย 2 วัน ไม่ต้องมาคุยกับฉันเลยนะ เหงาตายไปเลย”
ฉันถือจานกลับไปนั่งกินข้าวในครัว พอฉันกลับมา พวกพี่ๆก็มองหน้ากันไปมา บางคนก็อิ่มทันที
“ไม่อยากกินกับนายพวกพี่แล้วนี่คะ คนอะไรนิสัยไม่ดี”
“อย่าพูดแบบนี้นะคะ” พวกพี่ๆรีบห้ามไม่ให้ฉันพูดไปมากกว่านี้ ทุกคนดูกลัวมาก ฉันเลยพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่นานเจ้านายของฉันก็ตะโกนเรียกเสียงดัง
จะเรียกอะไรนักหนา ฉันเดินออกไปหาคนที่เรียก ก่อนจะโดนคนตัวใหญ่อุ้มพาดบ่า ออกจากบ้าน โอ้ยยย ฉันไม่ไปกับคุณด้วยหรอกนะ ฉันพยายามดิ้น ตะโกนขอให้พี่ต่อช่วย พี่ต่อก็ไม่ช่วย ให้พี่โตช่วย พี่โตก็ไม่ช่วย ให้พี่จ๊อดช่วยพี่จ๊อดก็ไม่ช่วย จนมาถึงเรือนต้องห้าม
“เอาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ไหนบอกจะไม่คุยกับฉันสองวันไง”
“คุณจันทร์ฉาย ปล่อยยยยย คุณจันทร์ฉายยยย คุณมูนนนนนน ปล่อยนะ”
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ปล่อย แล้วแบกฉันขึ้นไปบนห้องอีก ไม่ๆ ไม่ๆๆๆ แบบนี้ไม่ปลอดภัย ต้องหาอะไรป้องกันตัว แต่ถูกอุ้มแบบนี้จะเอามาป้องกันตัวได้ล่ะ
ฉันถูกพาเข้ามาในห้องที่มีกระจกบานใหญ่จนมองลงไปเห็นข้างนอก ที่มีแต่ต้นไม้ที่ทั้งมืดและน่ากลัว
“ไม่นะ จะปล้ำฉันจริงเหรอ ฉันกินไม่อร่อยหรอก”
“บทเรียนครั้งนี้สอนไว้ว่า อย่าปฏิเสธฉัน ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็วิ่งเข้าฉันทั้งนั้น”
“แต่คุณมีแฟนแล้ว ไม่อยากเข้าไปยุ่งอะ เก็บไว้ให้คนอื่นทำเถอะเรื่องแบบนี้” ฉันถอยหนีจนติดกับกระจกบานใหญ่
ห้องนี้สวยจัง ว่าแต่มันใช่เรื่องมาชมห้องของเขาไหมเนี่ยยยยย ฉันมองหาทุกอย่างที่จะเป็นอาวุธได้ คนตัวใหญ่เข้ามาคร่อมร่างของฉันที่ติดกับกระจกเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฉันหนี
“ 2 เดือนที่ฉันไม่แตะต้องเธอเลย มันนานเกินไปละสำหรับคนที่แม่ส่งมา”
ใกล้เกินไป ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เกินไป ฉันกลัวจนต้องหลบตา
“มองตาฉันสิ”
แต่ฉันกลับหลับตาปี๋เอาไว้ แม้จะไม่อยากขัดใจเพราะกลัวเรื่องมันจะร้ายแรงกว่านี้ กลัวเขาจะโกรธมากกว่านี้
“จะมองดีๆ หรือให้ฉันกำลังบังคับ”
ฉันลืมตาพรึบมองคนตรงหน้าทันที ใกล้จัง เหมือนถูกดวงตาตรงหน้าสะกดเอาไว้ไม่ให้ขยับเลย หัวใจของฉันกำลังเต้นผิดจังหวะรึเปล่านะ ฉันกำลังไม่เป็นตัวเองเลย
“ขอโทษค่ะมองต่อไม่ไหวแล้ว”
“ปกติฉันจะไม่จูบ แต่ทำไมกันนะ ฉันอยาก.....” ประโยคไม่ทันจบริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมา แล้วฉันควรทำยังไง มันไม่ใช่การที่ถูกบังคับ หัวใจมันกำลังเต้นแรงจนฉันรับความรู้สึกที่มากมายนี้ไม่ได้ หายใจไม่ออก
“หยุดก่อนได้ไหมคะ”
“ทำไม รังเกียจฉันเหรอ”
“ก็เปล่าค่ะ ฉันแค่หายใจไม่ออก จัดการหัวใจที่เต้นไม่ได้ แล้วมือก็สั่นไปหมด อย่ารุกเร็วแบบนี้ได้ไหมคะ คุณอาจจะเก่ง แต่ฉันไม่ได้เก่งเหมือนคุณ......” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากก็ประกบลงมาอีกครั้ง
“มองตาฉัน”
จะให้มองในตอนที่เราจูบกันอยู่แบบนี้เหรอ ผ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าของฉันไม่ให้หนีจากเขาได้อีก แขนข้างที่กั้นไม่ให้ฉันหนีตอนนี้เปลี่ยนเป็นรวบเอวเล็กของฉันเอาไว้
“ไม่ไหวแล้วค่ะ จะหมดแรงแล้ว วันนี้แค่นี้พอได้ไหมคะ”
“เธอกำลังทำอะไรกับฉันเนี่ย ยัยเปี๊ยก” เสียงทุ้มที่พูดอยู่ข้างหู
ฉันไปทำอะไร มีแต่คุณนั่นแหละที่ร้ายกาจ เอะอะก็ขู่ปล้ำอย่างเดียวเลย แล้วจะมองหน้ากันยังไงดีละทีนี้
“อันนี้นับเป็นจูบแรกแล้วใช่ไหม”
“จูบแรกที่ไหนคะ คุณจูบไปตั้ง 3 ครั้ง” ฉันหลบตาคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้จะทำอะไรกับฉันก็ได้ ไม่อยากพูดให้ขัดใจ ถ้าเกิดหน้ามืดปล้ำฉันขึ้นมาแล้วจะยุ่ง เขายิ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่
แล้วจู่ๆ ร่างของฉันก็ถูกเหวี่ยงลงบนเตียง จนตัวฉันเองเด้งขึ้นมาน้อยๆ
“ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้ แล้วไม่ได้”
ร่างของฉันถูกตะครุบอย่างรวดเร็ว ไม่รอด ไม่รอดแน่ๆ ไม่ ไม่ ไม่!!!!! แค่มือข้างเดียวที่เขาใช้กดฉันลงกับที่นอน มันก็ไม่อาจจะทำให้ฉันดิ้นหนีไปไหนได้แล้ว
“ไม่คุณจันทร์ฉาย อย่าทำแบบนี้!!!” ความกลัวมันเริ่มกลืนกินฉัน
ฉันพยายามดิ้นสู้กับแรงที่มากมายของเขา ริมฝีปากที่ซุกไซ้ไปตามซอกคอ มันยิ่งทำให้ฉันกลัว ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ฉันจะหนีเขาไปได้ยังไง เสื้อที่ใส่ถูกกระชากจนขาดวิ่น
“ไม่คุณจันทร์ฉายยยยย ฮื้ออออออ ฮึก ฮึก ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากเกลียดคุณ ฮื้อออออ”
เขาหยุดมองฉันที่กำลังร้องไห้ น้ำตาที่นองหน้ามันทำให้เขาหยุด
“ทำไม่ลง” เสียงทุ้มๆพูดออกก่อนจะล้มลงมาทับฉันจนรู้สึกหนัก
ฉันกอดคนตรงหน้า แล้วปล่อยโฮออกมา
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ยอมหยุด” ฉันยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น
“เธอโตมายังไงกัน มาขอบคุณคนที่กำลังจะปล้ำเธอ” คนตรงหน้าชันศอกนิดๆ เพื่อคุยกับคนที่นอนอยู่ใต้ร่างกายกำยำ
“บ้านเด็กกำพร้าค่ะ พวกเรา 20 กว่าคนโตมาโดยแม่คนเดียว ฉันเป็นพี่โตที่สุด เลยต้องคอยดูแลน้อง เด็กผู้ชายจะซนมากเลยค่ะ ฉันเลยคอยดูแล ทำแผลกันทุกวันเลย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะออดอ้อนกันทั้งวัน”
“อย่างงั้นเหรอ ไปเจอกับแม่ตัวแสบของฉันได้ยังไง”
“ที่โรงพยาบาลค่ะ คุณซีเธอไปบริจาคเงินให้โรงพยาบาล แล้วเจอฉันที่นั่น เธอแวะเวียนมาหาฉันอยู่หลายครั้ง เธอเสนอจะรักษาแม่ฉันให้หาย แล้วเสนองานที่นี่ให้ เพื่อฉันจะทำงานส่งเงินให้น้องๆเรียน”
คนตัวใหญ่ลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วโยนเสื้อมาให้ฉัน เป็นเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่ ที่เสื้อมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นตัวของเขาเลย
“ใส่ไว้ ก่อนที่ฉันจะหน้ามืดปล้ำเธออีก”
ฉันรีบหยิบเสื้อมาใส่ทันที ตามคำสั่ง แล้วยิ้มให้คนตรงหน้า เขามองฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“จะโกรธฉันก็ได้นะ”
ฉันส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้มออกมา
“คุณจันทร์ฉาย ยังไม่ได้ทำอะไร แค่เสื้อที่ขาด งั้นฉันขอเสือตัวนี้ไว้แทนนะคะ”
แล้วจู่ๆคนที่ยิ้มยาก ก็ยิ้มออกมา แค่เขายิ้มหัวใจของฉันมันก็เต้นตึกตัก เขายิ้มสวยจัง แต่ทำไมถึงไม่ยอมยิ้มออกมาล่ะ หรือไม่ชอบยิ้ม แล้วทำไมจู่ๆถึงยิ้ม
“ฉันจะไปส่งที่บ้าน ส่วนเสื้อตัวที่ใส่ ฉันให้เลย แต่ถ้าอยากได้ตัวใหม่จะพาไปซื้อ” เสียงดุๆ กับสายตาที่สวนทาง มันทำให้ฉันต้องยิ้มออกมา
“ค่ะ”
“วันหลังมีอะไรบอกฉัน ไม่ต้องไปบอกไอ้ต่อแล้ว ฉันอนุญาตให้เธอบอกฉันโดยตรง”
“ค่ะ”
เดี๋ยวก็บอกฉันวุ่นวาย เดี๋ยวก็บอกฉันน่ารำคาญอีก ขัดใจก็ไม่ได้อีก ฉันตามใจคุณไม่ทันแล้ว ไม่รู้คุณจะมาแบบไหน เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ตามอารมณ์ไม่ถูกเลย
คุณจันทร์ฉายเดินมาส่งฉันที่บ้านหลังใหญ่ แม้จะดึกแต่ไฟทางเดินที่นี่ไม่เคยปิด ฉันเล่าเรื่องนู้น เรื่องนี้ให้คนที่เดินมาด้วยฟังตลอดทาง แล้วเขาก็ช่างเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่แปลกใจทำไมสาวๆถึงชอบเขาจัง ตอนไม่ดุก็น่ารักดีอยู่หรอก
“คุณจันทร์ฉายขา”
“ว่า”
“กลับดีๆนะคะ”
“เข้าห้องไปเลยไป อย่าออกมาอีก มันดึกแล้ว”
ฉันพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าห้องของตัวเอง เกือบไปแล้วสินะ แต่เขาแรงเยอะจังเลยแค่มือเดียวก็ดิ้นไปไหนไม่ได้เลย
เช้าวันถัดมา......
ผลผลิตมากมายถูกเก็บเพื่อรอการขายในงานประจำปี พอหลังจากเลิกงานที่รีสอร์ต ฉันก็มาช่วยคนอื่นๆเก็บผลผลิตด้วย อยากให้ถึงวันงานเร็วๆจัง แล้ววันนี้คุณจันทร์ฉายก็ลงมาช่วยเก็บผลผลิตกับคนงานด้วย
“จันทร์ฉายขาาาาาาาาาาา” เสียงแหลมปี๊ด ตะโกนเรียกมาจากไกล
“คนของคุณมาแล้ว คุณไปเถอะค่ะ ตรงนี้ฉันช่วยพวกพี่ๆเก็บเอง”
“ไอ้โตไปจัดการให้กูที อย่าให้เข้ามายุ่งตรงนี้ได้ ไม่เห็นรึไง คนอื่นเขามีงานต้องทำ”
“คุณไปเถอะค่ะ
แล้วเบอร์ 3 กับ เบอร์ 4 ก็ตามมา หญิงสาวที่เป็นคู่นอนของเขาต่างเข้ามาพร้อมกัน เพียงเพื่อเหตุผลเดียว ชวนเขาไปงานประจำปี คุณจันทร์ฉายให้พี่โตออกไปรับหน้าแทน
“เหนื่อยไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันว่าฉันไหวนะ สนุกดีค่ะ แล้วคุณเหนื่อยไหม ไม่ต้องทำก็ได้นะ ฉันทำเอง”
คนตรงหน้าช่วยเกี่ยวผมฉันไปทัดหู เพราะมันกำลังบังหน้าอยู่ แต่ไม่ต้องทำให้ขนาดนี้ก็ได้ คนอื่นเขามองฉันแปลกๆหมดแล้ว
“คุณจันทร์ฉายขา คนอื่นเขามองฉันแปลกๆ ฉันไปช่วยคนอื่นดีกว่า” ฉันพยายามจะรักษาระยะห่างจากเจ้านายบ้าง แต่กลับถูกเขาดึงแขนเอาไว้
“ทำไมชอบหนีฉันนัก แล้วรอยนี่....” เขามองรอยช้ำที่แขนของฉัน
“ก็เมื่อคืนคุณรุนแรง แต่ไม่เป็นไรค่ะ ช้ำนิดเดียวเอง”
“ต้องเป่าไหม”
“ได้เหรอคะ คุณจะยอมเป่าให้ฉันเหรอ” ฉันหันไปย่นจมูกให้คนที่บอกจะเป่าให้ ดูก็รู้ว่าเขาล้อเลียนฉันที่เป่าแผลให้เขาครั้งที่แล้ว
แต่ฉันต้องรู้สึกใจหายแวบ เพราะตัวเองถูกผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น โดยผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งหนีพี่โตมาได้
“จันทร์ฉายขาาาา ไปงาน......”
เพี๊ยะ!!!!! คุณจันทร์ฉายตบเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวที่ผลักฉันอย่างแรง ผู้ชายที่อ่อนโยนเมื่อกี้ไม่อยู่อีกแล้ว
“กลับไป ต่อจากนี้อย่ามาเหยียบที่นี่ จำไว้อย่าแตะคนของฉันอีก ไม่งั้นเธอจะได้ไปนอนคุยกับหนอนที่ใต้ดิน” สายตาเขาเปลี่ยนไปแล้ว
“คุณปกป้องยัยนี่ใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นตรงเข้ามาหาเรื่องฉันทันที แต่โดนคนตัวที่ใหญ่กว่าเอาตัวมาบังให้
“อย่าคิดจะลองดีกับฉัน เพราะฉันเตือนแล้ว” แววตาโกรธเกรี้ยวที่แสนน่ากลัว ทำเอาฉันรู้สึกหวั่นใจ ไม่มีใครคิดจะห้ามเลยเหรอ ฉันมองเอแคร์ที่ตอนนี้กลัวจนไม่กล้าก้าวขาเดินแล้ว
ถ้ามากกว่านี้เขาอาจจะทำอะไรที่มันแก้ไขไม่ได้ ฉันเลยลากคนที่กำลังโกรธได้ที่ออกจากตรงนั้น ไม่สนใจว่าเขากำลังโกรธขนาดไหน ไม่สนใจด้วยว่าคนที่โดนตบจะเป็นฉันรึเปล่า
“เธอกำลังทำฉันเสียการปกครอง”
“อย่าทำอะไรที่มากกว่านี้เลยค่ะ คนทั้งไร่กำลังกลัวคุณหมดแล้ว คุณตบเธอไปแล้วแค่นี้เธอก็กลัวจะแย่แล้ว แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ปกป้องฉัน แต่คุณเห็นไหม ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เอแคร์สิ ปากแตกเลย”
“งั้นต้องทำโทษเธอแทน” คุณจันทร์ฉายประกบปากลงมาบนปากฉัน ต่อหน้าทุกในไร่เลย ฉันเลยต้องผลักเขาออก คนบ้า ทำอะไรแบบนี้ คนตั้งเยอะแยะ เขาจะมองฉันเป็นคนยังไง ฉันพยายามจะหนี ก็ถูกดึงเอาไว้ไม่ให้หนีอีก อายก็อาย
“ปล่อยนะคะ คนมองหมดแล้ว”
“อย่ามาดื้อกับฉันอีก จำไว้ ไปทำงานเลยไป” ฉันดึงแขนออกจากมือของเขา ก่อนจะกลับไปทำงาน
พี่แนนลูกของป้าแจงรีบเข้ามาหาฉันทันที
“ถ้าเธอไปห้ามไม่ทันนะ ยัยเอแค่ เอแคร์นั่น ลงไปคุยกับหนอนแล้ว ถึงยัยนี่จะตาย ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่นายเก็บหรอก จะเป็นผู้หญิงของนายอะ ห้ามหึง ห้ามหวง ตบนี่แค่เบาะๆนะ”
“น่ากลัวจังเลย”
“นี่เป็นครั้งแรก ที่นายปกป้องใครแบบนี้ ทุกคนที่นี่เขาหวังให้นายกลับมาเป็นคนเดิม”
“ยังไงคะอะพี่ ฉันไม่เข้าใจ “ ฉันถามถึงสิ่งที่พี่แนนกำลังจะสื่อ
“เมื่อก่อนนายใช่แบบนี้ที่ไหน ตั้งแต่เรื่องตอนนั้น นายก็เปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนจนพี่สาวเขาอยู่ไม่ได้ ย้ายทั้งครอบครัวออกไปเลย”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องมันลับ เล่าไม่ได้อะ เอาเป็นว่าหล่อนอะทำตัวดีๆให้นายรักมากๆละกัน หล่อนก็เห็นแล้วตอนนายดี ทุกคนก็อุ่นใจทั้งนั้น แต่ตอนที่นายร้ายอะ ไร่นี้ก็เหมือนรุกเป็นไฟนั่นแหละ”