บ้านเดี่ยวสองชั้นไม่ไกลจากโรงพยาบาลนั้นเป็นบ้านที่สามีหนุ่มเคยซื้อไว้เมื่อสองปีที่แล้ว เขาบอกเธอว่ามีเงินเก็บก้อนหนึ่งหากไม่ซื้อไว้คงน่าเสียดาย ด้วยสภาพทางเศรษฐกิจ สภาวะเงินเฟ้อในอนาคต บ้านราคานี้คงไม่มีแล้วเลยตัดสินใจซื้อเก็บไว้เท่านั้น
แต่ใครกันจะซื้อบ้านทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบนี้ ใยบัวใช่คนคิดไม่เป็นไม่ เธอสงสัยว่าเขาซื้อบ้านไว้ทำไม ทั้ง ๆ ที่ตอนคบกันอีกฝ่ายบอกว่านอนพักที่บ้านหลังใหญ่กับพ่อแม่ ซื้อไว้แต่ไม่มาอยู่ บ้านรกร้างเสียเปล่า ๆ
“อร่อยไหมคะ บัวตั้งใจมาก ๆ” เธอทำอาหารไว้รอเขา แต่ด้วยความที่เป็นสาวทำงานเก่ง งานบ้านงานเรือนจึงไม่ใช่ทางของเธอสักเท่าไร
“ก็...ไม่ได้แย่นะ แต่...นานไปคงเป็นโรคไตสักวัน”
“อ้าว...ภีมจะบอกว่ามันเค็มเหรอ” เธอหลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเขาไม่บอกตรง ๆ แต่รักษาน้ำใจโดยการพูดอ้อม ๆ แทน
“หึ ลองลดเค็มดู”
“ค่ะ งั้น...ลองต้มยำกุ้งดูค่ะ บัวซื้อมาจากตลาดเผื่อทำไม่ถูกปากเลยซื้อมาไว้เผื่อน่ะ” เธอรอบคอบเสมอ ใยบัวเปลี่ยนกับข้าวให้เขา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินรวม ๆ กันก็ได้”
“หือ...ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไว้วันหลังฉันทำให้ใหม่” เขาก็เป็นเสียแบบนี้จะไม่ให้รักได้ยังไง สุภาพแม้กระทั่งอาหารที่ไม่ได้เรื่อง
...บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเป็นเธอเสียมากกว่าที่ชวนเขาคุย ใยบัวเอ่ยพูดเสียงแจ้ว ๆ ไม่หยุด
“บัวกลัวค่ะ กลัวว่าตรวจแล้วลูกจะเป็นดาวน์ซินโดรม”
“หือ...ตรวจวันไหนล่ะ”
“อ้าว หมอบอกแล้วนี่” เธอกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ แสดงว่าเขาไม่ได้ฟังหมอพูดเลยจริง ๆ
“อ้อ...” ชายหนุ่มเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะยอมรับผิด “ผมคงไม่ได้ฟังตอนนั้น”
“แล้ว...คิดอะไรอยู่คะ”
“_”
“เหมือนภีมมีเรื่องให้คิดตลอดเลย” เขาวางช้อนลง ก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิง
“เรื่องงานน่ะ” ชายหนุ่มเลือกที่จะโกหก เขาไม่อยากให้เธอรู้เรื่องของเขา พลอยทำให้เธอเครียดแล้วส่งผลเสียกับลูกในท้อง
“มีปัญหาเหรอ”
“ครับ” เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ อยากให้เขาขยายความมากกว่านี้
“ยังไงเหรอ”
“คือผมไม่อยากเอาปัญหามาให้คุณน่ะ”
“ไม่เป็นไรเลย เราแต่งงานกันแล้วนะ” เธอหน้ามุ่ยหน่อย ๆ เขาเป็นคนดีจนวินาทีสุดท้ายเลยมั้ง
“ก็...” ดวงตาคมเริ่มล่อกแล่ก ชายหนุ่มไม่อยากโกหกเลย แต่ก็เพื่อความสบายใจ “ก็ส่วนใหญ่เป็นการทำงานไม่ตรงเวลาน่ะ พยาบาลนำตัวคนไข้มาเข้าห้องผ่าตัดช้า ๆ”
“อ้อ อย่างนี้ภีมต้องแจ้งฝ่ายบุคคลนะ”
“ครับ” เขาคว้าน้ำมาดื่ม ยิ้มให้เธอบาง ๆ เอียงคอเล็กน้อยเมื่อเธอมีสีหน้าเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา “มีอะไรหรือเปล่า”
“หือ...อ้อ วันนี้ จริง ๆ แล้วบัวจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดด้วย แต่ว่าพอท้อง...หัวหน้าเลยคิดว่าบัวอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าเดิม”
“อ้อ...” เขาตอบรับเพียงเท่านี้
“แค่นี้เหรอ”
“หือ ก็ มันแก้อะไรไม่ได้แล้วนี่” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เขาน่าจะปลอบใจเธอมากกว่านี้ “ก็คงต้องยอมรับถูกไหมล่ะ”
“ก็ใช่...”
“_”
“แล้วอิ่มแล้วใช่ไหม เดี๋ยวบัวจะได้เก็บ” เขาพยักหน้ารับพร้อมกับลุกขึ้นช่วยเธอเก็บไปด้วย ไม่ได้ทิ้งให้เธอทำคนเดียว ใยบัวเองก็รับรู้ว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ทำทุกอย่างเหมือนกับอยู่ในหนังสือหน้าที่พลเมือง เป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้เพียงแค่บอก หรือทำตามตำรา แม้แต่เรื่องแต่งงาน เขาก็รับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชาย แต่หากให้ทำด้วยใจ...คงไม่ใช่เขา
ความเงียบในเวลากลางคืนนั้นถูกทำลายด้วยเสียงกรนเบา ๆ ของสามีหนุ่ม เขาสามารถนอนหลับได้โดยไม่ต้องมีเรื่องเครียด ส่วนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ มีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจอยู่บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก เธอขยับเข้าหาความอบอุ่นจากคนตัวโตข้างกาย ยื่นแขนไปสวมกอดเอวหนา ทว่า
“อืม...เมย์” เขาพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา งึมงำถึงชื่อของใครเธอไม่ทราบ หรือเป็นเพียงการนอนละเมอปกติ ภีมพัฒน์โอบกอดร่างบางแนบอก นึกคิดว่าเป็นอดีตคนรักที่เลิกรากันไป ไม่ได้คิดว่าเป็นภรรยาสาวเลยสักนิด ขณะเดียวกันคนในอ้อมกอด คำพูดของเขาเล่นเอานอนไม่หลับ เหมือนว่าเขากำลังนึกถึงใคร จิตใต้สำนึกของเขานั้นกำลังคิดถึงใครกันแน่
...ยามเช้าก่อนไปทำงานเธอเองก็อยากถามถึงเรื่องค้างคาใจเมื่อคืน ใยบัวรวบรวมความกล้าค่อย ๆ เอ่ยพูดขึ้นเบา ๆ ระหว่างที่กำลังปรับเนกไทให้เขา
“เออ...เมื่อคืนภีมละเมอถึงใครเหรอ”
“หือ...” เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองละเมอ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เมย์...ละเมอเรียกเมย์น่ะ เหมือนชื่อคนเลย” เขาชะงักไปในทันที ภีมพัฒน์กะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ไม่มั่นใจว่าควรบอกอะไรเธอไหม แต่ไม่รู้จะดีที่สุด
“ไม่มีอะไรหรอก เมย์...ไม่รู้สิ ผมยังไม่รู้เลยว่านอนละเมอด้วย” เขายกยิ้มบาง ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นจับไหล่บางทั้งสองข้าง “ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก บัวดูแลลูกในท้องให้ดีก็พอนะ”
“_”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปทำงานก่อน คุณก็เดินทางปลอดภัยนะ” เขาว่าจบก็เดินจาก ทว่า
“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยเรียก ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดเอวหนา ซึมซับความอบอุ่นจากพ่อของลูก
“เดินทางปลอยภัยนะคะ” เธอเงยหน้ายิ้มให้กับเขาจนตาหยี แต่ก็ได้รับเพียงใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นการฝืนยิ้มเสียมากกว่า ภีมพัฒน์ขับรถไปทำงานด้วยความหวั่นใจ เกรงว่าภรรยาสาวจะรู้เรื่องของเมษา...
ใยบัวมาทำงานในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ สวมกระโปรงยาวเลยเข่า เธอสวมรองเท้าหุ้มส้นแทนการใส่ส้นสูงตามคำแนะนำของสามีหนุ่ม นึกถึงเขาทีไรใบหน้าสวยก็เปื้อนยิ้ม เมื่อคืนอีกฝ่ายคงละเมอไปจริง ๆ เพราะคำว่าเมย์...อาจจะเป็นแค่เสียงครางของคนนอนละเมอก็ได้ ทว่าขณะนั้นเอง
“บัว!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังลั่นในลานจอดรถนี้ทำให้ใยบัวอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ เธอรีบจ้ำอ้าวเดินหนี แต่ทว่าเจ้าของเสียงกลับคว้าข้อมือของเธอไว้จากทางด้านหลัง
“ปล่อยนะกิต!” ท้ายที่สุดก็ต้องหันมามองเขาอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นี้มีสีหน้าไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“เราเพิ่งได้ยินข่าวว่าบัวแต่งงาน ได้ยินก็บินกลับมาเลย” เขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ทำไม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกิต”
“ไม่เกี่ยวหรอก แค่ข้องใจว่าทำไมตอนนั้นบัวถึงบอกเราว่าไม่อยากมีแฟน อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานไม่อยากให้แฟนมาเป็นอุปสรรค แต่ทำไมอยู่ ๆ ก็แต่งงาน” หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนหน้าผากย่น ในบัวส่ายหน้าเบา ๆ
“นี่กิตไม่เข้าใจเหรอว่าทำไม เราปฏิเสธกิตไง” เธอไม่ได้รักษาน้ำใจอีกฝ่าย ก็เพราะเขาทำให้ความรักฉันเพื่อนของเธอกับแอนนาขาดสะบั้น เป็นต้นเหตุให้แอนนาจงเกลียดจนชังเธอ
“ไม่จริงอะ เราเสียใจมากเลย อึก...ทำไมบัวแต่งงานไม่บอกเรา” เขาว่าน้ำตาคลอ มีก้อนน้ำลายมาจุกที่คอจนยากที่จะเอื้อนเอ่ย
“ปล่อยนะกิต เราต้องรีบไปทำงาน” เธอเลื่อนสายตามองร่างหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาแต่งกายอย่างกับมาทำงาน
“เราย้ายกลับมาที่นี่แล้วล่ะตั้งแต่ได้ยินว่าบัวแต่งงาน เราจะไม่ไปทำงานที่สาขานั่นแล้ว” เขาคงหมายถึงบริษัทในเครือที่ต่างประเทศ ใยบัวส่ายหน้าเบา ๆ
“อย่ามายุ่งกับเรา”
“มันเป็นใครบัว”
“ปล่อย! ไม่งั้นเราจะเรียกให้คนช่วย อย่าทำให้เรื่องของเรามันแย่ไปกว่านี้ กิตอยากโดนไล่ออกหรือไง” เธอมองเขาด้วยสายตาเอือมระอาเต็มที เพื่อนกันแต่แรกมันก็ดีแล้ว แต่เป็นเพราะความไม่รู้จักพอของเขาที่ทำลายความสัมพันธ์ฉันเพื่อนนี้ ขณะที่กิตติเองก็ต้องจำใจปล่อยมือของเธอออกเมื่อมองเห็นรปภ.ที่เพ่งเล็งอยู่
“เลิกยุ่งกับเรา ตอนนี้เราแต่งงานแล้ว แล้วก็กำลังท้องด้วย”
“ห๊า ไม่จริงใช่ไหม!”
“จริง อย่ามายุ่งกับเราอีก” เธอว่าเสียงเข้ม ข่มขู่ไปในตัว เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง กิตติสารภาพว่าจริง ๆ แล้วเขาชอบเธอ แต่แอนนานั้นเป็นฝ่ายชอบเขา ทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนกันเสียด้วยซ้ำ แต่แอนนาก็มโนไปไกลเกินจะกู่กลับ
...เจ้าของร่างหนาอ่อนไหวไร้เรี่ยวแรง ไม่คิดว่าใยบัวจะแต่งงานทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่จะสนใจผู้ชายคนไหน หนำซ้ำเจ้าตัวยังตั้งครรภ์อีกด้วย
“โธ่เว้ย!!” เสียงสบถด้วยความหัวเสียนี้ทำให้ใยบัวก้าวขาเร็วขึ้น รีบเดินหนีคนพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะยกโทรศัพท์โทรหาสามีหนุ่ม
“ภีม! ภีมจำกิตได้ไหม ที่บัวเคยเล่าให้ฟังน่ะ”
[อ้อ จำได้ครับ]
“กิตกลับมาแล้ว บัวไม่ชอบเลย” เธอบ่นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก หวังให้สามีช่วยพูดอะไรสักหน่อย
[ต่างคนต่างอยู่คงไม่มีอะไรหรอก แค่นี้นะ...ผมกำลังตรวจคนไข้อยู่]
“อ้อ ขอโทษที่รบกวน...” นะ เธอยังพูดไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำ เขาก็กดตัดสายเสียแล้ว รู้สึกผิดที่โทรไปเวลางาน ใยบัวไม่สบายใจจึงส่งข้อความไปขอโทษเขาอีกครั้ง
“บัวขอโทษนะ ลืมดูเวลาเลย” เธอมองหน้าจอที่พิมพ์ข้อความกดส่งไป แต่ก็ยังไม่ขึ้นอ่าน ให้รอนานกว่านี้ก็คงไม่ทันเวลาเข้างานของตัวเองเช่นกัน หญิงสาวสาวเท้าเดินขึ้นลิฟต์ไปที่แผนกงานของตัวเอง
...บรรยากาศยามเช้าที่ออฟฟิศนั้นวุ่นวายเหลือคณา เพื่อนร่วมงานวิ่งหัวกระเซอะกระเซิงเข้ามาทำงานให้ทันเวลากันวุ่น บ้างก็วิ่งไปชงกาแฟ บ้างก็กำลังนั่งแต่งหน้าที่โต๊ะทำงาน ใยบัววางกระเป๋าลงที่โต๊ะ เธอเปิดคอมพิวเตอร์ไว้ ก่อนจะหยิบเอาเครื่องดื่มสำหรับคนท้องออกมาดื่ม ดื่มเพื่อสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง
เวลาล่วงเลยจนเกือบสองเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้รู้เพศลูกแล้วด้วย แค่นึกถึงใบหน้าสวยก็เปื้อนยิ้ม ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น
“ฮัลโหลค่ะหัวหน้า”
[เข้ามาหาหน่อยนะ]
“รับทราบค่ะ” เธอวางโทรศัพท์ลงพร้อมกับความไม่สบายใจบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นแอนนาที่แสยะยิ้มอยู่ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าอย่างคนเหนือกว่านี้ทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก...