“หัววันที่ไหน นี่มันเที่ยงแล้วนะ ที่ฉันมาก่อนเวลาเพราะกะว่ากินส้มตำเสร็จจะชวนแกไปดูหมอดูไงล่ะ” สุมณฑาตอบเพื่อน
“อีกแล้วเหรอ แกเพิ่งไปดูมาเมื่อเดือนที่แล้วเองนะ จะไปดูอะไรบ่อยๆ”
“แต่หมอดูคนนี้เขาว่ากันว่าแม่นมากเลยนะแก แม่นอย่างกับตาเห็น” หญิงสาวตอบขณะเดินไปหยิบภาชนะมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะแกะถุงอาหารที่ซื้อมาเทใส่จาน
“แกจะดูอะไรหนักหนา ดูไปก็เท่านั้น ถ้าดูแล้วดวงแกดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีแกก็ต้องมานั่งกลุ้มใจ สู้ไม่ดูซะเลยดีกว่า”
ภัทรียาพูดจบก็จกข้าวเหนียวกับส้มตำใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์ แต่เธอคิดว่าการไม่รู้อนาคตล่วงหน้าจากคำทำนายที่ไม่รู้ว่าแม่นจริงหรือไม่ มันเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง หากคำทำนายดีก็ดีไป แต่ถ้าผลลัพธ์เป็นไปทางตรงข้ามล่ะ มันคือความทุกข์พุ่งเข้าในใจ
“แต่หมอดูคนนี้ พี่เอิบบอกว่าแม่นมากๆ เลยนะ แม่นเหมือนตาเห็น ขนาดดารา นักร้อง หรือนักการเมืองคนดังๆ ยังมาดูเลยนะแก” สุมณฑาเล่าเรื่องหมอดูที่มีความน่าเชื่อถือให้เพื่อนรักฟัง
“ถ้าแม่นขนาดที่แกว่ามา ค่าหมอดูมันไม่แพงหูฉี่เหรอ แกมีปัญญาจ่ายหรือไง”
“แพงเพิงที่ไหนกัน ราคาย่อมเยา ค่าครูแค่ 59 บาทเอง”
คนที่กำลังจะเอาไก่ย่างใส่ปากถึงกับชะงักค้าง จำนวนเงินค่าหมอดูที่เพื่อนรักบอกว่าแม่นสุดแม่นมันถูกมากหากเทียบกับกิตติศัพท์ที่เพื่อนกล่าวมา
“เฮ้ย! 59 บาทจริงเหรอแก แกฟังมาผิดหรือเปล่า อาจจะ 5,999 บาทก็ได้นะ”
“59 บาทจริงๆ แก พี่เอิบไปดูมาราคานี้ ไม่ผิดหรอก”
สุมณฑากินส้มตำไปด้วยตอบเพื่อนไปด้วย
“แล้วแม่นจริงหรือเปล่า”
ตอนแรกภัทรียาทำเหมือนไม่สนใจ แต่พอสุมณฑายืนยันราคาค่าหมอดูที่ตัวเธอเองจ่ายได้ จึงเกิดความสนใจขึ้นทันควัน
“แม่นสุดๆ พี่เอิบบอกว่า ทายอะไรมาถูกหมดเลย เป๊ะมากๆ เลยนะแก” สุมณฑาย้ำ “โดยเฉพาะเรื่องเนื้อคู่นะแกเอ๋ย แม่นยิ่งกว่าแม่น พี่เอิบเล่าให้ฉันฟังว่าหมอดูคนนี้บอกได้เลยนะว่าจะได้เจอเนื้อคู่วันไหน คนไทยหรือต่างชาติ บางรายก็บอกเลยนะว่าจะเจอกันที่ไหน”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ มันจะแม่นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”
“แม่นจริงแก ฉันถึงชวนแกไปพิสูจน์ให้รู้กับตัวไงว่ามันแม่นจริงไหม เพราะฉะนั้นกินส้มตำเสร็จเราไปดูหมอดูกัน”
สุมณฑาสรุป
“โอเค ตามนั้นเพื่อน” ภัทรียารับคำง่ายดายเพราะอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า หมอดูคนนี้จะมีความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน
สองสาวเพื่อนรักก้าวลงจากรถประจำทางเมื่อถึงจุดหมาย ทั้งคู่เดินเข้าไปในซอยใกล้ป้ายรถเมล์ และโดยสารต่อด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่น่เชื่อเลยว่าจะมีสังคมต่างชนชั้นอยู่ในซอยเดียวกัน ต้นซอยถึงกลางซอยจะเป็นย่านคนมีฐานะ เต็มไปด้วยหมู่บ้านจัดสรร ราคาแต่ละหลังไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท พ้นกลางซอยไปแล้วก็เป็นบ้านเดี่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ทั้งหลัง ซึ่งเป็นบ้านของคนที่อยู่มาดั้งเดิมหลายสิบปี ก่อนจะมีหมู่บ้านชื่อดังเสียอีก แต่พอผ่านไปเกือบถึงท้ายซอยก็จะเป็นชุมชนไก่แจ้ ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้มีคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จะเป็นคนหาเช้ากินค่ำหรือผู้ใช้แรงงาน
“แกแน่ใจนะกระแต ว่าหมอดูที่แกบอกอยู่ในชุมชนนี้”
ภัทรียาถามเพื่อความมั่นใจหลังจากพี่วินมอเตอร์ไซค์จอดรถหน้าปากทางเข้าชุมชนไก่แจ้ เพื่อนรักบอกเธอว่ามีดารา นักร้อง และนักการเมือง รวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงพากันมาดูหมออย่างต่อเนื่อง ภัทรียาจึงคิดว่าที่อยู่ของหมอดูคนนั้นน่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ ห้องแถว หรือสถานที่ที่ดูดีกว่านี้ ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่าน่าจะอยู่ละแวกบ้านจัดสรรราคาแพงหรือไม่ก็แถวกลางซอย แต่มันผิดคาดอย่างสิ้นเชิง
“ที่นี่แหละ ไม่ผิดหรอก” สุมณฑาตอบเพื่อน
“อยู่ในชุมชนนี้เนี่ยนะ” ภัทรียาถามด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึง “ชัวร์หรือเปล่าแก”
“ชัวร์สิ พี่เอิบบอกว่าเดินเข้าไปในชุมชนจนเจอแยกแรกก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงลานกว้างของชุมชน หมอดูจะนั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะยม หมอดูคนนี้ก็เลยถูกเรียกว่า หมอดูมะยม”
“หมอดูมะยม” ภัทรียาทวนชื่อหมอดูเสียงค่อนข้างดัง “ชื่อไม่น่าเชื่อถือเลยนะแก”
“เราก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองไงว่าจะแม่นจริงหรือเปล่า ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ เผื่อคิวยาว มาก่อนได้ดูก่อน”
สุมณฑาจูงมือเพื่อนรักที่มีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็เดินตามเข้าไปในซอย เพราะถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว เข้าไปพิสูจน์ความแม่นก็ไม่มีอะไรน่าเสียหาย
สองสาวเดินมาถึงจุดหมายในอีกไม่กี่นาทีต่อมา สายตาของทั้งคู่มองต้นมะยมที่มีชายสูงวัยกำลังนั่งสูบยาเส้นอยู่บนแคร่ ด้านบนมีผืนผ้าใบกั้นกันแดดกันฝน แต่ที่น่าแปลกในสายตาภัทรียาก็คือ หมอดูที่เพื่อนรักบอกว่าแม่นนักแม่นหนา เหตุใดตอนนี้ถึงไม่มีลูกค้ามาดูดวงเลยสักคน
“กระแต แกมาถูกที่หรือเปล่า ทำไมไม่มีคนมาดูดวงเลยสักคนล่ะ” ภัทรียาถามเพื่อนเมื่อเดินเข้าไปหาหมอดูแม่นๆ
“คนที่มาดูดวงอาจจะกลับแล้วก็ได้นะ” สุมณฑาก็แปลกใจเช่นกัน “คนไม่มีก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้ไม่ต้องคอยคิวไง”
สุมณฑาจูงเพื่อนเดินไปหาชายสูงวัยที่มองมายังลูกค้ารายใหม่ พอเดินมาถึงที่หมายทั้งคู่ก็นั่งลงบนแคร่ ไหว้หมอดูต้นมะยมเป็นอันดับแรก
“หนูสองคนมาดูดวงค่ะคุณลุง” สุมณฑาบอกความตั้งใจ
“แล้วใครจะดูก่อนล่ะ เอ็งรึนังหนูคนนี้ แต่ข้าอยากดูให้เอ็งก่อน” หมอดูพูดคล้ายจะตัดสินใจแทน “ได้ค่ะ ดูให้หนูก่อนก็ได้” สุมณฑารีบแบมือทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าชายสูงวัย
“ใครว่าข้าจะดูลายมือให้เอ็ง ข้าดูลายเท้าต่างหาก”
สุมณฑาเก็บมือกลับมาแทบไม่ทัน ยิ้มเจื่อนแก้เก้อ ก่อนจะยื่นฝ่าเท้าให้หมอต้นมะยมดูดวงให้