ตอนที่ 9
อภิวานต์พาร่างสูงเดินมายังที่รถจอดไขกุญแจ ก่อนจะเหลียวมองดูร่างระหงที่ลับสายตาหายไปในชั้นเรียนอีกครั้ง
สิ่งที่เขาบอกแก่ตัวเองคือดมิสาเริ่มเป็นสาวและเขาหวงเป็นอย่างมากเพราะหล่อนเป็นสาวนี่แหละถึงทำให้อภิวานต์ต้องคิดหาวิธีการป้องกัน
เขาเคยสูญเสียแม่ของเด็กคนนี้ไปแล้ว เมื่อมาเป็นหล่อน เขายอมไม่ได้อีกครั้ง
ดมิสาเองก็น่าจะรับรู้ว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาในแง่ใดเพียงแค่คนภายนอกไม่รับรู้นั่นเป็นเพราะอภิวานต์ คิดว่าเป็นแค่เรื่องส่วนตัวของเขา
มุ่งพารถออกจากโรงเรียนอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เบาสบายตัวกว่าทีแรก
“จ้ะเอ๋ แพรที่เธอบอกว่าเป็นผู้ปกครองเธอตั้งแต่ทีแรก พวกเราเห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยนะทำไม ผู้ปกครองเธอหล่อจังวะ ไม่ดูแก่เลย ”
ที่หน้าบานประตูเข้าห้อง จิตรีหรือจิ๋ม โผล่หน้าออกมา ทำให้ช่อดมิสารู้สึกตกใจ พร้อมกับคำที่เพื่อนสนิทระดมยิงออกมาและจิตรีถนัดที่จะเรียกเธอด้วยชื่อเก่าว่าแพร ซึ่งมาจากก้านแพรเธอรู้ดีว่าอภิวานต์ห้ามให้เอ่ยชื่อนี้ต่อหน้าเขา
แต่เธอคิดว่า เธอเองก็ชอบชื่อนี้ และจิตรีขอเรียกชื่อนี้ด้วย
และไม่ได้คิดจะเรียกต่อหน้าคุณอภิวานต์เลยเงียบ และขอตั้งตัวก่อนจะตอบยัยเพื่อนปากมากจอมสอดพร้อมกับส่งสายตาขุ่นให้ด้วย
“ยุ่งน่าพวกแกนี่รู้ดีไปหมดล่ะฉันคงไม่ต้องตอบแล้วล่ะ ”
“อ้าวแล้วเป็นจริงอย่างที่พวกฉันคิดหรือเปล่าล่ะ อย่างยัยเอ้ ยัยแต๋ม ก็คิดเหมือนฉันเปี้ยบเลยว่ะ ผู้ปกครองของแก มองแกด้วยสายตาหวง แต่กับพวกฉัน นี่ตาคมกริบตวัดใส่เหมือนจะบึ้งตึง ถามจริงเถอะวะ ยัยแพร อยู่ที่บ้านอาของแกขรึมอย่างนี้หรือเปล่า”
เพื่อนพากันคิดไปใหญ่ว่าเขาเป็นอาด้วยวัยและอายุและการวางตัวแต่มีใครรู้บ้างไหมว่าช่อดมิสาไม่ต้องการตอบคำถามแบบนี้ จึงเลี่ยงที่จะหุบปาก
“พอได้แล้วพวกแก รีบพากันไปนั่งโต๊ะซะ ประเดี๋ยวครูก็จะเข้ามาแล้ว”
ช่อดมิสาตัดบทเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเพื่อน เพราะอันที่จริงแล้วเธอไม่อยากตอบคำถามเหล่านี้
ทำไม ทุกคนต้องเหมือนรุมถาม แล้วอยากจะรู้อะไรไปหมดอย่างนี้
แต่ดมิสาก็มีสิทธิ์เก็บปากตัวเอง หุบเงียบไม่ใช่หรือ เอาไว้ถึงคราวเธออยากจะเล่าก็จะเล่าให้ฟัง และเวลาต้องว่างมากพอ เพราะเรื่องมันยาว เล่าสามสี่วันยังไม่จบเลยเรื่องประวัติส่วนตัวของเธอ
เพื่อนยอมราถอยรีบแยกย้ายกลับโต๊ะใครโต๊ะมัน เพราะเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวแล้ว คงไม่อยากตอบ
ช่อดมิสาทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ประจำเหลือบสายตามองดูข้างๆปพนนี่เองเพื่อนสนิทหนุ่มที่เธอวางใจในคำว่าเพื่อนด้วยคนหนึ่ง ชำเลืองสายตามองผ่านเธอ เห็นสีหน้าที่ดูอมเศร้า ไม่กระปรี้กระเปร่าร่าเริงเหมือนเช่นเคย
ดมิสา คนที่ ปพน เคยพบเห็นทุกครั้ง จึงเอ่ยถาม
“สาเมื่อกี้เพื่อนๆบอกว่ามีผู้ปกครองของสามาส่ง ทำไมล่ะ สาไม่ดีใจหรือ นี่พนเองก็เพิ่งทราบนะ ว่าเป็นข่าวดี ร้อยวันพันปีผู้ปกครองสาเคยโผล่หน้ามาเสียที่ไหนล่ะ จนสา เรียนเกือบจะจบชั้นมอหกแล้ว”
ทุกครั้งปพนเอ่ยแหย่มา ส่วนเธอก็จะเย้าแหย่ตอบกลับ แต่เมื่อช่อดมิสาเงียบ ปพนจึงรู้สึกแปลกและเอะใจ
เพราะสีหน้าและความรู้สึกของดมิสาเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในนั้นปพนอยากจะรู้และเขาอยากจะเข้าใจทั้งหมด ที่เกี่ยวกับช่อดมิสาและชีวิตของหล่อน
เพราะปพนแอบหลงรักช่อดมิสามานานแล้วและเขาต้องการให้หล่อนรับรู้
หากแต่ช่อดมิสาเพียงคนเดียวที่ทำตัวเมินเฉยไม่รู้ไม่ชี้เหตุผลเพราะเธอรู้อะไรลึกมากกว่านั้นอย่างที่ปพนเพื่อนสนิทชาย เข้าใจไม่ถึง
ซึ่งดมิสามักจะคิดเสมอว่า ปพนจะทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของหล่อนตลอดไปได้ไหมด้วยเหตุที่อาการสนใจที่มีต่อช่อดมิสา แม้ข้อปลีกย่อยเล็กน้อย ปพนก็จะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน กลัวช่อดมิสาจะไม่สบายใจ
แต่ช่อดมิสาไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้นหล่อนพยายามแสดงให้เพื่อนทุกคนได้เห็นตลอด แล้วดมิสาเงียบแทนคำตอบ แค่นี้ปพนรู้สึกแปลกใจแอบถอนใจด้วย
ที่ช่อดมิสาไม่กระตือรือร้นที่จะเล่นสนุกกับเขาเช่นเดิม แม้แต่รอยยิ้มในยามนี้ก็ไม่มี
ดังนั้นปพนจึงได้แต่ยิ้มแหยใส่ที่สาวสวยไม่มีอารมณ์ที่จะตอบก็คิดอยู่ในใจจนป้อนคำถามในใจด้วยเช่นกันว่า ทำไม และก็ทำไม
เที่ยงต่อมานั้นเมื่อก้าวลงจากห้องเรียน ปพนจึงเอ่ยถามเพื่อนสาว
“สา ทำไมล่ะสาเป็นอะไร ไป วันนี่ถึงดูเงียบ ไม่ค่อยคุย ”
ระหว่างที่เดินลงมานั้นมีเพื่อนอย่างจิตรีหรือจิ๋ม กับยัยเอ้ อารดา แล้วก็แต๋ม ดาวใจ ช่อดมิสาชะงัก เพื่อนสาวทั้งหมดคล้ายกับนิ่งฟังด้วยและก็ไม่มีคำตอบจากปากของดมิสา
จนปพน ที่รอคอยคำตอบ บ่นท้อด้วยความน้อยใจ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่แยกไปที่กลุ่มอื่น เพราะปพนเป็นเพื่อนในกลุ่มนี้ อีกอย่างในกลุ่มพากันพูดคุยถึงเรื่องเทศกาลกีฬาสี ที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อน
กำหนดจับสลากกันวันพุธหน้าที่จะถึง เวลาบ่าย ว่าใครอยากจะได้สีอะไร ที่ทุกคนเอ่ยออกมาไม่ซ้ำกันสักนิด
แต๋ม ดาวใจบอกเพื่อนๆว่า
“ฉันชอบสีแดงสีแดงแรงฤทธิ์ หมายถึงสีพระอาทิตย์ อีกอย่างฉันเกิดวันอาทิตย์”
“ฉันชอบสีเหลือง ฉันขออยู่สีเหลือง ขอภาวนาเถอะ พ่อเจ้าประคุ้น ”
ได้แต่คาดคิดเท่านั้นเอง กับความฝันในใจสำหรับ ยัยเอ้ หรืออารดา ส่วนจิ๋มหรือจิตรีบอกว่า
“ฉันชอบสีชมพู ”
ช่อดมิสาก็เอ่ยกับเพื่อน “ฉันก็ชอบสีชมพูเหมือนกัน ”
“อ้าว ชอบสีชมพู นับว่าเราใจตรงกันนะ แพร ”
เป็นชื่อเดิมของช่อดมิสา ที่เด็กสาวอนุญาตให้เพื่อนเรียกได้ เพราะจิตรีเป็นคนขอ อาหารมื้อเที่ยง จึงสนุกไปพร้อมกับการเล่าคุยสลับกัน บวกกับเรื่องการเรียนที่แสนเครียดอย่างวิชาคำนวณก็ถูกดึงมาแจมในตอนท้าย เป็นเรื่องที่สาวๆสั่นหน้าทั้งนั้น ไม่มีใครชอบเลยสักคน เพราะมีแต่เรื่องที่น่าเบื่อเครียด