ความเดิม- "อ้าว สวัสดีครับอาจารย์หมอธันทร วันนี้มาตรวจแทนแพทย์ที่นี่หรือครับ"
………………………………………
"ใช่ครับ พอดีแพทย์อีกคนท่านติดเคสที่โรงพยาบาลน่ะ ผมเลยต้องมา ที่นี่คลินิกของน้องสาวผมเอง"
"อ้อ…..ครับ"
"ได้ยินว่ากำลังรอผลสอบที่ไปสมัครสอบไว้ ระหว่างนี้ไปทำคลินิกเพื่อนรุ่นน้องของผมก่อนดีมั๊ยครับ ผมจะช่วยแนะนำให้ เปิดวันธรรมดาช่วงเย็น แล้วก็เสาร์-อาทิตย์ ช่วงเช้าถึงกลางวัน"
"สนใจครับ แต่ถ้าสมมติว่าที่นั่นเรียกตัวผมก็คงต้องออกกลางคันนะซีครับ อีกอย่างถ้าผลออกมาว่าไม่ผ่านผมก็คงไปสมัครที่โรงพยาบาลเอกชนเพื่อหางานประจำทำในเวลาปกติจะดีกว่า"
"ไม่มีปัญหานิ่ครับ ไปเถอะเดี๋ยวผมช่วยบอกให้ แล้วค่อยนัดเจอกันเป็นไง แต่ขอช่องทางการติดต่อไว้ก่อน"
"ออ..งั้นก็ได้ครับ นี่ครับ" มานพยื่นโทรศัพท์ให้คุณหมอหนุ่ม
เมื่อทั้งแลกช่องทางการติดต่อแล้วจึงแยกย้ายกันไป
ตัดมาที่มานิดาที่กำลังช่วยดวงใจหยิบนี่จัดนั่น เช็ดโต๊ะ เก้าอี้ ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ เมาส์ คีบอร์ด โดยไม่ได้ทันสังเกตว่ามีใครมายืนมองดูอยู่สักพัก
"อ้าวสวัสดีค่ะคุณหมอธันทร มาแต่เช้าเลย คลินิกยังไม่เปิดนะคะ ทำไมมาเร็วจัง เหลืออีกตั้งเกือบยี่สิบนาที" ดวงใจกล่าวยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้คุณหมอหนุ่ม ส่วนคนตัวเล็กได้แต่ยกมือไหว้คนตัวโตเงียบ ๆ แล้วหันไปทำงานตรงหน้าต่อ
"ก็มาในฐานะเจ้าของ ไม่ได้มาในฐานะลูกจ้างนี่ครับ ก็ต้องมาแต่เช้าซิ" ธันทรเอ่ยขึ้นแต่แอบเหล่ตาไปมองคนตัวเล็กเรืองแสงเป็นระยะ ๆ
ด้านดวงใจเห็นว่าคุณหมอหนุ่มมีทีท่าว่าอยากคุยกับน้องน้อยมากกว่าจึงเลี่ยงไปทำงานอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบ ๆ
ธันทรที่เห็นว่าแม่บ้านเปิดทางให้จึงเดินเข้าไปหาคนที่อยากคุยด้วยทันที
"ทำไมมาแต่เช้าจัง กินอะไรมาหรือยังล่ะเรา"
"กินมาแล้วค่ะ ก็มาปกติทุกครั้งนี่คะ มาถึงนี่ก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง" มานิดาตอบราบเรียบ สักพักก็ได้ยินเสียงประตูเหล็กที่เปิดขึ้นจากผู้มาใหม่
"สวัสดีค่ะคุณหมอธันทร หวัดดีจ้ะน้องนาง นี่พี่มาสายอีกแล้วเหรอเนี่ย" วารียกมือกระพุ่มไหว้คุณหมอหนุ่มและทักทายน้องน้อยอย่างตัดพ้อ
"ไม่สายหรอกพี่วารี พอดีมีคนมาแต่เช้าเอง ทำงานของพี่ไปเถอะ อีกอย่างวันนี้ลูกค้าก็ยังไม่เห็นมาด้วย" เป็นธันจิราที่เอ่ยขึ้นหลังเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน
"ค่ะ มีนัดไว้ช่วงสาย ๆ ค่ะ เดี๋ยวคงมาแหละค่ะ"
"วันนี้ก็เหมือนเดิมนะวาให้มานิดาส่งเคสให้ผม จะได้เป็นการฝึกไปในตัวด้วย" ธันทรเอ่ยซักซ้อมความเข้าใจก่อนปฏิบัติงาน
"ได้ค่าคุณหมอ รับทราบค่า" วารีรับคำยิ้ม ๆ
"ออกจากบ้านไม่รอเลยนะคะพี่ธัน รอน้องหน่อยก็ไม่ได้ มาที่เดียวกันแท้ ๆ" ธันจิราหันมาบ่นพี่ชายไม่จริงจัง
"ตอนแรกไม่คิดว่าจะมา กะจะขับรถไปดูต้นไม้สักหน่อย พอดีคุณหมอที่เข้าเวรที่นี่เพิ่งโทรบอกให้มาเข้าคลินิกแทนหน่อยเพราะมีเคสด่วนก็เลยมาอย่างที่เห็นนี่แหละ" ธันทรแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ
"เหรอค๊า…..อ๋อ…เป็นอย่างนี้นี่เอง บังเอิญจริง ๆ เลยนะคะ อืม…" ธันจิราทำทีเป็นอือออกับพี่ชายไปงั้น ๆ ส่วนอีกคนได้แต่หลบตาทำทีเป็นเปิดคอมพิวเตอร์หยิบนั่นจับนี่คล้าย ๆ เตรียมวัสดุอุปกรณ์การตรวจ
สักพักก็มีคนไข้เข้ามาตรวจอย่างไม่ขาดสาย จนมาถึงเคสสุดท้ายที่มาด้วยอาการปวดต้นคอ กินและคล้ายเส้นและไปนวดมาไม่หายและทุกคนลงความเห็นว่าควรส่งปรึกษาคุณหมอธันทรจะดีกว่า
หมอธันทร: สวัสดีครับคนไข้ชื่อคุณAA นามสกุลBBB นะครับ จากประวัติบอกว่าปวดต้นคอเป็น ๆ หาย ๆ มาเป็นปีกินยาและนวดมาแล้วไม่หายกลับมามีอาการซ้ำอีกใช่มั๊ยครับ
คนไข้: ครับ ใช่ครับ
หมอธันทร: คนไข้ครับผมขออนุญาตให้ลูกศิษย์อยู่ด้วยเพื่อสังเกตการณ์การตรวจครั้งนี้จะได้มั๊ยครับ
คนไข้: อ้าวลูกศิษย์เหรอครับ ผมนึกว่าลูกหรือหลานเสียอีก ได้ครับ ๆ ไม่มีปัญหาครับ
หมอธันทร: โอ้ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยเซ็นในแบบอนุญาตด้วยนะครับ
คนไข้: ได้ครับ ยินดีครับ
หลังจากคนไข้เซ็นเสร็จธันทรเริ่มซักอาการเชิงลึก xxxxxxxxxxxxxxxxx (เป็นการตอบถามเชิงซักประวัติระหว่างหมอและคนไข้) ส่วนมานิดาได้ฟังอย่างตั้งใจและสังเกตจดจำ และคอยหยิบวัสดุอุปกรณ์ส่งให้อาจารย์หมอของเธอบ้าง เมื่อการตรวจเสร็จสิ้นลง คนไข้พอใจในการให้ความรู้และยินดีจะไปตรวจสุขภาพต่ออย่างละเอียดที่สถานพยาบาลปฐมภูมิตามระบบสวัสดิการ ซึ่งคนไข้ก็พอใจมาก
ธันทร ที่เห็นว่าคนไข้ออกไปไกลแล้วจึงหันมาถามคนตัวเล็กเรืองแสงยิ้ม ๆ
"เป็นไงบ้างเรา พอจะเข้าใจมั๊ย มันก็เป็นช่วงปลาย ๆ ของหลักสูตรน่ะนะ เท่ากับว่าเราเรียนรู้ก่อนชาวบ้านเค้า"
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรหรอกค่ะ แต่จะไปอ่านตำราดู หนูจำไว้หมดแล้วค่ะ" มานิดาตอบอย่างแสนซื่อ
"อือ..ดีมาก พูดตรงดี อย่างน้อยก็เป็นสถานการณ์จริงนะ นี่ยังดีที่มาแบบปกติ ถ้าที่โรงพยาบาลน่ะมาแบบไม่ค่อยปกติหรอกอย่างเรายังต้องฝึกอีกเยอะ ต้องสู้นะแต่ก็อย่าไปเครียดล่ะ เข้าใจมั๊ย" ธันทรพูดยิ้ม ๆ อย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่ตอนนี้ปรากฎลักยิ้มให้เห็นบ้างแล้ว เขารู้สึกตกหลุมรักเด็กสาวคนนี้เสียแล้วซิเวลายิ้มแล้วโลกสดใสขึ้นมาทันที
"เข้าใจแล้วค่ะ" มานิดารับคำแล้วยิ้มจนเผยให้เห็นรอยบุ๋มอีกครั้ง