ความเดิม- "เอ่อ คุณหมอคะเดี๋ยวป้าทำต่อก็ได้ค่ะ เชิญคุณหมอไปนั่งเถอะค่ะ ส่วนกาแฟเดี๋ยวป้าชงไปให้ พอดีหนูนางแกเป็นแขกน่ะค่ะ แกไม่ค่อยรู้เรื่องของเครื่องใช้ในครัวหลอกค่ะ" นางเขียนแม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยอย่างอดไม่ได้
……………………………………….
"นั่นซิครับป้า เป็นแขกก็ต้องไปนั่งรอทานข้างนอกซิครับ งั้นผมขอกาแฟดำนะครับ ส่วนแซนวิชนี่ก็เสร็จพอดีเหลือแต่จัดใส่จาน/งั้น..มานิดาก็ต้องออกไปรอข้างนอกกับผมด้วยซิ เพราะเธอก็เป็นแขกเหมือนกันนิครับ" ธันทรว่ายิ้ม ๆ แล้วจับจูงข้อมือคนตัวเล็กออกจากครัวไปทันที
ส่วนแม่บ้านถึงกับเหวอจนแทบจะลูกตาพลัด
..กุพูดผิดตรงไหนว๊า หรือกุผิดที่ใช้แขกดูหม้อข้าวต้ม หรือกุพลาดตรงไหน.. นางเขียนแม่บ้านวัยกลางคนได้แต่คิดทบทวนในใจ ออกจะว้าวุ่นนิด ๆ แต่ต้องสลัดมันออกไปจากหัวอย่างเร็วพลันเพราะต้องรีบผัดผักรวมมิตรอีกหนึ่งอย่างสำหรับคุณ ๆ ทั้งหลาย
ตัดมาที่มานิดา
"คุณหมอคะปล่อยค่ะ มันดูไม่เหมาะนะคะ มาจูงมือหนูทำไม" มานิดาพูดเสียงแข็งแถมตาขวางอีกต่างหาก
"ก็กลัวไม่รู้ทางไปโต๊ะอาหาร ก็ป้าเค้าให้แขกออกมารอข้างนอกไง" ธันทรยังไถได้อีก (จนสีข้างถลอก)
ด้านมานิดาได้แต่มองบนในความอะไรของคุณหมอตัวโตได้แต่ยืนกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์อย่างถึงที่สุด
ฟื่ด… (เสียงถอนหายใจยาวจากคนตัวเล็ก)
"ไง จะไปหาพี่ชายเหรอ พี่เราทำงานอยู่ ต้องพาพี่กิจออกกำลังกายและเก็บข้อมูลสถิติด้วย ต้องมีสมาธิ เราเป็นน้องก็ต้องเข้าใจงานของพี่ซิ อีกหน่อยเป็นคุณหมอก็ต้องรับผิดชอบอีกระดับนึง ไปนั่งที่โต๊ะรอกินแซนวิชไป เดี๋ยวป้าแกก็เอมาให้แล้ว" ธันทรทำทีเอ่ยเสียงดุ
ส่วนคนตัวเล็กไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่ธันทรขยับเก้าอี้ให้อย่างสงบปากสงบคำ
อีกด้านของคนที่ฟังอยูอดไม่ได้ได้แต่กระซิบกระซาบกับอีกคน
"ไอ้กร กุหมั่นไส้เพื่อนหมอลาบเลือดเพื่อนมึนว่ะ"
"มึงก็อย่าไปว่ามันซิ นี่มันหาโอกาสมายาก มันต้องสอน ต้องเข้าเคสยาก ๆ ต้องเทิร์นเคส โอ้ยยุ่งเหยิง มันออกมาได้มันก็อยากทำคะแนนแหละกุว่า"
"แต่น้องตาขวางเลยนะนั่น วันนี้กุยังไม่เห็นลักยิ้มน้องเลยสักกะบุ๋มนึง หน้าตึงตลอดเลย"
"มึงจะให้กุทำไงว๊า..นั่นก็เพื่อน นี่ก็เด็กน่าสงสาร"
"เออ..อย่าให้เกินงามแล้วกัน สงสารเด็กมัน เด็กมันมีปมเรื่องครอบครัวอยู่ กุสงสาร" เปรมมนัสเอ่ย
"เออ ๆ แล้วกุจะเตือนมันให้" ปกรณ์รับคำ
จบบทกระซิบกระซาบค่ะ
ด้านของผู้ป่วยและพยาบาลพิเศษ
"คุณเปรมกิจครับ เหนื่อยหรือยังครับ เข้าไปในบ้านนะครับไปนั่งพักสักครู่นี่ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเช้าพอดี เสร็จแล้วจะได้กินยาหลังอาหารครับ" มานพเอ่ยยิ้ม ๆ
"ก็ดีเหมือนกันคร้าบ ผมก็เริ่มเมื่อยแล้วเนี่ย"
"งั้นไปกันครับ เข้าบ้านกัน" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปข้าง ๆ อย่างระแวดระวัง ถึงแม้ว่าคนป่วยจะอยู่ในเกณฑ์ฟื้นฟูได้ดีก็ตาม
ทั้งสองเดินเข้ามาข้างในบ้านเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบจนมาถึงโต๊ะอาหาร เปรมมนัสผู้เป็นน้องชายรีบขยับเก้าอี้ให้พี่ชายทันที โดยมีปกรณ์ที่ลุกขึ้นยืนคอยระวังไม่ให้ล้ม ส่วนธันทรได้แต่นั่งอย่างสังเกตอาการคนไข้
"คุณเปรมกิจดูดีขึ้นมากเลยครับ ถ้าผมไม่ทราบประวัติมาก่อนนี่ท่าทางไม่เหมือนคนที่เคยผ่าตัดสมองมาเลยนะครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ เขาได้ได้พูดเอาใจแต่เป็นการออกความเห็นในฐานะแพทย์ที่รักษาคนไข้มาก็เท่านั้น
"ไม่อวยกันนะ นายธัน" ปกรณ์เอ่ยถามเบา ๆ
"ไม่หรอกกร ฉั๊นพูดจากที่เห็นจริง ๆ"
อีกด้านแม่บ้านก็ถือถาดกาแฟและจานแซนวิชมาพอดี
"นี่กาแฟของคุณหมอธันทรค่ะ แล้วนี่แซนวิชค่ะส่วนของคุณเปรมกิจเป็นข้าวต้มนะคะแล้วก็มีผัดผักรวมมิตรค่ะ" แม่บ้านวัยกลางคนพูดยิ้ม ๆ
"คร้าบ ป้าเขียน" คนป่วยรับคำอย่างอารมณ์ดี
"แล้วคุณลุงชัยล่ะ ทานบนห้องเหรอ" ปกรณ์หันไปถามเพื่อนรัก
"อือ..ไม่ลงมาหรอก ทานบนห้องเลย เธอจะลงมาก็ต่อเมื่อหลานสาวมาเท่านั้นแหละ เดี๋ยวนี้หายใจเข้าหายใจออกก็เป็นแต่น้องเอ๋ยเท่านั้น" เปรมมนัสเล่ายิ้ม ๆ
"ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเป็นการถาวรนี่ดูนายจะพูดเยอะอยู่นะ หรือว่ามีอะไรดี เด็กผีดิบนั่นมาทำให้ใจกระชุ่มกระชวยเหรอ" ปกรณ์แกล้งพูดหยอกเพื่อนรักเบา ๆ พอหอมปากหอมคอ ส่วนอีกคนได้แต่ยักคิ้วให้หนึ่งที
"อ่ะนี่ กินซ๊ะซิ แซนวิช หรือจะกินข้าวต้ม" ธันทรเลื่อนจานแซนด์วิชไปตรงหน้าหญิงสาวที่นั่งนิ่งจนจะเป็นหินอยู่แล้วจึงนึกสงสาร
"อ้าวนางทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะ ไม่ไปกินในครัวล่ะเดี๋ยวพี่ตามไป" มานพถามน้องสาวอย่างนึกเกรงใจเจ้าบ้านและแขก
"ไม่เป็นไรหรอกคุณมานพ ให้น้องเค้ากินที่นี่แหละ วันหลังก็เชิญมานั่งทานด้วยกันเสียเลย บ้านนี้ก็ไม่มีใครหรอก คุณพ่อท่านก็ทานบนห้อง" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ
"เอ่อ..ก็ได้ครับ" มานพรับคำอย่างว่าง่าย
"งั้นเดี๋ยวหนูตักข้าวต้มให้คุณเปรมกิจนะคะ" มานิดาลุกขึ้นตักข้าวต้มให้คนป่วย และพี่ชายแล้วจึงมานั่งลงรับประทานแซนวิชที่ถูกบังคับให้กินบ้าง (ความจริงก็ชอบกินแหละ)
"อร่อยมั๊ย ขอชิมมั่งซิ แซนวิชน่ะ" ธันทรเอียงตัวไปกระซิบข้าง ๆ หูคนตัวเล็กแล้วยิ้มกริ่ม
"อ้อ นี่ค่ะ" มานิดาเลื่อนจานแซนวิชให้คนตัวโตแล้วกันมากินแซนวิชของตัวเองต่ออย่างเอร็ดอร่อย
อะแอ้ม!!..เสียงไอกระแอมจากมานพที่แอบสังเกตเห็นอาการของคนตัวโต ผู้ชายด้วยกันนั้นดูออก