สิ่งแรกที่หลินหลินจะทำทันทีเมื่อมาถึงตลาด นั่นคือการโทรหาสามี เธอรอสายไม่นานก็มีคนในค่ายทหารรับ เพียงแจ้งว่าเธอคือภรรยาของไป๋ถังซาน ทหารนายนั้นก็รีบไปตามสามีมาคุย หลินหลินใจเต้นรัว ในความทรงจำความสัมพันธ์ของคนทั้งสองห่างเหิน จนแทบเป็นคนอื่น
“สวัสดีครับ ไป๋ถังซานพูด” ปลายสายเอ่ยด้วยเสียงแข็งกระด้าง หลินหลินพอเข้าใจแล้วว่าทำไม จางลี่หลินถึงได้กลัวสามีตัวเองนัก
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก ไป๋ถังซานยังแผ่รังสีอำมหิตออกมาอีกด้วย
“สะ สามีคะ ฉันจางลี่หลินเองนะคะ” หลินหลินรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองสั่นเครือเล็กน้อย คนอะไรน่ากลัวจัง
“มีธุระอะไร” น้ำเสียงคล้ายจะอ่อนลง เขาถามภรรยาในปกครองกลับ ตลอดสามปีมานี้ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะทักเขาก่อน หนีได้เป็นหนี
เขากลับบ้านแค่ปีละครั้ง จางลี่หลินไม่เคยแสดงท่าทางยินดี เอาแต่หลบหน้าหลบตา เขาเองก็ไม่อยากบังคับจิตใจใคร จางลี่หลินอายุยังน้อย คงไม่อยากแต่งงานกับคนอายุมากแบบเขา สี่สิบห้ากับสิบเก้า ดูอย่างไรก็เหมือนพ่อกับลูกมากกว่า
“สามีจะกลับมาถึงบ้านกี่โมงคะ ฉันจะทำอาหารรอ”
เธอเอาเสียงอ้อนเข้าสู้ ผู้ชายมันจะมาฉลาดทันมารยาหญิงได้อย่างไร
“ทำอาหารรอ?” เขาทวนเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด
“สามีรีบกลับมานะ หนูคิดถึงค่ะ” เธอพูดเท่านั้นก็วางสาย ไม่ใช่เพราะเขินอายแต่กำลังทำให้ไป๋ถังซานงงและคิดถึงแต่เธอ
ไม่รู้ในค่ายทหารแอบซุกเมียไว้บ้างไหม เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ตอนนี้ทำให้หลงก่อน อย่างไรเสียเขาก็คือขาทองคำสำหรับเธอ ปล่อยเขาไปก็โง่งมเต็มที
ด้วยจริตมารยาความสตอของเธอแล้ว มั่นใจมากว่าสามารถทำให้เขาชอบถึงขั้นหลงได้…
“จางลี่หลิ…” เสียงแผ่วเบาเรียกไม่ทันจบสัญญาณก็ขาดหายไป
ไป๋ถังซานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม กลางอกร้อนวูบวาบอย่างประหลาด การกระทำเหล่านี้ของภรรยาคืออะไร กลับบ้านคราวนี้คงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่น้อย
หลินหลินเดินยิ้มอย่างสบายใจ จากนั้นแวะซื้ออาหารกับผักเตรียมไว้สำหรับทำอาหารรอสามี เดินมายังไม่ถึงบ้าน หลินหลินก็ยิ้มแวะไปทักคุณนายเฉินเจ้าเศรษฐีขี้เมาท์ ช่างนินทาที่ไม่ถูกกับอันเมิ่งเหยา
นอกจากนั้นคุณนายเฉินยังมีคนรู้จักมาก เรื่องราวชาวบ้านคนไหนที่ออกจากปาก ทุกคนย่อมเชื่อถือ คนนี้แหละคือคนที่จะประจานความชั่วของอันเมิ่งเหยา
“คุณนายเฉินไปทำอะไรมาคะ คุณนายผิวพรรณดูสวยผุดผ่องขึ้นมาก แต่ก่อนก็ว่าสวยมากอยู่แล้ว” หญิงสาวปากหวานทักทาย มองหญิงวัยหกสิบที่ยังคงสวยงาม
“หอบหิ้วของเยอะขนาดนี้หนักแย่ มานั่งพักก่อนสะใภ้ไป๋ เดินไปกลับแบบนี้ทุกวันคงเหนื่อยมาก” คุณนายเฉินยิ้มหน้าบานเมื่อคนคราวลูกคราวหลานชม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้านไปทำอาหารค่ะ”
หลินหลินพูดพร้อมกับท่าทางร้อนรน สายตาเหลือบมองไปทางบ้านของตนเป็นระยะ
“น่าสงสารสะใภ้ไป๋ อายุยังน้อยต้องมาทนรองมือรองเท้าสองแม่ลูกกาฝากนั่นอีก ทำไมไม่บอกสามีไปเลยล่ะ สามีก็เหลือเกินหายไปไม่มาดูดำดูดี” นึกเห็นหน้าอันเมิ่งเหยาคุณนายเฉินก็เบะปาก
“สามีทำงานหนักมาก เรื่องเล็กน้อยฉันทนได้ค่ะ ฉันขอกลับบ้านก่อนนะคะ ออกมานานเดี๋ยวจะถูกพูดในทางไม่ดี ฉันไม่อยากให้สามีไม่สบายใจ” คนตัวเล็กตีหน้าเศร้าหงอยน่าสงสาร
“อั๊ยหยา ใครมันปากมาก ทุกครั้งที่มาก็หอบหิ้วของรุงรัง อันเมิ่งเหยานี่ร้ายกาจเกินไป ถึงกับใส่ร้ายลูกสะใภ้ คนในตลาดก็เห็นว่าสะใภ้ไป๋ทำตามคำสั่งพวกนั้น ฉันอยู่บ้านใกล้ ๆ รู้ดี!”
คุณนายเฉินพูดอย่างออกรส
หลังจากนั้นหลินหลินก็ทำเพียงยืนยิ้ม พยักหน้ารับฟังคำพูดของคุณนายเฉินอีกหลายนาที พออาศัยจังหวะอีกฝ่ายเหนื่อยก็รีบขอกลับ อ้างว่ากลัวถูกทำร้ายทุบตีเหมือนอย่างเคย ซึ่งเธอไม่ได้โกหก แต่ก่อนโดนทุบตีทุกวันจริง
หญิงสาวกลับถึงบ้านอย่างอารมณ์ดี ทว่าไม่นานก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นอาหาร เมื่อเดินเข้ามาด้านในจึงเห็นว่าบนโต๊ะนั้น เต็มไปด้วยอาหารอย่างดี อาหารที่สองแม่ลูกเก็บเอาไว้กินกันแค่สองคน สองแม่ลูกนั่งเชิดหน้าหลังตรงไม่สนใจการมาของลูกสะใภ้
ป้ามู่ฮวาแสดงสีหน้าลำบากใจ นางเดินมาข้างหลังหลินหลิน
“ใครทำอาหาร” สายตาหลินหลินตวัดใส่ฮุ่ยซี สาวใช้สะดุ้งเฮือกค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอ
“ฉันเองค่ะ คะ คุณนายใหญ่สั่งฉันก็แค่ทำตาม คุณนายน้อยเป็นสะใภ้ทำนิสัยก้าวร้าวเกินไปจะไม่ดีนะคะ ถ้าคุณนายใหญ่เป็นอะไรไป คุณนายน้อยจะเดือดร้อน”
ฮุ่ยซีแม้หวาดกลัวแต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง
“เงินที่จ้างพวกเธอ เงินสามีฉัน เขาจ้างพวกเธอมารับใช้ฉันไม่ใช่สองคนนั้นนะ” บ้านหลังนี้เป็นของสามี คนอื่นมีสิทธิ์ด้วยเหรอ
อันเมิ่งเหยาไม่ได้น่าเคารพขนาดนั้น!
“นี่บ้านสามีฉัน เงินที่ใช้ก็เงินของฉัน” อันเมิ่งเหยาเถียงข้าง ๆ คู ๆ รู้อยู่เต็มอกว่าบ้านหลังนี้ เจ้าของคือไป๋ถังซานเพียงคนเดียว แม้แต่ค่าใช้จ่ายก็ได้เงินจากลูกเลี้ยงส่งมาให้
“ต่อไปนี้เงินทุกบาทของสามี ฉันจะดูแลเอง”
หลินหลินยืนกอดอก
“ได้อย่างไร แม่ดูแลก็ดีอยู่แล้ว เด็กบ้านนอกไร้สมองแบบแกจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลได้บ้านหลังนี้”
อันเมิ่งเซี่ยลุกพรวดจากเก้าอี้
การเงินในบ้านให้พี่สะใภ้เป็นคนควบคุมเงินไม่ได้!
“ฉันไม่ให้ เงินส่วนนี้ต้องเอาไว้ใช้ภายในบ้าน”
อันเมิ่งเหยาไม่ยินยอม เงินส่วนที่ได้รับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านได้นิดเดียว
เงินหลักที่ใช้กันตอนนี้ ก็เงินส่วนของจางลี่หลินทั้งนั้น หากมันยึดไปตนกับลูกจะเอาที่ไหนมาใช้
“ถ้าต้องรับใช้คนบ้านนอกแบบนี้ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
สาวใช้เสริมนายของตนเมื่อเห็นว่านายตนจะชนะ ทว่าฮุ่ยซีคิดผิดถนัด
“ไล่คนนี้ออก ป้ามู่หาคนใช้ใหม่มาช่วยงานเอานะคะ หาคนที่มีมารยาทหน่อย”
“เก็บของออกไปจากที่นี่ ใครกล้าขัดพรุ่งนี้ ฉันจะรายงานท่านนายพล” ป้ามู่ฮวาพูดด้วยท่าทางจริงจัง
แม้ทุกคนอยากคัดค้านแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะหากเรื่องถึงหูท่านนายพล คงไม่ใช่แค่การไล่ออก
“เรื่องเงินสามีถ้าไม่คืนตอนนี้ ฉันจะไปแจ้งตำรวจ เงินนี้ตรวจสอบง่ายอยู่แล้วว่าใครเป็นเจ้าของ สามีบอกชัดเจนแต่ต้นว่าเงินใช้จ่ายในบ้านเท่าไหร่ ให้ภรรยาอย่างฉันเท่าไหร่ ถ้าเงินส่วนของฉันไม่ครบ เตรียมไปนอนในคุกกันได้เลย”
คนยุคนี้กลัวการโดนจับเป็นที่สุด หลินหลินจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานพวกเขา
“แม่ฉันไม่อยากติดคุก” อันเมิ่งเซี่ยกระซิบผู้เป็นแม่
หญิงร่างท้วมกำหมัดแน่น ความแค้นแน่นอยู่ในอก ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะโดนเด็กบ้านนอกเอาคืน จากนี้คงใจเย็นเลี้ยงมันไว้ไม่ได้แล้ว
ลูกเลี้ยงกลับค่ายทหารเมื่อไหร่ ตนจะหาทางกำจัดจางลี่หลินเสีย ยามนี้ให้ผยองไปก่อน
“ฉันจะนั่งรอนับเงินตรงนี้” หลินหลินสบตากับคนอายุมากกว่าอย่างไม่ยอมแพ้ คิดอยากฆ่าฉันเลยสินะ
อย่าฝันเลยอันเมิ่งเหยา…
ผ่านไปไม่นานเงินทุกหยวนก็มาอยู่ตรงหน้า จากการคำนวณมีขาดไปบ้างเล็กน้อย ถือว่าพอใช้ได้ เธอจะไม่ทักท้วง เงินจำนวนนี้เพียงพอให้เธอตั้งตัวได้ กรณีสามีไม่เอาเธอขึ้นมาจริง ๆ
แม้จะมั่นใจมากว่าทำให้หลงได้….
แต่หลินหลินจะไม่ยอมเสี่ยงเป็นอันขาด!