Chapter 16

1803 Words
Chapter 16   ร่องรอยบวมช้ำจ้ำเขียวบริเวณข้อเท้าได้รับดูแลอย่างระวังมากที่สุด ในความอ่อนโยนนั้น อริสาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าวันที่เขาได้กลับมาเจอเธออีกครั้งช่างเป็นเหมือนความฝัน “วันหลังต้องระวัง... อย่าให้ใครมาแกล้งรู้ไหม? ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แล้ว เจ็บตัวแบบนี้ จะทำงานทำการลำบาก” รอยบุ๋มปรากฏบนแก้มขาวเนียนราวกระจกใสที่มีเคราเขียวครึ้มขึ้นแซมไล่ไปตามกรามแกร่ง ดวงตาสว่างใสเฝ้ามองทุกการกระทำแสนอบอุ่น นึกถึงคำพูดของเตชินขึ้นมา เธอว่าเธออาจต้องกลายเป็นหมาซะแล้ว “อืม... ฉันชักอิจฉาหมาที่คลินิกอาจารย์นิธิ ถ้าหมอจะมือเบาขนาดนี้ ใจดีอีกด้วย” “จะหมาหรือคน ถ้าผมพอจะช่วยอะไรพวกเขาได้ ผมให้ความช่วยเหลือทั้งนั้นแหละ” เอ่ยพลางคว้าผ้ามาพันยึดข้อเท้าไม่ให้มีการเคลื่อนไหวมาก เพื่อที่หญิงสาวจะได้เดินสะดวกขึ้น สัตวแพทย์อย่างเขาเพิ่งจะเคยพันข้อเท้าให้คนก็วันนี้ แม้อีกคนจะคิดอีกอย่าง “โดยเฉพาะสาว ๆ สวย ๆ หรือเปล่า?” “ก็ต้องดูก่อนว่าถูกใจไหม ผมไม่ได้ถูกใจใครง่าย ๆ เสียด้วยสิ... แต่ก็มีอยู่คน.. ขี้เมา บ้าปืน” เงียบไปในรอยยิ้มมีเลศนัย สำหรับไอศูรย์แล้วมันคงยากจะลืมมือนุ่มนิ่มซุกซนที่เขาเก็บไปฝันอยู่หลายครั้ง “ต้องเมาขนาดไหนกัน น้องชายผมถึงกลายเป็นสมิธแอนด์เวลสันไปได้” พูดแล้ววงหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นอีกครั้ง คล้ายจะเอาความกับคนเมาไม่รู้เรื่อง ซึ่งเธอคงจำมันไม่ได้แค่เดาออกได้ว่าปืนอะไร! “วันนั้นฉัน... เอ่อ ทำอะไรหมอหรือคะ?” เขาไม่ตอบเรื่องนั้นแต่ถามด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง “ค่าตัวผมจะได้เมื่อไร?”  “หมอไอ.. จะให้ฉัน... ยังไงดี? คือฉันไม่รู้ว่า... ค่าจ้างที่หมอว่าเนี่ยมันหมายความอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า?” อึกอักถามด้วยใจไหวสั่น ขณะที่มุมปากหนายกยิ้มเปิดเผยความปรารถนา ลอบมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู พอผ้าพันแผลถูกพันไว้ตึง ๆ เรียบร้อยดี มือของเขายังคงไม่ปล่อยข้อเท้านุ่มเนียน ลมเย็น ๆ พัดพากลิ่นกายสาวผสมปนเปไปกับกลิ่นหอมอ่อนของแชมพูจากเส้นผมสีน้ำตาลเป็นลอนคลื่น ไม่ต่างจากเครื่องดื่มมึนเมา... วันนี้เขาต้องได้อะไรบ้างล่ะ! “ม้าเจ็ดตัว... เจ็ดจูบ” “คะ...? จูบ... อะไรนะคะ?” เสียงสูงย้ำถาม ยังเผลอทำหน้าเหลอหลาอย่างไม่รู้ตัว ทว่าพอแววตาและน้ำเสียงของคุณหมอหนุ่มบอกว่าเขาเอาจริงแน่ “ค่าจ้างของหมอขอ ‘เจ็ดจูบ’” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู อริสาถึงไร้ประสบการณ์อย่างไร... ก็ฉลาดมากพอรู้ว่าผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เข้ามาทอดสะพานต้องการอะไร ทั้งพ่อของเธอและคุณป้าบ้านโฮสแฟมิลี่ที่สวิสฯ พร่ำสอนเรื่องการวางตัวอยู่เสมอ แต่กับคุณหมอไอศูรย์ เขาทำให้เธอต้องคิดแล้วคิดอีก “ถ้ามันทำให้อึดอัดใจ คุณลืมมันไปเถอะ คิดซะว่าไม่เคยพูดละกัน” เขาคืนคำไปเสียอย่างนั้น เป็นเหตุให้อีกคนถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ฉันจะลืมคำพูดของหมอไอได้ไง... ฉันแค่ไม่เคยจูบใครค่ะ” “ก็อยู่เมืองนอกมาตั้งหลายปีไม่ใช่เหรอ ไม่เคยเห็นฝรั่งจูบกันหรือครับ?” แย้งขึ้นมา มุมปากหนาหยักได้รูปโค้งขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่คมยังจับจ้องทุกอากัปกิริยาราวต้องการซึมซับภาพน่ารักน่าเอ็นดูของดวงหน้างามไม่ให้มีร่วงหล่น... อาการกลอกตาไปมา อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แก้มแดงระเรื่อเหมือนสีของลูกมะเขือเทศทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดว่าอริสาเป็นสาวมั่น “คือ... มันก็เคยเห็น แต่ไม่เคยทำนี่คะ หมอไอจะให้ฉันจูบหมอเป็นค่าจ้างเนี่ยนะ” “งั้นช่างมันเถอะครับ” ในความหมายคือไม่สนใจอะไรอีกทำให้เธอรู้สึกผิด ชีวิตของม้าที่เปรียบเสมือนลูกรัก ‘เจ็ดจูบ’ นับว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ ร่างบางผ่อนลมหายใจออกครั้งหนึ่ง มือเรียวเล็กสั่นเทาตัดสินใจคว้าเสื้อยืดสีดำกำไว้ ชันเข่าขึ้นเพื่อกระถดกายเข้าหาชายร่างกำยำ ก้อนเนื้อในอกชายแกร่งส่งเสียงอึกทึกครึกโครมว่าตื่นเต้นอยู่เท่าไร กับกิริยาชวนขนลุกชัน ซึ่งเขาก็ตั้งใจรออย่างลุ้นระทึก กระทั่งข้อมือเล็กกระตุกเบา ๆ ให้ต้องโน้มใบหน้าลงหาตามแรงเหวี่ยง ริมฝีปากคู่งามจึงประกบลงบนริมฝีปากหน้าหยักได้รูปอมแดงชมพูเพียงครู่ ก่อนจะผละออกไปอย่างนวยนาดเหมือนสติกเกอร์ที่ถูกดึงออก ไอศูรย์กลอกตาไปมา ถอนหายใจบ่นว่า “แบบนี้ ร้อยทีก็ไม่พอ..” “มันต้องแบบไหนล่ะคะ? ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ มาให้ฉันทำอะไรแบบนี้ ฉันคงจะทำเป็นหรอก” ในน้ำเสียงไม่พอใจว่า เธอไม่กล้าเอาลิ้นเข้าไปในปากเขาพราะไม่รู้ว่ามันจะเลื้อยไปไหนต่อยังไง และเขาก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากจุ๊บเธอตอบเนี่ยนะ! “ไม่เคยจูบใครเลยจริง ๆ?” “ไม่เคยค่ะ” “ไหนอ้าปาก” อริสาทำตามอย่างว่าง่ายกลับถูกว่า “อ้าโตขนาดนั้น ไปหาหมอฟันเถอะ” แล้วเขาก็กำมือขึ้นป้องปากแอบหัวเราะ ก่อนจะจัดการสาวแสนงอน ยกปลายนิ้วโป้งแตะปากนุ่มนิ่มที่เคลือบด้วยสีโทนนู้ดอ่อนดูราคาแพง เนื้อเรียบเนียน “วันนี้ไม่ทาลิปแดง แต่สีนี้ก็สวย เอ.. จูบไม่หลุด ตั้งใจทามาให้ผมหรือเปล่า?” “ผู้หญิงเขาใช้กันทั้งนั้นล่ะค่ะ” ตอบพลางลอบมองความแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ มือยังกำเสื้อยืดของเขาเอาไว้แน่นจนยับยู่ยี่ เพราะความสั่นกลัว หัวใจไม่รักดียังแทบกระเด็นออกมานอกอก เธอไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ วูบหนึ่งในความคิด คงต้องมีความคิดว่าเขาเหมือนผู้ชายประเภทหนึ่งที่ควรหลีกห่างไม่ให้มากล้ำกรายคือผู้ชายเจ้าชู้... “ผมว่าอริสน่ารัก เวลาแก้มหอม ๆ เป็นสีแดง” “รู้ได้ไงว่าหอมคะ?” นั่นสิ.. ผมได้กลิ่นมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าหอมหรือไม่หอม แต่สวยขนาดนี้ก็น่าจะหอมอยู่” ในท่าทีเย้าหยอกขอคนเจ้าคารม ดวงตาคู่กลมโตเลื่อนมองไปทางอื่นทำทีว่าไม่ได้ยิน ทว่าพอปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเคลื่อนมาถูไถแก้มนวลอย่างสนิทสนม แก้มร้อนผ่าวก็ถูกฉกไปหนึ่งฟอดใหญ่ ๆ ปลายหางตาตวัดมองนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลอ่อนรำไรทอดผ่านแสงอรุณอ่อน ๆ หัวใจระส่ำระสาย จนกระทั่งเขาถอยห่างออกไป หญิงสาวยกมือขึ้นจับแก้ม ถลึงตามองอย่างโกรธขึ้งเขินอาย “หมอ... ทำอะไร?” “ลองดูว่าหอมหรือเปล่า... เมื่อกี้มีคนถาม” ก็เลยมาหอมกันหน้าด้าน ๆ แบบนี้เนี่ยนะ! ว่าในใจ อดปากไม่ไหวต้องว่า “นี่... หมอไอ อย่ามาทำตัวรุ่มร่าม sexual harassment กับฉันนะ หมอหลอกปั่นหัวฉันเล่นใช่ไหม?” อริสาเป็นคนฉลาดแต่ดันเพิ่งจะรู้สึกตัว และกำลังโมโหตัวเองที่ดันไปเชื่อหมอหมาเจ้าเล่ห์! เขาดูสนุกสนานกับการต่อล้อต่อเถียงเธอเสียเหลือเกิน “ทีคุณกำของผมเข้าไปทั้งอัน ผมยังไม่ว่าสักคำ” “เรื่องมันผ่านมาตั้งนาน ฉันไม่รู้ค่ะ ไม่เห็นจะจำได้ มาทวงอะไรตอนนี้ล่ะ?” น้ำเสียงว่ารำคาญ ยามสบเสน่หาลึกซึ้งภายในแววตาเป็นประกายซึ่งสั่นคลอนจิตใจอยู่ไม่น้อย เหมือนจะนึกอะไรออก เรื่องปืนรุ่นโบราณ... ด้ามจับพอดีมือ อุณหภูมิสูงลิบเห่อขึ้นบนใบหน้าร้อนผ่าว ภาพลาง ๆ ในความทรงจำ พร้อมด้วยน้ำเสียงของชายแปลกหน้า “อริส...” เขายิ้มแล้วปรับสีหน้าเข้มเครียด “เรื่องค่าจ้างน่ะ ผมล้อเล้น แต่แค่เอาปากแตะกันน่ะ... มันนับเป็นจูบไม่ได้ ผมนับเป็นค่าพันข้อเท้าให้ก็แล้วกัน” “มีใครเคยบอกไหมคะว่าหมอไอเป็นผู้ชายขี้งก ขี้ทวง เจ้าชู้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้... อย่ามาหลอกแต๊ะอั๋งฉันอีกเชียวนะ” ว่าพลางมองค้อนวงโต สะบัดมือออกจากเสื้อที่เผลอกำไว้หลายนาน ขยับขาออกจากหน้าตักของเขาเพื่อวางพักเท้าไว้บนพื้น ใบหน้าหล่อเหลาเป็นฝ่ายโน้มลงหา หยุดดวงตาคู่เรียวคมไว้เหนือปลายจมูกโด่งงาม เอ่ยทีละคำ “คนแรกนี่แหละ” จากนั้นเขาก็ก้มตัวลงหยิบรองเท้าแตะมาสวมให้ ระยะห่างที่ทิ้งไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว เธอดันนึกว่าเขาจะจูบ! ไม่สิ เขาจูบเป็นแต่มาขอให้เธอจูบ พอสบโอกาสเขาก็ควรจะดึงเธอเข้าไปจูบอย่างเร่าร้อนใช่ไหม...!? อริสาสะบัดหน้าพรืด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคาดหวังอะไรกับสัมผัสนุ่มละมุนของปากหมอหมาที่ยังติดอยู่ในหัวสมอง พยายามลุกด้วยตัวเอง ถึงจะลำบากสักหน่อย ยังต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อสุภาพบุรุษให้ความช่วยเหลือด้วยการจับต้นแขนเรียวไว้เบา ๆ พอยืนได้เต็มขาแล้วเธอจึงเงยหน้าขึ้นบอก “ขอบคุณนะคะ เรื่องค่ายา ค่ารักษาม้า หมอส่งบิลให้ฉันทางไลน์ หรือจะส่งให้ผู้จัดการ แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ” “ครับ... ไม่เป็นไร เรื่องค่าใช้จ่ายอาจารย์นิธิบอกว่าจะจัดการเอง อืม... ให้อุ้มไหม?” ปลายเสียงจริงจังทำคนฟังชะงักไปครู่ ก่อนที่เธอจะตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้” “ผู้หญิงพูดอย่าง หมายความอีกอย่าง เพื่อนผมเป็นจิตแพทย์บอกเอาไว้... ผมไปส่งดีกว่า” ไม่ขาดคำดี ร่างสูงโน้มตัวลงตวัดข้อพับขาวเนียนอย่างว่องไว คนถูกอุ้มอย่างงง ๆ เบิกตากว้างตกใจ มือโอบรอบบ่าไว้เหมือนกับว่ามันมีความนึกคิดของมันเอง “หมอไอนี่นะ ตรรกะประหลาดคนจริง ฉันบอกว่าเดินเองได้ไง” ถึงปากบ่น ใบหน้าสดสวยนิ่งเฉยกลับก้มงุดลงไปในอ้อมอกที่ส่งกลิ่นหอมอ่อน คุณหมอหนุ่มชำเลืองมองท่าทางเขินอายของเธอแวบหนึ่งอย่างนึกขำจนหุบยิ้มไม่อยู่ “ก็เห็นอยู่ว่าชอบ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD