บทที่ 1 สูญสิ้นทุกอย่าง

2779 Words
"หยุดเดี๋ยวนี้ข้าบอกให้หยุด!" ซุนเฟยหรงตวาดคนเหล่านั้นเสียงสั่นทั้งน้ำตาเมื่อได้เห็นสภาพน่าอนาถชวนสังเวชใจของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องสามี จ้าวหนิงอวี่ทอดสายตามองพี่สะใภ้ของตนอย่างขอความช่วยเหลือทว่าคนเหล่านั้นกลับยังมิยอมหยุดมือทั้งยังคงกระทำหยาบคายเช่นนั้นต่อโดยไม่สนใจใคร หนึ่งในพวกมันเดินมาประจันหน้ากับซุนเฟยหรงอย่างเชื่องช้าสายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมเคียดแค้นอยู่ในนั้น "คุณหนูซุน หึ! ข้าจะเห็นที่ท่านเป็นพวกเดียวกันกับเรา ดังนั้นจะไม่ถือสาที่ท่านเข้ามาขัดจังหวะข้าและเหล่าพี่น้องในการหาความสำราญ ที่จริงท่านควรตระหนักได้แล้วว่ามันเป็นเพียงคนของศัตรู ท่านจะออกหน้าเพื่อมันทำไมกัน จ้าวหนิงหลงพี่ชายมันก็ตายด้วยมือท่านไปแล้ว น้องสาวมันก็ปล่อยให้พวกเราเล่นสนุกเสียหน่อยจะเป็นไร" ชายกักขฬะตรงหน้านางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอย่างมากที่โดนขัดจังหวะ "พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เรื่องไร้คุณธรรมเช่นนี้…"นางกำมือแน่นด้วยความโกรธพลางต่อว่าแต่ก็กลับถูกอีกฝ่ายแย้งขึ้นมาอย่างไม่ยอมรับฟังกัน "หึ ทีพวกมันในตอนนั้นเล่า! บ้านเมืองเราล่มสลายไม่มีชิ้นดี พวกมันทำสิ่งใดบ้างกับคนของเราท่านลืมไปสิ้นแล้วหรือ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรชีวิตนางผู้นี้ตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว พวกเราแค่แก้แค้นให้ลูกเมีย พี่น้องที่ต้องตายไป ข้าว่าท่านกลับไปหารัชทายาทเสียดีกว่าแถวนี้ไม่ปลอดภัยหากคนจากทัพเสริมที่ไม่รู้จักท่านพบเห็นท่านเข้าอาจเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นคนของจ้าวหนิงหลงได้ ตัวท่านเองจะเดือดร้อนเอาเสียเปล่าๆ " "ส่วนนังนี่มันก็สมควรแล้วที่ต้องโดนเช่นนี้ท่านควรปล่อยมันให้ใช้เวรใช้กรรมต่อไป เพียงแค่มันเป็นเกิดมาเป็นน้องสาวของจ้าวหนิงหลงก็สมควรถูกย่ำยีเกียรติเช่นนี้แล้ว ไม่สิที่จริงมันสมควรตายเสียด้วยซ้ำพวกข้าแค่เล่นสนุกกับมันสักหน่อย ก่อนจะให้มันได้ตายตามพี่ชายมันไป ฮ่ะ ๆ ๆ ฮ่า" ชายกักขฬะเหล่านั้นหัวเราะกันด้วยความสะใจก่อนจะจับจ้าวหนิงอวี่ขึงพืดบนพื้นแน่นแล้วลงมือต่ออย่างเหี้ยมโหด นอกจากย่ำยีนางไม่เหลือดีแล้วพวกมันยังทารุณนางด้วยการทำร้ายร่างกายทุกส่วนที่สามารถทำได้อย่างไม่ใช่คน จ้าวหนิงอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทุกสิ่ง ที่แท้ซุนเฟยหรงและคนเหล่านี้เป็นพวกเดียวกัน หญิงสาวคิดได้เช่นนั้นก็กรีดร้องออกมาอีกครั้งสุดเสียงด้วยความแค้นเคือง จ้าวหนิงอวี่ดิ้นรนสุดชีวิตดั่งคนเสียสติ เพียงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการที่รั้งตัวนางเอาไว้ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้าซุนเฟยหรงทั้งน้ำตานองหน้า "พี่สะใภ้ที่แท้เป็นท่านเองหรอกหรือ ที่สมคบกับพวกมัน ข้าเกลียดท่าน เกลียดท่านที่สุดเลย ฮือ..เสียแรงที่ข้าเคยรักท่านดั่งพี่สาวแท้ๆ พี่ข้าไม่น่าหลงยอมรับเจ้าเป็นพี่สะใภ้เลย เวรกรรมแท้ๆ เวรกรรมจริงๆ ซุนเฟยหรงเจ้าจงจำไว้ชาตินี้ข้าไม่มีวันยกโทษให้เจ้าเป็นอันขาด" นางกล่าวออกมาทั้งน้ำตาด้วยสายตาเคืองแค้นก่อนจะตัดสินใจกัดลิ้นตนเองจนขาดใจตายเพราะรู้แน่แล้วว่าวันนี้ตนคงไร้ซึ่งทางรอด ในฐานะองค์หญิงจ้าวหนิงอวี่ไม่อาจทนถูกหยามเกียรติเช่นนี้ต่อให้ไม่ตายตอนนี้ ภายหน้านางก็คงทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อยู่ดี มิสู้ตายเสียแต่บัดนี้เพื่อมิให้ถูกพวกมันหยามเกียรติอีกต่อไป ทั้งยังได้ตายต่อหน้าตัวต้นเหตุเช่นซุนเฟยหรงให้นางได้เห็นว่าสิ่งที่นางกระทำคราวนี้ผลของมันต้องทำให้คนอื่นเจ็บช้ำแค่ไหน ซึ่งนางคิดถูกเพราะเหตุการณ์นี้ยิ่งส่งให้ซุนเฟยหรงที่รู้สึกผิดอยู่แล้วยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ร่างไร้วิญญาณของจ้าวหนิงอวี่นอนแน่นิ่งทั้งที่ดวงตาเบิกโพลงนั้นยังจ้องมองมาที่ซุนเฟยหรงไม่วางตา เมื่อเห็นว่าเหยื่อสิ้นลมหายใจไปแล้วพวกมันจึงยอมปล่อยร่างเปลือยเปล่าไร้วิญญาณนั้นให้เป็นอิสระ ซุนเฟยหรงได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นด้วยความตกตะลึงก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งร่ำไห้อยู่ข้างร่างไร้ลมหายใจของจ้าวหนิงอวี่อย่างหมดแรงด้วยความเสียใจ "หนิงอวี่ขอโทษพี่สะใภ้ขอโทษเจ้าฮือ..." นางได้แต่คิดโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องทุกอย่าง นางไม่ควรคิดแก้แค้นเลย จ้าวหนิงอวี่ที่นางเคยรู้จักเป็นเพียงแค่องค์หญิงน้อยแสนซุกซน นางทั้งน่ารักและยังอยู่ในวัยแรกสาวอายุเพียงสิบแปดหนาวกลับต้องมาตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี ถูกเหยียดหยามมากมายถึงเพียงนี้ทั้งที่นางนั้นแสนจะจิตใจดีและไม่เคยทำร้ายใคร มือบางนั้นสั่นเทาจนยากจะควบคุมซุนเฟยหรงพยายามกอบกุมเศษผ้าที่ถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่นไม่เป็นชิ้นมาไว้ในมือก่อนจะใช้มันคลุมร่างเปลือยเปล่าของจ้าวหนิงอวี่เอาไว้ แล้วช้อนร่างไร้วิญญาณนั้นมาไว้ในอ้อมกอดทั้งน้ำตา นางทอดมองร่างไร้ลมหายใจนั้นอย่างรวดร้าวก่อนจะยกมือขึ้นไปช่วยปิดดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามเป็นอย่างมากแต่บัดนี้กลับถลึงค้างจนดูน่ากลัวนั้นให้ปิดลง "ขอโทษพี่สะใภ้ขอโทษเจ้า อึก..หนิงอวี่พี่ไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นเช่นนี้" นางเพิ่งรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วนี่เป็นการชักศึกเข้าบ้านก็เมื่อสายไป เป็นนางที่ทำลายบ้านที่เคยอบอุ่นแห่งนี้ให้พังทลายไปกับมือ "ฮองเฮาไม่สิคุณหนูเจ้าคะ พวกเราต้องไปแล้ว" หลี่หนิงคนสนิทของนางฝ่าความวุ่นวายมาถึงตัวผู้เป็นนายเมื่อเห็นซุนเฟยหรงกำลังนั่งร่ำไห้ด้วยความเสียใจอยู่ก็รีบตรงเข้ามาช่วยประคองอีกฝ่ายไว้ "อาหนิง ข้าผิดไปแล้ว ฮึก...ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ทำไมลู่ฉีเขาถึงได้เหี้ยมโหดเพียงนี้ คนบริสุทธิ์มากมายกำลังเดือดร้อนเพราะการตัดสินใจคราวนี้ของข้า" แม้จ้าวหนิงหลงจะรวมเจ็ดแคว้นด้วยการใช้กำลังเข้าต่อสู้เช่นกัน แต่เขากลับควบคุมความเสียหายและความสูญเสียที่เกิดในสงครามให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทหารเขาไม่มีใครกล้าแตกแถว ส่วนมากพวกที่ทำเรื่องวุ่นวายอย่างปล้นชิงฆ่าคนล้วนเป็นคนที่ถูกดึงตัวมาเป็นกำลังเสริมจากกองทัพแคว้นอื่นๆ ที่ถูกเขาพิชิตไว้ก่อนหน้า และหลังสงครามจ้าวหนิงหลงก็ตัดสินโทษประหารคนเหล่านั้นไปแล้วเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่กับลู่ฉีดูเหมือนว่าเขาจะจงใจปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทั้งยังตั้งใจจะทำให้ทั้งเมืองนี้เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้คร่ำครวญเพื่อสนองความแค้นในใจของตนเอง ซุนเฟยหรงมองหาคนที่กำลังทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลงอย่างลู่ฉี คนที่เป็นผู้นำการก่อกบฏคราวนี้ กระทั่งสายตานางสะดุดลงที่ชายหนุ่มท่าทางคลุ้มคลั่งที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี ลู่ฉีอดีตรัชทายาทแคว้นต้าเหยียนเวลานี้กำลังวิ่งพล่านไปทั่ววังพลางร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งให้คนของเขาทำลายล้างทุกอย่างในวังนี้ให้สิ้น กระทั่งเขามาหยุดยืนเหนือร่างของจ้าวหนิงหลงและมองคนที่หมดลมหายใจไปแล้วด้วยสายตาเหยียดหยามอีกครั้งท่ามกลางความรู้สึกสาแก่ใจ "เห็นหรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ชนะ" เขาใช้มือจิกผมบนศีรษะของจ้าวหนิงหลงขึ้นมาพลางเขย่าอย่างบ้าคลั่ง "ลืมไปว่าเจ้าตายไปแล้วบางทีข้าก็คิดว่าให้เจ้าตายเช่นนี้มันง่ายไป" เขาว่าจบก็ปล่อยร่างนั้นกระแทกพื้นอีกครั้งก่อนจะเดินข้ามร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่ายไปอย่างไม่ไยดี ซุนเฟยหรงเห็นทุกการกระทำของเขาและมองมันด้วยน้ำตาที่อาบใบหน้า ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะนางช่วยสนับสนุนให้เกิดหาไม่แล้วจ้าวหนิงหลงและทุกคนคงไม่ต้องพบจุดจบอันนาสังเวชใจเช่นนี้ ท่ามกลางความวุ่นวายซุนเฟยหรงจึงเลือกที่จะบุกเข้าไปหาลู่ฉีเพื่อคุยกับเขาให้รู้เรื่อง อย่างน้อยหากนางอ้อนวอนขอร้องให้เขาหยุดทุกอย่างลงได้ มันอาจช่วยชีวิตคนบริสุทธิ์ที่เหลือมิให้ต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้อีก "หยุดนะ ลู่ฉี ท่านคิดจะทำอะไร คนก็ตายไปแล้วยังจะเหยียดหยามศพของเขาอีกงั้นหรือ” นางตวาดออกไปทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าหลังจากที่ลู่ฉีวิ่งไปมาอยู่พักใหญ่แล้วร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งก็วิ่งกลับมายังร่างไร้วิญญาณของจ้าวหนิงหลงอีกครั้งก่อนจะลงมือทำร้ายคนที่ตายไปแล้วไม่หยุดด้วยท่าทางสะใจ “เรื่องจ้าวหนิงหลงก็ช่างเถอะ แต่เหตุใดท่านปล่อยให้คนของท่านทำเช่นนี้ ทั่ววังหลวงเกิดเรื่องน่าสลดเต็มไปหมด คนของท่านเหล่านั้นทั้งฆ่าทั้งข่มขืนคน แม้แต่นางกำนัลบริสุทธิ์เหล่านั้นพวกเขาก็ไม่ละเว้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" ซุนเฟยหรงเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องของจ้าวหนิงหลงต่อในตอนนี้เพราะเห็นสีหน้าแววตาที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย และเพราะตอนนี้นางต้องการช่วยชีวิตคนให้มากที่สุดจึงจำต้องหาทางพูดจากับเขาให้รู้เรื่องเสียก่อน นางรู้ดีว่าลู่ฉีไม่ชอบให้เขาพูดออกหน้าแทนจ้าวหนิงหลงดังนั้นจึงเลือกที่จะเมินเฉยต่อเรื่องของเขาไปชั่วคราว "ทหารข้าเหน็ดเหนื่อยมาไม่น้อยแล้วปล่อยให้เขาหาความสุขกันเสียหน่อยจะเป็นไรไป ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า ไม่ดีหรือหรงเอ๋อร์ในที่สุดไอ้สารเลวจ้าวหนิงหลงก็ตายแล้ว พวกเราชนะแล้วเราล้างแค้นสำเร็จทั้งเจ้าและข้าต่างล้างแค้นให้คนที่ตายไป ทีนี้ทั้งพ่อเจ้าและพ่อข้าคงได้ตายอย่างเป็นสุข แผ่นดินนี้และอำนาจทุกอย่างล้วนตกเป็นของข้าแล้ว ข้าจะสังหารพวกมันได้ทั้งตระกูลใช้เลือดพวกมันล้างแผ่นดินนี้ให้สะอาดมิดีหรือ" ลู่ฉีเอ่ยออกมาอย่างคนเสียสติพลางใช้ปลายกระบี่ชี้ไปที่ร่างของจ้าวหนิงหลงที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างนั้นอีกครั้งแล้วยกเท้าขึ้นไปเหยียบซ้ำไปมาเหมือนคนบ้า ซุนเฟยหรงมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เสียสติเขากลายเป็นคนเสียสติไปแล้วจริงๆ "พ่อข้าไม่มีวันมีความสุขหากต้องสังเวยด้วยชีวิตคนบริสุทธิ์แบบนี้ ลู่ฉีพอได้แล้ว เจ้าควรได้สติสักที"นางเอ่ยห้ามทั้งน้ำตา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีวี่แววว่าจะฟังคำของนางเลยสักนิด "เจ้าต่างหากที่ควรได้สติ เจ้าต่างหากที่ควรรู้ว่าไม่ควรอยู่ข้างมันแต่แรก เจ้าต่างหากที่ควรรู้ว่าเราต้องทนความอัปยศมามากแค่ไหน วันนี้เป็นวันที่ข้ารอคอยมานาน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าความแค้นของพวกเราควรถึงเวลาได้สะสางเสียที จ้าวหนิงหลงตายไปแล้วและตอนนี้ข้าจะให้มันได้เห็นบ้านเมืองนี้ล่มสลายลงด้วยมือข้า ข้าทาสบริวารของมันต้องตายด้วยน้ำมือข้า แม้กระทั่งญาติพี่น้องหรือแม้แต่สหายของมันทุกคนล้วนต้องตายไปให้หมด ฮ่า ๆ ๆ ตายให้หมด" ลู่ฉีตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความอัดอั้นจากความแค้นที่กักเก็บมาเนิ่นนาน "เช่นนั้นต้องรวมข้าไปในนั้นด้วยหรือไม่"นางเอ่ยถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังก่อนที่น้ำตาสายหนึ่งจะรินลงมาด้วยความเจ็บปวดในหัวใจที่คนรักของนางบัดนี้ได้กลายเป็นปีศาจร้ายกระหายเลือดตนหนึ่งไปแล้ว หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อให้ต้องตายซุนเฟยหรงจะไม่มีวันร่วมมือกับเขาเป็นอันขาด "หากเจ้าต้องการเช่นนั้น" ลู่ฉีเอ่ยพึมพำก่อนจะใช้กระบี่ในมือเสียบร่างนางจนทะลุโดยที่ซุนเฟยหรงเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือกับนางเช่นนี้ โลหะเย็นเยียบแทรกผ่านร่างนางไปเพียงชั่วพริบตาก่อนที่นางจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งต่อหน้าเขา ทว่าลู่ฉีกลับไม่ยี่หระและเมินเฉยต่อสายตาผิดหวังนั้นของนางจนสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ครั้งหนึ่งนางเคยมองด้วยความรักบัดนี้มันบิดเบี้ยวด้วยสีหน้าราวคนวิปลาส สายตาของลู่ฉีในยามนี้ไม่แม้แต่จะเหลือบมามองนางทั้งที่เขากำลังใช้เท้ายันร่างนี้ออกให้พ้นจากกระบี่ตนเอง กระทั่งซุนเฟยหรงล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นไม่ต่างจากเศษเนื้อชิ้นหนึ่ง "รู้อะไรไหม เจ้ากำลังท้องลูกของมันซึ่งข้าไม่มีวันเก็บเจ้าและมารหัวขนในท้องไว้ ดีที่คนของข้าแฝงตัวเข้ามาเป็นหมอหลวงสำเร็จทั้งมันและเจ้าจึงถูกปิดบังเรื่องนี้" เขากล่าวขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายคล้ายต้องการจะช่วยให้นางได้หายโง่ มิน่าเล่าทั้งที่อาการชัดเจนเพียงนี้หมอหลวงกลับบอกว่านางเพียงพักผ่อนน้อยและคิดมากไป ซุนเฟยหรงล้มลงไปไม่ห่างจากร่างของจ้าวหนิงหลงเท่าไหร่นัก ร่างบางกระอักเลือดออกมาคำโตขณะที่หยาดโลหิตของนางกำลังรินหลั่งออกมาจากปากแผลจนเจิ่งนองพื้นบริเวณนั้นเป็นวงกว้าง ซุนเฟยหรงพยายามคลานเข้าไปใกล้ร่างของจ้าวหนิงหลงที่จากไปแล้วด้วยหัวใจที่แหลกสลายและเพิ่งคิดได้ว่าแท้จริงแล้วนางเลือกรักคนผิดมาตลอด ที่จริงหากจะพูดให้ถูกนางมิได้รักคนผิดหากแต่ดึงดันและปล่อยให้ความแค้นบังตาจนไม่กล้ายอมรับว่าหัวใจตนเองได้มอบให้จ้าวหนิงหลงไปนานแล้วหาใช่ลู่ฉีเหมือนแต่ก่อน "ข้าขอโทษ หนิงหลง ข้ารักท่าน เป็นข้าต่างหากที่โง่งม" นางเอ่ยขึ้นตอนที่ใกล้จะสิ้นใจ มือบางไขว่คว้าหามือเรียวของคนเป็นสามีมากอบกุมไว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่นางจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีก มือข้างนั้นที่เคยกอดตระกองและกอบกุมและกันด้วยความรัก แต่มาบัดนี้มันกลับเย็นเยียบไร้ซึ่งความอบอุ่นที่ควรมี ซุนเฟยหรงคิดได้ก็เมื่อสายไปว่าความรักที่จ้าวหนิงหลงมอบให้นางมาตลอดนั้นมันมีค่ามากแค่ไหน ในวันที่นางไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเพราะได้มาง่ายไปดังนั้นนางจึงไม่เคยถนอมรักษา เป็นจ้าวหนิงหลงที่คอยวิ่งตามนางมาตลอดจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต จนแม้ในตอนที่เขากำลังจะสิ้นใจตายต่อหน้านาง นางก็กลับไม่เคยคิดจะยอมบอกรักเขาสักคำ ทั้งที่มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาปรารถนาจะได้ยินจากนางมาตลอด เพราะความยึดมั่นโง่ๆ กับรักครั้งเก่าอย่างลู่ฉี ทั้งที่นางเองก็รู้สึกมาตลอดว่าความรู้สึกระหว่างนางและเขาได้เปลี่ยนไปนานแล้ว เป็นเพราะนางเองที่ยึดติดมากไปกับคำสัญญาที่ไม่มีวันจะเป็นจริง สุดท้ายนอกจากตนเองต้องพบจุดจบน่าอนาถแล้วยังทำให้คนบริสุทธิ์มากมายล้มตายไปอีกจำนวนมาก ซุนเฟยหรงทอดสายตามองดูจ้าวหนิงหลงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความรู้สึกผิดอย่างมากจนไม่อาจอภัยให้ตนเองได้ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของนางจะดับลง ด้วยปรารถนาแรงกล้าที่อ้อนวอนต่อสวรรค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ จึงทำให้นางได้รับโอกาสอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD