อันที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวหนิงหลงและเฉินไทเฮานั้นก็มิใช่ความสัมพันธ์เฉกเช่นแม่ลูกทั่วไป
แต่เดิมจ้าวหนิงหลงหรือองค์ชายห้าในตอนนั้นก็เป็นเพียงลูกพระสนมเล็กๆ นางหนึ่ง มารดาที่แท้จริงของเขาคือหลิวถิงถิงนางรำเล็กๆ ของกองสังคีตที่มีโอกาสได้ร่วมแสดงต่อหน้าพระพักตร์จนความงามของนางนั้นไปดึงดูดสายตาฮ่องเต้พระองค์ก่อนเข้าจึงทำให้นางมีโอกาสได้ถวายตัวรับใช้พระองค์
ก่อนที่จะได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นหลิวกุ้ยเหรินท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสนมนางในคนอื่นๆ ในวังที่ดูจะไม่ค่อยพอใจต่อการแต่งตั้งในคราวนี้เสียเท่าไหร่ เนื่องจากนางมิใช่ลูกหลานขุนนางหรือผู้สูงศักดิ์มาจากไหน หากแต่กลับเป็นคนที่มีชาติกำเนิดคลุมเครือไม่ชัดเจน เนื่องจากนางถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กโดยหัวหน้ากองสังคีตที่พบเจอนางเข้าโดยบังเอิญ
หลิวกุ้ยเหรินถูกเรียกลับหลังจากคนเหล่านั้นว่าสนมไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างสนุกปาก ทว่านางก็กลับมิเคยนึกแค้นเคืองผู้ใดทั้งยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เพราะไม่ต้องการทำตัวโดดเด่นจนเป็นภัยแก่ตนเองไปมากกว่านี้
นิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนของนางนั้นยิ่งทำให้ฮ่องเต้พอพระทัยนางเป็นอย่างมากจนถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นคนโปรดคนหนึ่งในบรรดาพระสนมทั้งหลาย กระทั่งนางสามารถตั้งครรภ์มังกรให้พระองค์ แม้จะมิใช่ลูกคนแรกแต่ลูกคนนี้ฮ่องเต้ก็ทรงรอคอยเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นลูกที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของเขาและนาง หาใช่เพราะเรื่องการเมืองเช่นลูกชายคนอื่นๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนหน้า
หลิวกุ้ยเหรินต้องตั้งครรภ์บนความเสี่ยงท่ามกลางความรู้สึกชิงชังจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฮองเฮา สตรีที่เป็นภรรยาหลวงแต่กลับถูกสามีหมางเมินเพราะภรรยาใหม่ แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงมีภรรยามากมายอยู่แล้ว แต่ฮองเฮาในตอนนั้นก็รู้สึกได้ว่าท่ามกลางสตรีมากมายเหล่านั้นมีเพียงหลิวกุ้ยเหรินเท่านั้นที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะในสายตาพระองค์มองหลิวกุ้ยเหรินคนนั้นต่างจากทุกคน ดังนั้นหญิงที่กำลังจะเสียสามีไปเช่นฮองเฮาจึงล้วนทำได้ทุกสิ่ง พระนางจึงเริ่มแผนการขึ้นเมื่อหลิวกุ้ยเหรินอายุครรภ์ได้เพียงสามเดือน
ในฐานะฮองเฮาพระนางส่งของบำรุงไปให้สนมเล็กๆ เช่นหลิวกุ้ยเหรินมากมาย ทุกๆ วันหลิวกุ้ยเหรินจะได้รับยาบำรุงที่ฮองเฮาบอกว่าดีต่อเด็กในท้อง ทว่าความร้ายกาจของนางมันก็เริ่มมาจากตรงนั้น หลิวกุ้ยเหรินไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อนจึงไม่ทราบว่าไม่ควรบำรุงเด็กในท้องมากไป
เพราะการสู้รบกันไปมาระหว่างแคว้นเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ทำให้ฮ่องเต้ต้องออกไปกรำศึกอยู่ชายแดนนานหลายเดือน ขณะที่กลางดึกคืนหนึ่งในเมืองหลวงเกิดฝนตกหนักเพราะพายุเข้ามาทั้งคืน ตำหนักของหลิวกุ้ยเหรินนั้นก็เงียบเชียบร้างผู้คนอย่างที่ไม่ควรจะเป็นทั้งที่เป็นกำหนดคลอดของนาง แต่กลับไร้คนมาคอยเฝ้าดูแล หลิวกุ้ยเหรินถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังอย่างตั้งใจติดกันมาหลายคืนแล้วด้วยคำสั่งของฮองเฮาในขณะนั้น
ผู้คนในตำหนักรวมทั้งข้ารับใช้จึงต่างไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของนาง
ค่ำคืนนั้นหลิวกุ้ยเหรินที่เจ็บท้องคลอดนั้นนางกลับต้องคลอดลูกด้วยตนเองอย่างคนไร้ประสบการณ์ หลิวกุ้ยเหรินในตอนนั้นทำได้เพียงหาทุกทางรักษาชีวิตน้อยๆ ในครรภ์นี้เอาไว้ ค่ำคืนนั้นทำให้นางรู้ซึ้งดีแก่ใจว่าแท้จริงแล้วฮองเฮามิได้ประสงค์ดีต่อนางมาตั้งแต่ต้น ครรภ์ใหญ่โตของนางที่ได้รับการบำรุงอย่างดีมาตลอดหลายเดือนบัดนี้กำลังส่งผลร้ายทั้งต่อนางและลูกในท้อง
เมื่อยามที่นางพยายามจะคลอดเด็กออกมาแต่กลับเบ่งเท่าไหร่ก็ไม่ออก เพราะทารกนั้นตัวใหญ่เกินไปมันทำให้นางต้องทนเจ็บปวดทรมานอย่างเหลือแสน หากคืนนี้นางไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้สำเร็จทั้งนางและลูกชายจะมีอันตรายกันทั้งคู่ ทว่าด้วยความเป็นแม่นั้นจึงทำให้นางหาทางดิ้นรนทุกทางเพื่อรักษาชีวิตลูกเอาไว้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง
"โอ๊ย...อื้อ..." นางกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะออกแรงเบ่งซ้ำๆ อยู่แบบนั้นหลายต่อหลายครั้งกินเวลาไปเนิ่นนานกี่ชั่วโมงยามไม่อาจรู้ได้
หลิวกุ้ยเหรินออกแรงเบ่งคลอดลูกชายคนแรกของตนออกมาสุดแรงทั้งน้ำตา จนกระทั่งความเจ็บแปลบเบื้องล่างที่เกิดขึ้นราวกับจะฉีกร่างกายนี้ของนางออกจากกันเป็นสัญญาณที่ทำให้นางในตอนนั้นแม้เจ็บจนแทบขาดใจแล้วก็ตามทียังกัดฟันทนออกแรงซ้ำจนสำเร็จในที่สุด หลังจากที่ต้องพยายามอยู่หลายครั้งตามลำพัง สุดท้ายทารกน้อยตัวอวบอ้วนก็คลอดออกมาได้สำเร็จ ทว่าคนเป็นแม่นั้นก็กลับตกเลือดจนไม่อาจประคองสติเอาไว้ได้อีกต่อไป ก่อนที่นางจะสิ้นลมหายใจอย่างเดียวดายในเวลาต่อมา
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในค่ำคืนนั้น ช่วงเวลาใกล้เช้าเสียงร้องของทารกดังลั่นตำหนัก จ้าวหนิงหลงในตอนนั้นร้องไห้จ้าออกมาแข่งกับเสียงฝนที่เริ่มซาลงไปจนนางกำนัลประจำตำหนักได้ยินและเร่งเข้ามาดู
ก่อนจะพบภาพน่าสลดของสตรีผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานผู้นั้นนอนตายอยู่ในห้องท่ามกลางกองโลหิตมากมายที่ไหลออกมาเจิ่งนองและเด็กน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนนางผู้เป็นแม่
เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนั้นส่งผลให้อดีตฮองเฮาและพรรคพวกถูกสอบสวนความผิดในทันทีเพราะฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ก่อนจะตัดสินประหารทุกคนที่เกี่ยวข้องจนสิ้นหลังจากที่ทรงยกทัพกลับมาหลังได้ชัยชนะ ส่วนจ้าวหนิงหลงเด็กกำพร้าผู้นั้นหลังพระมารดาสิ้นพระชนม์ไปเขาก็ได้รับการดูแลจากเฉินกุ้ยเฟยมาตลอด
พระนางเป็นพระสนมเพียงคนเดียวในวังนี้ที่เร่งเสด็จไปดูเหตุการณ์และช่วยชีวิตจ้าวหนิงหลงเอาไว้ได้ทันหลังจากทราบเรื่อง เดิมทีเฉินกุ้ยเฟยเพียงต้องการไปดูว่าเด็กคนนั้นมีความเป็นอยู่อย่างไร สำหรับพระนางแล้วส่วนตัวก็มิได้สนิทกับหลิวกุ้ยเหรินนัก แต่ก็เห็นว่าสตรีผู้นี้มีนิสัยที่ไม่เลวดังนั้นพระนางจึงมิได้เกลียดนางเช่นคนอื่นๆ
ในตอนที่พระนางไปถึงฮองเฮาและนางกำนัลผู้ดูแลตำหนักกำลังคิดจะฆ่าจ้าวหนิงหลงทิ้งเพื่อมิให้เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นเสี้ยนหนามต่อองค์ชายทั้งสี่ที่เป็นลูกของนาง แต่เพราะเฉินกุ้ยเฟยในตอนนั้นไปทันจึงสามารถช่วยชีวิตเด็กน้อยน่าสงสารผู้นี้เอาไว้ได้ก่อนจะรับหน้าที่เป็นพระมารดาของเขามาตลอดนับแต่นั้น
เฉินกุ้ยเฟยเลี้ยงดูองค์ชายห้าดุจลูกแท้ๆ แม้ว่านางจะมีองค์หญิงอย่างจ้าวหนิงอวี่และองค์ชายหกขึ้นมาภายหลังก็ตามที นางทั้งอบรมสั่งสอนทุกสิ่งแม้กระทั่งผลักดันองค์ชายห้าให้ได้เป็นฮ่องเต้คนปัจจุบันในตอนนี้เพียงเพราะเห็นความสามารถและรักอีกฝ่ายดั่งเลือดในอก ดังนั้นจ้าวหนิงหลงจึงได้รักพระมารดาผู้นี้ดั่งแม่แท้ๆ ทั้งยังให้ความยำเกรงนางเป็นอย่างมากมาตลอด