EPISODE3 {100%}

3027 Words
อิ้งเดินนำเพื่อนสนิทเข้ามายังห้องชุดคอนโดสุดหรูของตัวเอง ใบหน้าเรียวสวยแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ สองเท้าเดินเซสะเปะสะปะก่อนจะหยุดถอดรองเท้าและเตะทิ้งไว้ข้างกำแพงห้อง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาวหน้าทีวี ส่วนคนที่ตามมาก็แยกตัวเดินมาเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นๆดื่มดับความร้อนในร่างกาย อีกมือก็ถือน้ำเย็นอีกแก้วติดมือมาให้คนกำลังเมาที่นั่งสะอึกด้วย “นี่มึงพูดความจริงกับกูมาดีกว่าอิ้ง” ซันเปิดประเด็นที่ตัวเขาคาใจมาตั้งแต่คลับ ที่ตามกลับมาคอนโดอิ้งด้วยก็กะจะมาถามให้หายข้องใจ “เรื่องอะไร” “เรื่องคุณมาเฟียไง แล้วอย่าคิดจะโกหกอะไรกูนะ มึงมันไม่เนียน” ซันยกนิ้วชี้หน้าพร้อมกับพูดดักคอ อิ้งยกยิ้มนิดๆที่เห็นว่าเพื่อนสนิทรู้ทัน ร่างบางกระตุกเพราะแรงสะอึกเล็กน้อยก่อนจะยกน้ำขึ้นมาจิบ ท่อนแขนเรียววางพาดไปตามความยาวของพนักพิงโซฟา แล้วเอนศีรษะลงไปทับเอียงหน้ามองคนที่รอคำตอบ “บางทีมึงก็รู้จักกูดีกว่าครอบครัวกูซะอีก” อิ้งพูดแล้วผุดรอยยิ้มมุมปาก ที่ถ้าไม่สังเกตก็คงมองไม่ออกว่าเจ้าของใบหน้าเรียวกำลังยิ้มอยู่ “ก็แค่รู้สึกถูกชะตาเฉยๆเลยอยากทำความรู้จัก” “แล้วมึงหาวิธีทำความรู้จักแบบอื่นไม่ได้หรือไง ใส่ยาไปขนาดนั้นเขาได้จำมึงจนวันตายแน่” “ก็นั่นแหละที่กูต้องการ กูต้องการให้เขาจำกูไปตลอดจนตายก็ลืมกูไม่ลง” พูดจบอิ้งก็รีบพยุงตัวลุกขึ้นยืน แม้ว่าจะยังยืนโงนเงนอยู่แต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นยืน เพราะรู้ว่าถ้านั่งอยู่แบบนี้เขาได้โดนซันยิงคำถามจนต้องเผลอหลุดปากบอกความจริงไปแน่ๆ “พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายใช่ไหม กูจะพยายามไปให้ทันนะ” ซันจะอ้าปากรั้งอีกฝ่ายให้อยู่คุยต่อให้จบ แต่ดูท่าอิ้งจะเดาทางตัวเขาออก ถึงได้เดินหนีเข้าห้องไม่ยอมหยุดฟังอะไรทั้งนั้น ถึงจะอยากรู้เหตุผลมากมายขนาดไหนแต่ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมเปิดปากบอก ให้เขาบังคับให้ตายอิ้งก็ไม่บอกมีแต่จะปัดไปคุยเรื่องอื่น เพื่อนเขาน่ะเก่งจะตายเรื่องหลอกล่อให้คนอื่นไขว้เขวน่ะ @มหา'ลัยS “อิ้ง นั่นมันน้องมึงหนิ” ทีมหันไปถามเพื่อนร่างบางใกล้ตัว ส่วนคนถูกถามก็มีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ที่ด้านหน้าห้องเรียนมีร่างสูงโปร่งสวมชุดนักเรียนของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังยืนดักรออยู่ ทั้งซันและทีมหยุดเท้าเดินอัตโนมัติเมื่อเห็นน้องชายของเพื่อนหันมามอง และปล่อยให้อิ้งเดินเข้าไปหาน้องชายเพียงคนเดียว ทั้งสองรู้ดีว่าการปรากฏตัวของเด็กมัธยมตรงหน้าต้องทำให้อิ้งระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ๆ การมาแต่ละครั้งของ‘อาโป’ไม่เคยมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลยสักครั้ง ‘อาโป’ เป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน แต่กลับไม่ถูกตามใจเหมือนลูกคนโตแบบอิ้ง แถมหน้าตาก็แตกต่างออกไปจากคนเป็นพี่สิ้นเชิง จะมีสิ่งที่คล้ายกันนั่นก็คือนิสัย อาโปเป็นคนไม่ยอมใครและไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น ส่วนอิ้งชอบเอาชนะ แต่สำหรับอาโปเขาต้องเป็นแค่ผู้ชนะเท่านั้น “จะกลับไปเองหรือจะให้โทร.บอกป๊ากับม๊า” อิ้งเดินเข้าไปถามอาโป เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ตอบคำถามทันที แต่กลับล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปโชว์ให้อีก ฝ่ายดู อิ้งมองรูปบนหน้าจอโทรศัพท์ของอาโป ดวงตาสีเข้มกวาดมองแค่ไม่กี่วินาทีก็มองออกแล้ว ว่านั่นคือรูปที่เขาจูบดูดดื่มกับเฮียมาเมื่อวันก่อน ก่อนที่จะปัดหน้าจอออกไปให้ไกลสายตา “เดี๋ยวนี้อิ้งเป็นถึงขนาดนี้แล้วเหรอ” อาโปถามเสียงนิ่ง น้ำเสียงทุ้มชวนน่าฟังแต่ไร้ความรู้สึกในน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว “อย่ามาพูดเหมือนตัวเองเป็นผู้ปกครองไปหน่อยเลย ป๊ากับม๊ายังไม่เคยมายุ่ง” “ก็เพราะอิ้งถูกตามใจจนเคยตัวไง” อาโปพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเดิม แต่ร่างกายสูงใหญ่ไม่ยืนมองคนที่ตัวเล็กกว่าเหมือนเดิมอีกแล้ว เขาขยับตัวเข้าไปจับแขนเล็กของพี่ชายเอาไว้แน่น อิ้งไม่ได้ออกแรงขัดขืนน้องชาย เขาใช้แค่สายตามองลงไปยังมือที่จับอยู่แล้วบอกน้ำเสียงนิ่ง เช่นเดียวกับที่สั่งลูกน้องในคาสิโน เพียงแค่บอกให้ปล่อยอาโปก็ยอมแต่โดยดี “มาเพื่อที่จะถามแค่นี้ใช่ไหม” “ทำไมไม่กลับบ้าน” อาโปไม่ตอบแต่กลับตั้งประโยคใหม่ขึ้นมาถามแทน “แกควรเรียกฉันว่าเฮียนะอาโป แกเป็นน้องฉัน” อิ้งพูดอย่างเอือมระอากับนิสัยของอีกฝ่าย บางครั้งดูเหมือนเคารพยอมลงให้ ทว่าบางครั้งกลับบังคับยิ่งกว่าผู้ปกครอง “แล้วไง ถามก็ตอบมาดิ” “ทำตัวให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่หน่อยอาโป แกเป็นน้องนะอย่าลืม” “เหรอ” คนถูกดุตอบกลับด้วยคำสั้นๆ รองเท้าหนังราคาแพงของอาโปขยับก้าวขาเข้ามาหาพี่ชายตรงหน้าจนยืนขนาบข้างผิวหนังชิดกัน ใบหน้าหล่อคมก้มลงชิดใบหูขาวใสของคนตัวเล็กกว่า ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองใบหน้าของเพื่อนสนิทพี่ชาย ที่ยืนมองอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาไร้ความรู้สึก จนคนถูกมองรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง ต้องรีบเบือนใบหน้าหลบสายตากดดันของคนเด็กกว่า “โปจะบอกอะไรให้นะอิ้ง” น้ำเสียงทุ้มกระซิบบอกพี่ชาย “อย่าจริงจังกับความสัมพันธ์แบบพี่น้องไปหน่อยเลย โปก็ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ” อิ้งไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น ดวงตาสีเข้มเหลือบมองน้องชายที่ตัวสูงกว่า โดยที่อาโปก็จ้องมองกลับไม่ละสายตาเช่นกัน ริมฝีปากสีสวยของอาโปกระตุกยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตากลมตรงหน้าสั่นไหวด้วยอารมณ์โกรธจากฝีมือตัวเองก่อนที่จะเดินผ่านไป “ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกูจะคิดว่าผัวเด็กตามหึง” ทีมเดินเข้ามาสบทบกับคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าหากเขาไม่เคยเจออาโปมาก่อน ทีมก็คงคิดว่าเด็กมัธยมหล่อร้ายคนนั้นเป็นแฟนเด็กของเพื่อนแน่แท้ ก็พี่น้องอะไรไม่เห็นจะเหมือนกันสักกะอย่างทั้งหน้าตา นิสัย การวางตัว “พวกมึงเข้าเรียนกันเลยวันนี้กูไม่เข้า อารมณ์ไม่ดี” อิ้งหันมาบอกเพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาหา ร่างบางเสยผมที่เริ่มยาวปัดขึ้นไปด้านหลังลวกๆ เพราะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดแฝงนัยมากมายของน้องชายตัวดีเมื่อครู่ “แล้วมึงจะไปไหน” “แถวนี้แหละ” อิ้งเดินหงุดหงิดพาร่างกายมาหยุดยังจุดสำหรับสูบบุหรี่ มือเรียวล้วงเอาสิ่งเป็นพิษในกระเป๋าขึ้นมาสูบ ก่อนจะพ่นควันสีขาวลอยคละคลุ้งรอบกายหอม คนตัวเล็กมองบุหรี่ในมือที่เพิ่งสูบไปได้ไม่เท่าไร แล้วโยนทิ้งลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้จนสะเก็ดไฟให้มอดดับ ตั้งแต่เล็กยันโตอาโปแทบจะไม่เคยปฏิบัติกับเขาเหมือนพี่น้องเลยสักครั้ง เด็กนั่นชอบเอาชนะเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร และยังมีนิสัยชอบบังคับ ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ยอมใครและชอบเอาชนะ อาโปก็ยิ่งอยากจะกำราบเขาให้ได้ แต่ก็ยังไม่เคยทำได้เลยจริงๆสักครั้ง เด็กคนนั้นนับวันยิ่งทำตัวห่างไกลคำว่าพี่น้องกับเขาไปทุกที จะเรียกว่าทำตัวห่างไกลก็ไม่ถูก เพราะอาโปแทบไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่ชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จะตอนนี้หรือตอนไหนก็เถอะ! รถหรูสัญชาติยุโรปเคลื่อนผ่านสายตาของคนอารมณ์ไม่ดี มันอาจเป็นแค่รถสวยราคาแพงหายากคันหนึ่งในประเทศเท่านั้น ถ้าหากคนที่ก้าวขาออกจากรถเป็นคนแรกไม่ใช่เลขาหน้าเข้มที่แอบมองขาเขาเมื่อวันก่อน เพียงไม่กี่อึดใจร่างสูงใหญ่แสนล่ำสันของมาเฟียก็ก้าวขาพ้นประตูรถ ที่เลขาอย่างคินเป็นคนลงมาเปิดให้ ร่างสูงกระชับเสื้อสูทที่สวมอยู่ให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง ทุกอากัปกิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาของอิ้งตลอด ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ไม่ได้ไกลกันมาก แต่ก็ไม่ได้ใกล้จนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเขาได้ ทว่าเฮียมาดันหันกลับมาสบตากับเขาเนี่ยสิ! วินาทีแรกที่จู่ๆคนตัวโตก็หันขวับมาทางที่เขายืนอยู่ พร้อมกับสายตาสีดำดิ่งไร้อารมณ์จ้องมองมา วูบหนึ่งอิ้งทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ สายตาของเฮียมาเป็นสายตาที่มองครั้งเดียวก็จำได้ ต่อให้ครั้งแรกที่เคยสบตากับดวงตาแบบนี้ผ่านมาเป็นสิบปี อิ้งก็ยังคงจำมันได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะลืมเขาไปแล้ว “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณมาเฟีย” เสียงของคินทำให้มาเฟียต้องเลิกสนใจเด็กในชุดนักศึกษาตรงหน้าไปก่อน เขาไม่ได้อยากสบตากับเด็กนิสัยเอาแต่ใจแบบนั้น หรืออยากให้เด็กแบบนั้นมาอยู่ในสายตา แต่เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเด็กที่กล้าใส่ยาปลุกเซ็กส์ให้เขาดื่มในครั้งแรกที่เจอกันแบบนั้น มีอะไรแปลกกว่าคนอื่นๆที่เคยพบเจอ เด็กนั่นดู….มีแม่เหล็กดึงดูดให้เขาหักเหไปหาได้เรื่อยๆ ทั้งๆที่ไม่อยากให้ความสนใจแต่ก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ทุกที “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” มาเฟียเลิกให้ความสนใจกับอิ้งจริงๆ เขาทิ้งสายตาไร้ความรู้สึกส่งท้ายก่อน จะเดินหายเข้าไปในตึกคณะบริหาร “นี่จำกันไม่ได้จริงๆใช่ไหม หรือแกล้งทำเป็นจำไม่ได้วะ” อิ้งพึมพำกับตัวเอง แววตาที่เหมือนจะหงุดหงิดน้อยลงก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบ เขาอยากให้เฮียมาจดจำเขาได้ เหมือนที่เขาจดจำอีกฝ่ายได้ตั้งแต่สบตากันที่คลับคืนนั้น “หรือกูจะเปลี่ยนไปจนเขาจำไม่ได้วะ” ยิ่งคิดคนตัวเล็กก็ยิ่งหงุดหงิด จนต้องโยนบุหรี่มวนใหม่ที่กำลังจะจุดไฟในมือทิ้ง แล้วขับรถออกไปจากมหา'ลัย @Casino บรรยากาศในคาสิโนค่อนข้างวุ่นวายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้กำลังวุ่นวายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะการมาเยือนของว่าที่ทายาทผู้สืบทอดคาสิโนแห่งนี้น่ะสิ ปกติอิ้งมักจะเข้ามาตรวจงานดูความเรียบร้อยทุกวันจันทร์และศุกร์ ไม่ค่อยมานอกเหนือวันพวกนี้สักเท่าไร เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเมาเละหมดสภาพอยู่ที่คอนโดเสียมากกว่า ถ้าหากจู่ๆก็มาแบบนี้ก็มักจะพกคลื่นลมกับพายุลูกใหญ่มาด้วยเสมอ “สวัสดีครับนายน้อย” ‘ใหญ่’ หรือ ‘เฮียใหญ่’ ของบรรดาลูกน้องที่คาสิโนเรียกหาก้มศีรษะทำความเคารพนายน้อยของสถานที่แห่งนี้ ส่วนพนักงานคนอื่นๆก็กำลังรีบเร่งเตรียมตัวออกมายืนต้อนรับอยู่หลังประตูบานใหญ่ “ขอแชมเปญด้วย มีเอกสารอะไรที่อยากให้ดูตอนนี้ไหม” คนได้รับคำสั่งรีบหันไปบอกให้พนักงานระดับล่างเตรียมแชมเปญรสเริศให้กับนายน้อยทันที แชมเปญราคาแพงรสชาติดีละมุนลิ้น กลายเป็นเครื่องดื่มที่คาสิโนแห่งนี้ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ตั้งแต่นายใหญ่มีคำสั่งให้นายน้อยลงมาควบคุมดูแล แก้วแชมเปญจะต้องวางคู่กับกองเอกสารทุกครั้งที่คนตัวเล็กเข้ามาดูงาน แต่ไม่ใช่กับวันนี้เพราะแก้วแชมเปญแก้วนี้กำลังถูกเดินถือเที่ยวเล่นอยู่ตามโต๊ะเสี่ยงโชคต่างๆ ที่ไร้ผู้เข้าเล่นเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิด หลังจากที่เดินสำรวจความเรียบร้อยทุกซอกทุกมุมจนเสร็จ นายน้อยของคาสิโนก็ขึ้นไปหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน และออกคำสั่งให้เอาแชมเปญขึ้นมาเติมเกือบทุกครึ่งชั่วโมง จนเกิดเรื่องขึ้นที่คาสิโนชั้นล่างที่เหล่าวัยรุ่นชอบเข้ามาเสี่ยงโชคทะเลาะกัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายแอบเปลี่ยนไพ่ เสียงเอะอะโวยวายและความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนการ์ดก็เข้าไปคุมสถานการณ์ไม่ได้ เลยจำเป็นต้องขึ้นมารายงานให้คนกำลังกรึ่มแชมเปญรับรู้ “เดี๋ยวจัดการเอง” อิ้งตอบรับคำรายงานจากใหญ่ ร่างบางรินแชมเปญเติมลงแก้วอีกครั้งแล้วถือมันออกมาด้วย เหตุการณ์ด้านล่างยังคงวุ่นวายไม่เลิก ผู้เล่นหลายคนเริ่มทนไม่ไหวก็ทยอยเลิกเล่นกันไปบ้างก็มี อิ้งเท้าข้อศอกลงกับขอบระเบียงชั้นสอง ด้านหน้าคือกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่กำลังต่อยตีกันเอาเป็นเอาตาย คนตัวเล็กมองมันด้วยแววตาเฉยชาพร้อมกับจิบแชมเปญไปด้วย เหมือนกำลังรับชมโชว์ชั้นยอด “พวกมันเป็นลูกใคร มาจากตระกูลไหน” “ตามข้อมูลสมาชิกที่กรอกไว้ คนเสื้อดำเป็นลูกชายคนรองของบริษัท Yana ส่วนอีกคนเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าท่านเจ้าสัวยี่ครับนายน้อย” ใหญ่รีบเปิดไอแพดรายงานข้อมูลสมาชิกที่กำลังมีเรื่องให้นายน้อยรับรู้ การจะเข้ามาเล่นในคาสิโนแห่งนี้ไม่ง่าย สมาชิกทุกคนต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือนในราคาที่สูง แลกกับการปกปิดข่าวการติดพนันของพวกเขาหรือทุกเรื่องฉาวคาวๆที่เกิดขึ้นภายในคาสิโนแห่งนี้ และส่วนมากสมาชิกที่นี่ก็เป็นคนมีชื่อเสียงกันทั้งนั้นรวมถึงสองคนนั้นด้วย “ก็ดี รวย มีเงินจ่าย ก็ปล่อยให้มันตีกันให้ตายแล้วส่งบิลไปตามเก็บค่าเสียหายเสียเวลาที่ประตูบ้านมันทุกคน” คำสั่งเด็ดขาดมาพร้อมกับน้ำเสียงจริงจัง เหล่าการ์ดทั้งหลายหยุดยืนนิ่งมองดูสถานการณ์ต่อยตีต่อไป ไม่มีทีท่าจะเข้าห้าม เช่นเดียวกับนายน้อยที่ยืนเท้าขอบระเบียงชิมแชมเปญมองภาพ เคลื่อนไหวด้านหน้า อย่างกับกำลังดูฉากแอคชั่นระดับร้อยล้าน อิ้งกลืนแชมเปญอึกแล้วอึกเล่า การต่อยตีก็ไม่มีท่าจะสงบลง วินาทีที่แชมเปญอึกสุดท้ายถูกกลืนลงคอ มันเหมือนกับเส้นความอดทนของนายน้อยอิ้งได้หมดไป เพล้ง!!! แก้วแชมเปญถูกปาลงกลางวงต่อยตี ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เงยหน้าขึ้นมองที่มาของแก้วพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ยกเว้นก็แต่คนของคาสิโนที่ยืนก้มหน้ามองพื้น เตรียมตัวโทร.เรียกรถพยาบาลมาเก็บพวกทำตัวมีปัญหาให้นายน้อยรำคาญอารมณ์ “มึงเป็นใคร! แน่ใจลงมาดิว่ะ!” ริมฝีปากสีระเรื่อเหยียดรอยยิ้มเย็นชาทีละนิด ถ้าเป็นบรรดาลูกน้องในคาสิโนถูกยิ้มแบบนี้ใส่คงอกสั่นขวัญแขวน เพราะนายน้อยอิ้งยิ้มแบบนี้ทีไรมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทุกที “…..” อิงไม่มีคำตอบให้ มีแต่รอยยิ้มร้ายเท่านั้น แล้วค่อยๆขยับขาก้าวลงมาจากชั้นสองพร้อมกับเหล่าการ์ดที่เดินมาเรียงรายรอบกายผู้เป็นนาย “พี่ หรือว่าจะเป็นคนนี้..” เสียงลูกน้องของอีกฝ่ายกระซิบถามเจ้านายด้วยความไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก “ใครวะ!?” “ก็ที่เขาว่ากันว่าเป็นทายาทสืบทอดคาสิโนนี่ไงพี่ ที่เขาลือกันว่าทั้งเก่งทั้งเอาแต่ใจ ใครมีเรื่องที่นี่ก็ถูกจัดการจนหมด” “หึ! ถ้าใช่ก็ดีสิวะ กูจะประจานให้หมดเลย!” คนเป็นลูกพี่ไม่ฟังคำเตือนอะไรทั้งสิ้น ยังคงโวยวายยืนชี้นิ้วใส่หน้าร่างบางอยู่แบบนั้น น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากคือสิ่งที่อิ้งเกลียดที่สุด มันดูต่ำและทรามเกินที่เขาจะทนไหว “คาสิโนที่นี่แม่งก็งั้นแหละ! แพงฉิบหาย! บริการก็ห่วย มีแต่คนโกง ไอ้คนแจกไพ่แม่งก็โกง!! ทายาทแม่งก็เสือกเป็-” คลิ๊ก! คำพูดทั้งหมดหยุดลงเมื่อเสียงปลดเซฟปืนดังขึ้น พร้อมกับปลายกระบอกปืนที่จ่อชิดผิวหนังบริเวณหน้าผากคนปากมาก พนักงานทุกคนในคลับมองเหมือนกับว่าการที่นายน้อยเอาปืนมาจี้หัวคนเป็นเรื่องปกติ ต่างจากสมาชิกที่อยู่รายรอบทั้งชั้นบนและชั้นล่างที่ตื่นตกใจกับภาพที่ได้เห็น นานๆทีจะเห็นทายาทคาสิโนลงมาปรากฎตัวแถมยังถือปืนจ่อเอาชีวิตคนอีก “กูเป็นอะไร” ร่างเล็กถามเสียงราบเรียบ มุมปากเล็กยกยิ้มขบขันกับอาการเกร็งกลัวของคนปากดีเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับปากสั่นแทน “หึ! กลัวกูเหรอลูกชายเจ้าสัวยี่ มึงจะใหญ่จะอวดเบ่งที่ไหนก็ได้เรื่องของมึง แต่ถ้ามึงก้าวเข้ามาที่นี่ กูใหญ่สุด! คาสิโนกูมีกฎที่พวกมึงทุกคนต้องทำตาม แต่ถ้ามึงทำตามกฎไม่ได้ก็ออกไปซะ แต่ก่อนออกไปพวกมึงต้องชดใช้ค่าเสียหายของคืนนี้ให้กู” เสียงประกาศกร้าวของอิ้งมันช่างแตกต่างจากขนาดร่างกายลิบลับ ร่างกายบอบบางเพรียวลม ทว่าเสียงประกาศที่ดังออกมาช่างดูมีอำนาจ สะกดผู้คนให้ต้องปฏิบัติตาม “มึงก็เลือกเอาแล้วกัน ถ้าจ่ายมาก็ออกไปได้ แต่ถ้าไม่จ่ายก็ออกไปแค่ร่างกาย ทิ้งวิญญาณไว้เป็นค่าเสียหาย มึงเลือกเอา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD