13 - ความรุนแรงคือเรื่องปกติของผู้ชาย
หลังจากนั้น
“นอร์ทเขาไปไหนเหรอ ดูรีบมากเลย” ยูยิ้มเกิดสงสัยว่านอร์ทรีบไปไหนเพราะผมกับเพื่อนยังไม่ทันได้ทำความรู้จักเลย เขาก็เดินออกไปด้วยความรีบร้อนไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรถึงได้รีบไปก่อน ใจจริงผมอยากทำความรู้จักกับผู้ชายคนนั้นก่อน ทำไมโชคชะตาพาให้พลาด ปล่อยโอกาสหลุดลอยไปแบบนี้ ผมถามปอแก้วเพื่อนของเขายังไม่รู้เลย
“ไม่รู้อะ ปกตินอร์ทชอบเล่นหุ้น เล่นบิดคอยด์จะตาย”
“เราไม่เคยรู้มาก่อน”
ผมเองไม่เคยรู้ว่านอร์ทชอบการลงทุนแบบมีความเสี่ยงด้วย ผมไม่เคยศึกษาเรื่องนี้แล้วจะไปตอบอะไรเขาได้ เอาเป็นว่าผมไม่ดูถูกความชอบเขาหรอก ถ้าชอบลงทุนในทางสุจริตผมก็ไม่ห้าม แต่วามันเกี่ยวข้องกับความรีบของเขาในตอนนี้หรือเปล่า
“แต่เราไม่เคยเล่น ขอผ่านก็แล้วกัน”
ผมไม่รบกวนอะไรปอแก้วแล้วดีกว่าเพราะเขากำลังจะขึ้นเรียนต่อ เสียดายถ้านอร์ทเรียนที่เดียวกัน ผมจะได้มีเวลาไปทำความรู้จักกันต่างคณะสาขาก็ได้เพราะผมแอบสนใจผู้ชายทรงนี้มากเลย ผมแยกกับปอแก้ว ผมจะได้ไปกับแฟนต้าต่อทันที
“ดูจากแววตาสนใจผู้ชายคนนั้นเหรอ”
“เรายังไม่ได้อะไรกับเขา เห็นหน้าตาแล้วดูถูกชะตามากเลย”
“ชอบเพราะหน้าเหมือนนักร้องเหรอ” ผมแซวยูยิ้มเล็กน้อย เพราะผู้ชายคนนั้นเหมือนกับสิ่งที่ผมคิดตามที่พูดไป แต่เอาเถอะถ้าเพื่อนผมจะชอบใครผมก็ไม่ห้าม แต่ก็ต้องเช็กเครดิตก่อนคบกันใช่ว่าจะคบกันทันทีเหมือนปลาทองจ้องตาแล้วได้กัน
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ว่าเราสงสัยว่าทำไมอยู่ใกล้เขาเหมือนมีแอร์ส่วนตัวเลย” ผมไม่ได้คิดไปเองเพราะตอนที่ผมบังเอิญเจอเขา ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นราวกับอุณหภูมิส่งตรงจากขั้วโลกเหนือ มันเหมือนร่างกายเขาเหมือนอยู่ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งตลอดเวลา ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
“เขาเป็นคนนะไม่ใช่ชาวเอสกิโม”
“แต่กูได้ความเย็นจากตัวเขาจริง ๆ นะ”
ผมยืนยันอย่างสัตย์จริงของลูกผู้ชายเลยว่าผมได้รับความเย็นแผ่ซ่านมาจากตัวผู้ชายไม่ปอแก้วก็นอร์ทหรือทั้งคู่ก็ได้ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นมนุษย์หรือเปล่าเพราะคนปกติเขาไม่มีอุณหภูมิเย็นตลอดเวลาราวกับตู้เย็นเคลื่อนที่ด้วยซ้ำ ผมไม่ได้คิดไปเองและผมจะพิสูจน์ให้ดูแล้วกัน
เวลาต่อมา
นอร์ทได้รับคำสั่งจากเสี่ยว่าให้ไปแถวหมู่บ้านริมน้ำ ให้ไปดูลาดเลาว่าเด็กพวกนั้นมีใครกำลังเล่นตุกติก เวลาใช้ให้ไปทำงานเรียกคะแนนความสงสารจากชาวบ้านแล้วไม่สามารถให้เงินตามความสงสารได้ เสี่ยก็ชอบเรียกผมมาช่วยสั่งสอนให้เห็นว่าใครตุกติกทำงานพลาดต้องจบแบบไหน
ผมเดินทางมาที่หมู่บ้านริมน้ำแล้ว มองหาเด็กกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสายของการทำงานสีเทา ผมมองดูตรงสะพานข้ามแม่น้ำเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งเรียกคะแนนความสงสารให้ชาวบ้านวางเงินตามจิตศรัทธา ผมกำลังคิดอยู่ว่าผมต้องมาทำงานแบบนี้เพื่ออะไร มันเกินขอบเขตที่ผมคิดมากเลย แต่ผมมีความจำเป็นต้องทำ
“ไอ้นอร์ท มึงช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยนะ อย่าให้คลาดสายตาอีกล่ะ” ผมได้รับคำสั่งจากลูกน้องในทีมผม มันกำชับอย่างดีว่าให้ผมสอดส่องลาดเลาว่าอย่าให้เด็กหนีไปไหนได้ทั้งนั้น เกิดมันไปแจ้งตำรวจหรือชาวบ้านขึ้นมา ผมจะโดนหางเลขไปด้วยเพราะว่าทีมผมกับมันถือว่าถือไพ่ไปในทางเดียวกัน แต่ถึงยังไงก็ไม่ถูกกันอยู่ดี
ผมซุ่มดูอยู่ตรงทางขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ ผมแอบมองดูเด็กพวกนั้นกำลังเรียกความสงสารจากชาวบ้าน บอกเลยว่าถ้าภาษาชาวบ้านคือพาเด็กมาขอทาน ผมเห็นแล้วถึงกับอุทานในใจว่าผมได้รับคำสั่งมาทำอะไร แล้วแบบนี้เด็กจะมองผมเป็นคนยังไง เพราะเขาไม่มีวันเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่โดยเฉพาะความจริง ผมไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามแผนต่อไป เฝ้ามองไม่ให้พวกมันเห็นจะได้ไม่คลาดสายตา
ผมจับตาดูพบท่าทีน่าสงสัยพบว่าเด็กพวกนั้นนั่งเยื้องกัน แต่สายตาเหมือนพูดแทนปาก ราวกับว่ากำลังส่งสัญญาณหนีและมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกมันอาศัยตอนที่พวกคนในแก๊งสายโทรศัพท์เข้า พวกเด็กถึงหนีอย่างสะดวก ผมรีบวิ่งตามไปจะได้ตามจับตัวมันทัน
“หยุดนะ ไอ้พวกเด็กเวร”
ผมกับผู้ชายคนนั้นวิ่งตามช่วยไปให้ทัน บอกเลยว่าเด็กพวกนั้นก่อนจับตัวมา เป็นนักกีฬาเก่ามาก่อนหรือไง วิ่งสี่คูณร้อยหรือวิ่งทุกประเภทไวจนผมตามจับไม่ได้ หรือมันเป็นนักกีฬาวิ่งราวก่อนโดนจับตัวมากันแน่ เมื่อผมคิดว่าผมกับเขาเอาไม่อยู่ เรียกกำลังเสริมมาทันที
“กูขอกำลังเสริมด่วน มาให้ไวเลย”
ผมวิ่งไปดักให้ไวที่สุดแต่ยังไม่ทันพวกมัน แล้วในตอนนั้นเองผมเห็นเด็กวิ่งไปชนชาวบ้านกำลังพลาดท่าที่จะหลบหนีพ้นแล้ว ผมรีบวิ่งไปคว้าตัวมันไว้แล้วปิดปากไม่ให้มันโวยวาย มันพูดใส่ป้าตรงหน้าเลยว่าผมโดนจับตัวมา ผมไม่รู้จักผู้ชายคนนี้และไม่ใช่พี่ชายผมด้วย ผมตกใจรีบแก้ต่างด้วยวิธีเหมือนในละครโทรทัศน์
“น้องหมูมินครับ ทำไมหนีพี่ไปเล่นเกมอีกแล้ว”
“เด็กติดเกมเหรอ”
“ไม่ใช่นะพี่”
ผมพยายามปฏิเสธทุกสิ่งที่เขาปั้นเรื่องขึ้นมา แต่ป้าก็ไม่เชื่อผมและหาว่าป้ามีลูกชายติดเกมต้องตามไปจัดการ ทำให้ป้าคล้อยตามแล้วคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ผมกรีดร้องโวยวายก่อนจะโดนต่อยท้องเต็มแรง
“มานี่...”
นอร์ทกลัวว่าคนในแก๊งจะสงสัยและคิดว่าผมช่วยเด็กทั้งที่ใจผมอยากช่วยแต่ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องหลอกตาพวกมันจะได้ไม่สงสัยว่าผมคิดจะทรยศหักหลังกันเอง ผมจับเด็กคนนั้นพิงกำแพงรั้วแล้วเอามือทั้งสองค้ำไม่ให้น้องเขาออกไป จ้องหน้าใกล้ ๆ แทบจะกลืนกิน
“ออกไปนะ ไอ้โรคจิต”
“ไม่เอาสิ จู้บบ”
ผมตกใจเพราะผมไม่คิดว่าผู้ชายหน้าโจรแบบนี้จะใจเกเรชอบผู้ชายด้วยกัน เวลาโดนลงโทษถ้าเป็นคนพวกนั้นซ้อมเตะไม่ยั้งทำเหมือนผมไม่ใช่คน ผิดกับไอ้สัตว์นรกนี้มันกำลังข่มขืนผม ผมโดนมันจูบแล้วไซร้คอทั้งที่ผมเป็นเด็กมันก็ยังคิดโรคจิต ต้องวิปริตหื่นไม่เลือกหรือไง
จู้บบบ
ปึกกก
ผมโดนเด็กคนนั้นต่อยเข้าเบ้าตาพร้อมเข้าที่แขนซ้ำเต็มแรง ผมอ่อนแรงก่อนที่มันจะฉวยโอกาสวิ่งหนี ผมเจ็บแต่ต้องวิ่งตามจับมันเพราะถ้ามันไปลากตำรวจมาได้ ผมจะโดนไปด้วย แต่ผมไม่ยอมหรอก ไอ้หัวหน้าแก๊งมันเห็นผมเจ็บมันก็ช่วยผมแล้ววิ่งตามไปทันที
“ฮึกกก ฮือออ”
อีกด้านหนึ่ง ฉายหลิงเดินทางมาเที่ยวโลกมนุษย์ ผมไม่รู้จะไปไหนดีเพราะว่าผมมายังไม่นาน พวกรุ่นพี่เขามาอาศัยก่อนผม อะไรก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าผมสุ่มพิกัดมาที่หมู่บ้านริมน้ำเพราะเห็นว่าวันเสาร์มีตลาดน้ำเผื่อผมจะหาของอร่อยได้ ในขณะที่ผมเดินไปตามทางเดินคิดเรื่อยเปื่อย ผมตกใจเมื่อมีอะไรวิ่งมาชนตรงหน้า พบว่าเป็นเด็กผู้ชายตัวผอมเล็กหน้าตามีรอยแดง ผมเห็นแล้วตกใจเพราะมันเหมือนเลือด ผมตั้งสติก่อนจะพาเด็กคนนี้ไปหลบก่อน ดูจากสีหน้าแล้วราวกับวิ่งหนีอะไรมา
“มันไปไหนแล้ว”
นอร์ทและคนอื่น ๆ วิ่งตามหาเด็กอีกคน ถ้าใครหลุดไปแจ้งตำรวจได้บอกเลยว่าเดือดร้อนแน่นอน ผมได้นอนห้องกรงขังลืมไปตลอดชีวิตเพราะนี่มันผิดศีลธรรมความเป็นมนุษย์มาก เมื่อหาไม่เจอผมก็บอกให้แยกย้ายกันไปหาจะได้เร็วขึ้น
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
ฉายหลิงเห็นแล้วรู้สึกสงสารแทนเพราะโดนจับตัวมาทำงานผิดศีลธรรมเหนือกฎหมาย ผมเห็นแบบนี้แล้วรับไม่ได้เลย แต่จะว่าไปทำไมผู้ชายคนนั้นหน้าตาและเสียงคุ้นมากเลย ราวกับผมเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนเลย ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ
ในคืนนั้น
นอร์ทกลับมาที่ห้องพักในคอนโดด้วยความเหนื่อยล้า แต่ในมือผมไม่มามือเปล่า ผมถือน้ำสไปร์ท ผัดไทยกุ้งสดไม่มีถั่วงอก และข้าวผัดต้มยำที่ซื้อจากศูนย์อาหารของศูนย์การค้ามาด้วย เวลาผมท้องหิวกินเหมือนลืมตายเลยก็ว่าได้ ผมเปิดประตูห้องเข้ามาพบว่าปอแก้วเข้ามารอผมสักพัก ผมเคยให้คีย์การ์ดเขาไปถึงได้เข้าเหมือนเป็นห้องของตัวเอง ผมเห็นแล้วเข้าไปวางของก่อนแล้วเปิดน้ำอัดลมดื่มด้วยความเหนื่อย
“ป้อนให้ไหม”
“อะไรมึงเนี่ย กูไม่ใช่แฟนมึงนะ”
“แล้วยูยิ้มล่ะ”
ผมตกใจเมื่อเขาพูดชื่อนี้ออกมาเพราะผมรู้จักเขาเมื่อเช้านี้ เมื่อได้ยินชื่อมันทำให้ผมใจเต้นแรงแต่ผมไม่ได้ชอบอะไรเขาหรอก แค่คิดถึงสิ่งที่เขามาแซวผมมันทำให้ผมชอบและยิ้มในสถานการณ์นั้นไปแล้ว
“ไอ้นอร์ท เหม่อขนาดนี้แต่งงานกับเขาแล้วมั้ง”
“เข้าห้องหอแล้ว เห้ยยไม่ใช่ อื้อออ” ผมตกใจเพราะผมเหม่อลอยยกกระป๋องน้ำอัดลมจนจะอมมันเข้าปากแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา ชื่อก็รู้จักแค่ชื่อเล่น นิสัยใจคอผมยังไม่รู้เลยแล้วจะไปคิดเกินเลยขนาดนั้นได้ยังไง
“กูยังไม่รู้จักเขามากพอเลย”
“นึกว่ามึงเห็นครั้งแรกแล้วก็ชอบเลย เอาเถอะ กูไม่แซวแล้วก็ได้ ถมอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่าไงล่ะ”
ผมเปิดกล่องข้าวผัดต้มยำทะเลเป็นอย่างแรก ผมหยิบช้อนตักข้าวเข้าปากคำแรก ผมกำลังลิ้มรสความเผ็ดน้องของข้าวผัดต้มยำบวกกับกุ้งและปลาหมึกที่ใส่มา พร้อมยกกระป๋องน้ำสไปร์ท เพื่อนผมถามอะไรบางอย่างทำให้ผมสำลักออกมา ไอเต็มแรงเพราะคำถามของมันเหมือนเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ลับหลัง
“แกทำอะไรเด็กคนนั้นเหรอ...”