ในร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เป็นเวลาที่ใครหลายคนกำลังจะดินเนอร์ บ้างก็เพิ่งจะเลิกงาน ส่วนหนึ่งก็พากันมาดื่มกินในร้านแห่งนี้ ก่อนกลับ มันหรูหรา เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่อาณาบริเวณของร้านจัดตกแต่งแบบส่วนหย่อม ประดับประดาด้วยไฟสีเหลืองส้ม เปิดเพลงบรรเลง คลอเคล้าเบาๆ ทำให้ช่วงเวลาหลังเลิกงานผ่อนคลายได้อย่างมาก ร้านนี้เป็นร้าน ที่เหล่าคนดังไฮโซ เซเลบริตี้ หรือแม้กระทั่งดาราก็นิยมมานั่งผ่อนคลาย เพราะ เจ้าของร้านก็เป็นเซเลบริตี้คนดัง
และวันนี้เป็นอีกวันที่หนุ่มหล่อไฮโซในฝันของสาวๆอย่างซีโน่ อติภัทร เวเดอร์ วรสกุลเกริกเกียรติ หนุ่มลูกครึ่งไทย - อเมริกัน วัยสามสิบเจ็ดปี รูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลา ไว้เคราสุดเซ็กซี่ ชายหนุ่มเป็นถึงประธานบริษัทและเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในเมืองไทยและร่ำรวยติดหนึ่งในห้าของเมืองไทยด้วย แถมยัง ให้เกียรติมานั่งเรียกลูกค้าให้กับเจ้าของร้านอีกต่างหาก
“สวัสดีครับซี เป็นเกียรติมากครับที่คุณซีให้เกียรติมานั่งดื่มเหล้าในร้านเล็กๆ ของเรา” น้ำเสียงทุ้มนุ่มและสุภาพแต่แฝงไว้ด้วยความกวนเล็กๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งศีรษะ
“จะเป็นเกียรติมากถ้าเจ้าของร้านมานั่งกับผม” อติภัทรหรือชายหนุ่มผู้ ถูกเรียกว่าคุณซีนั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสำเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร พลางยกเหล้าขึ้นดื่ม ขณะที่ดวงตาคมกริบสีเหล็กไม่ได้มองไปที่คนพูดแม้แต่น้อย
“เกรงว่าท่านจะได้เสียค่าดริ้งค์หนักหน่อยนะครับ” คนมาต้อนรับเอ่ยยิ้มๆ
“ให้ไม่อั้นเลย” อติภัทรตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มขึ้น พลางปรายตามอง คน ที่ยืนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“งั้นไม่เกรงใจนะครับท่าน” พูดจบคนมาต้อนรับก็ถือโอกาสนั่งลงตรงหน้า อติภัทรทันที พร้อมกับวาดวงแขนไว้บนพนักพิงอย่างผ่อนคลายราวกับคนละคนที่ยืนพูดเลยทีเดียว
“เมื่อกี้ยังทำท่าเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่เลย ไหงตอนนี้ดูท่าทางจองหองสิ้นดี” อติภัทร เอ่ยถามด้วยความหมั่นไส้
“ก็เมื่อกี้ฉันมาต้อนรับแกไง ก็เลยต้องทางการหน่อย” สรรพนามเรียกอติภัทรเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที และกลับสู่สถานะเพื่อนสนิท
“หึ เป็นคุณซีอยู่แปบนึง เปลี่ยนเป็นแกซะงั้น” อติภัทรตอบกลับพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
“มันไม่ชินปากนี่หว่า แต่นั่นฉันเรียกประชด ว่าแต่คืนนี้ได้ทั้งคืนไหม” ดูเหมือนว่าตรีเทพอยากจะชวนเพื่อนดื่มเสียแล้ว
“ไม่! แวะมาดื่มด้วย เดี๋ยวก็กลับแล้ว” น้ำเสียงของอติภัทรเปลี่ยนไปทันที ราวกับกำลังเครียด
“อะไรวะ ช่วงนี้เป็นอะไรกลับบ้านเร็วตลอดเลย”
“ช่วงนี้ตัวแสบไม่มีพี่เลี้ยง เลยต้องกลับไปดูแลเอง”
“โตขนาดนั้นแล้วต้องดูแลด้วยเหรอวะ เข้านอนเองได้มั้งป้านวลก็ดูแลไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ให้ป้านวลยุ่ง แกไม่มีลูกจะรู้อะไร วัยหัวเลี้ยวหัวต่อห่างไม่ได้ ฉันไม่อยากให้อยู่คนเดียวคราวละนานๆ ดื่มเสร็จแล้วฉันจะกลับเลย”
“ท่าทางเครียดนะคุณซีโน่” เรียกประชดอีกแล้วสินะ ตรีเทพ
“อืม ช่วงนี้ตัวแสบขี้วีนบ่อยเอาแต่ใจ ฉันเลยพาลปวดหัว เครียดน่ะ”
“พี่เลี้ยงลาออกอีกแล้วเหรอ ปีนี้หมดพี่เลี้ยงไปกี่คนแล้ววะคุณซีโน่”
“สี่คน รับมือไม่ไหว ไม่ใช่ว่าตัวแสบมันดื้อดึงหรอกนะ แต่พี่เลี้ยงที่ผ่านมา ก็ ไม่โอเค” เมื่ออติภัทรพูดว่าไม่โอเคเท่านั้นแหละเพื่อนรักก็หัวเราะลั่นทันที เพราะเข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่โอเค
“ฮ่าๆๆ พี่เลี้ยงเอาเวลาทำงานบ้านมาอ่อยแกละสิท่า ใช่ไหม” ตรีเทพ หัวเราะร่าและรู้ทันเสมอ
“เออว่ะ แต่ละคนก็เด็กทั้งนั้น เก่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำอาหารเก่ง แต่ดูแล ตาแดนอย่างใกล้ชิดไม่ได้ เก็บกวาดเก่ง แต่อาหารไม่ได้เรื่อง ที่ได้เรื่องคืออ่อยเก่ง ทุกคน” อติภัทรจำเป็นต้องพูดความจริงทั้งที่ไม่อยากเอาพี่เลี้ยงเก่ามาขายหน้า แต่มันเป็นเช่นนั้น แต่ก็นะเจ้าของบ้านหล่อขั้นเทพเสียขนาดนี้ ใครจะไม่อยากอ่อย
“แกต้องยอมรับตัวเองวะซี แกมันน่าอ่อยนี่หว่า พ่อหม้ายเนื้อหอมเหลือเกิน ลูกครึ่ง หล่อล่ำ กล้ามโต สุภาพอ่อนโยน แอบเร่าร้อนนิดๆ ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน ไม่แตะต้องสาว เหมือนแอบเป็นเกย์เล็กๆ ว่าแต่พี่เลี้ยงอ่อยนี่ได้ผลสักคนหรือเปล่า”
“หึ ฉันไม่ยอมให้เห็นขาอ่อนง่ายๆ หรอกน่า ไม่เอาหรอก” อติภัทรแทบ จะไม่สนใจเรื่องแบบนี้เสียด้วยซ้ำไป
“นี่แหละที่ฉันสงสัยอยู่ว่าแกแอบเป็นเกย์ตอนแก่หรือเปล่า” ตรีเทพยังไม่เลิกแซวเพื่อน
“ไอ้บ้า แก่จนป่านนี้แล้วเพิ่งจะอยากเป็นหรือยังไง ฉันแค่ไม่ชอบ และมีคติว่าไม่เป็นสมภารกินไก่วัดแน่นอน”
“ไม่แน่ถ้าแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงน่ากินใช่ไหม” รู้ใจกันไปหมด
“เลิกล้อฉันเล่นซะที กำลังเครียดอยู่นะโว้ย” พูดจบเขาก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง
“เครียดอะไรนักหนาวะเพื่อน พี่เลี้ยงลาออกก็หาใหม่ก็ยังได้ มันจะยากอะไร”
“มันไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ฉันไม่ได้ปิดประกาศหน้าบ้าน ได้มาเพราะ เป็นลูกหลานแม่บ้าน แม่ครัว บ้างก็แนะนำกันมา ทว่าแต่ละคนก็อย่างที่บอก”
“ให้แนะนำเอาไหม ฉันว่าแกปิดประกาศที่หน้าบริษัทแกดีไหม ในเว็บไซต์หรือแฟนเพจบริษัท เปิดรับสมัครพี่เลี้ยงของคุณชายน้อยแดเนียล สามารถเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงได้ในคนเดียวกันเป็นเมียเจ้าของบ้านด้วยก็ได้ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษาขอแค่ดูแลเอาใจใส่ตาแดนเป็นอย่างดี”
“กวนประสาท แต่เป็นความคิดที่ดีนะ ฉันกำลังเครียดๆ น่ะเลยคิดแผน อะไรไม่ออก มีแกช่วยคิดก็ดีไปอย่าง ขอบใจ”
“ยินดีมากๆ มีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแกตัดปัญหาเรื่องพี่เลี้ยงตาแดน”
“วิธีไหนวะ” อติภัทรถามพลางขมวดคิ้วทันที
“หาแม่ให้ตาแดนไง ได้เมียได้แม่ของลูกด้วย ฟินกันไป หืม”
“แหม ชี้โพรงให้กระรอกจริงๆ ไม่เอา หาแม่บ้านให้มันได้เสียก่อน”
“งั้นเอาตามแผนแรกก็แล้วกัน”
“นั่นแหละถูกต้องแล้ว ขอบใจอีกครั้ง หมดแก้วนี้จะกลับแล้ว” ให้ตายสิอยู่ๆ เพื่อนรักก็จะกลับเสียดื้อๆ ทั้งที่เพิ่งจะมานั่งด้วยแท้ๆ
“หา! วะ… ว่าไงนะ เพิ่งนั่งด้วยนะเนี่ย ยังไม่ได้ดื่มด้วยเลยคุณซี”
“บอกแล้วว่าจะรีบกลับไปหาตัวแสบ ไม่รู้ป่านนี้ทำการบ้านหรือยัง”
“เฮ้ย! อายุ 14 แล้วนะ เป็นวัยรุ่นแล้ว เป็นฝรั่งด้วย ปล่อยๆ บ้างนะซี”
“เป็นฝรั่งลูกเสี้ยว และเป็นลูกฉัน เรียกเด็กมาเก็บเงินดีกว่า จะกลับจริงๆ ไว้โอกาสหน้าฉันจะมาใหม่”
“ก็ยังดีวะที่ช่วยเรียกแขกให้วันนี้ ลูกค้าสาวๆ เพียบ เพราะเขาพากันเข้ามา นั่งมองหน้าแกคนเดียวเลย กลับเหอะเรื่องเครื่องดื่มเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“เอางั้นก็ได้” พูดจบอติภัทรก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาพร้อมกับควักแบงค์ สีเทาวางไว้บนโต๊ะให้หนึ่งใบ เพราะเขาสามารถคำนวณได้ด้วยตาว่าหมดไม่เกินนี้ และเหล้ามันไม่ได้แพงขนาดนั้น
“บอกแล้วว่าไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง” เพื่อนรักบอกอย่างเกรงใจ
“ฉันมาอุดหนุนไม่ได้มากินฟรีเสียหน่อย”
“อ๋อครับท่าน เดินทางปลอดภัย” ในเมื่อเลี้ยงฟรีไม่ได้ก็จำเป็นต้องรับ เงินเพื่อนอย่างจำใจ
“บายวะเพื่อน” จากนั้นอติภัทรก็ลุกออกไปจากร้านทันที ความจริงแล้ว อติภัทรไม่ได้มานั่งดื่มเพียงลำพัง หากแต่บรรดาผู้ติดตามประมาณสามคนพากัน นั่งดื่มอยู่ตรงหน้าร้านตามมารยาท ที่ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเจ้านายเท่านั้นเอง และเมื่อทั้งสามคนเห็นเจ้านายเดินออกมาก็ต่างลุกจากเก้าอี้ทันที
“คือ จะกลับแล้วเหรอครับ” ผู้ติดตามคนหนึ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจเพราะ อติภัทรเข้าร้านเพียงแปบเดียวเท่านั้น
“อืม จะกลับแล้ว อยากกลับหรือยังล่ะ” อติภัทรถามกลับเพราะคิดว่าลูกน้องคงอยากอยู่ต่อ
“เอ่อ กลับก็ได้ครับคุณท่าน” ฟังน้ำเสียงดูจะไม่อยากกลับสักเท่าไหร่
“ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าอยากดื่มก็ดื่มกันเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถกลับเองได้ นั่งแท็กซี่กลับได้หรือเปล่าล่ะ” ดูเหมือนว่าคืนนี้เจ้านายจะให้อิสระลูกน้องสินะ
“พวกเราพาคุณท่านกลับดีกว่าครับ ขับรถเองมันอันตราย”
“ไม่ต้องห่วงนะ ตามสบายเถอะไม่ได้พักผ่อนกันมานานแล้วนี่” พูดจบอติภัทรก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากเสื้อสูทพร้อมกับควักเงินจำนวนไม่น้อยให้กับลูกน้อง ดื่มกินได้อย่างตามใจ
“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ” ลูกน้องหนุ่มบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไร รับไปเถอะ” อติภัทรบอกอย่างอ่อนโยน สามหนุ่มจึงรับไปอย่างขอบคุณแล้วก็ยื่นกุญแจรถให้ อติภัทรจึงได้ปลีกตัวกลับเพียงลำพัง และขับรถเอง ในรอบหนึ่งอาทิตย์กระมัง เพราะส่วนใหญ่แล้วลูกน้องเป็นคนขับให้เสียมากกว่า