บทที่ 10 ช่วยคน

2311 Words
จดหมายที่หลินจื่อเว่ยให้คนส่งออกไปมีสองฉบับ อีกฉบับหนึ่งส่งไปที่จวนสกุลฉีอันเป็นสกุลเดิมของมารดาแต่เมื่อมาถึงมือของท่านเสนาบดีฝ่ายตรวจสอบฉีเซี่ยงที่มีฐานะเป็นท่านตาของนาง ทว่าจดหมายฉบับนั้นยังไม่ถูกเปิดอ่านก็ถูกทำลายทิ้งเสียแล้ว ในขณะที่หลินจื่อเว่ยกำลังขดกายอยู่ในมุมหนึ่งของเรือนเก็บฟืนด้วยร่างกายสั่นระริกดูเหมือนว่าคืนนี้อากาศจะหนาวกว่าทุกวัน หลินจื่อเว่ยจึงรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกความหนาวเย็นเยียบฆ่าให้ตายอย่างช้า ๆ แต่จู่ ๆ ประตูเรือนไม้ของนางกลับเปิดออกและมีร่างสูงของคนผู้หนึ่งที่หลินจื่อเว่ยมองไม่เห็นใบหน้ายืนขวางอยู่ตรงนั้น หลินจื่อเว่ยมองเขาด้วยความสงสัย กระทั่งน้ำเสียงที่ไม่ได้ดูเร่งร้อนนั้นดังขึ้น "ท่านหญิงหลินจื่อเว่ยใช่หรือไม่" คนผู้นี้ไม่รู้จักนาง เขาคือผู้ใดนางจึงไม่กล้าที่จะตอบออกไป ท่าทางของเขาที่มาช่วยนางก็ไม่ได้ดูรีบร้อนนัก นั่นหมายความว่าเขาได้วางแผนพาคนหลบหนีมาอย่างดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญประดุจทหารผู้ผ่านการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เขาเห็นนางไม่พูด คิดว่านางอาจจะกลัวจึงได้แสดงตัวออกไป "ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยท่านหญิงหลินจื่อเว่ยออกจากจวน" หลินจื่อเว่ยได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยถามออกไป "เจ้าเป็นใครกัน ถึงคิดมาช่วยข้า ช่วยข้าออกไปแล้วจะพาข้าไปที่ใด" "ข้ามาช่วยท่านตามคำสั่ง ช่วยเสร็จแล้วท่านจะไปที่ใดก็เรื่องของท่าน" "แสดงว่า แค่มาช่วยข้าแล้วปล่อยข้าเอาไว้คนเดียวให้ไปตายเอาดาบหน้าใช่หรือไม่" ทหารซื่อบื้อนั้นยืนนิ่ง คำสั่งที่เขาได้รับคือช่วยนางออกจากจวนส่วนหลังจากนั้นจะเกิดเรื่องอันใดก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยเช่นเขาย่อมไม่มีผู้ใดมาอธิบายแผนการยืดยาวให้ฟัง เขาจึงเอ่ยออกมาว่า "ข้ารู้แค่ต้องช่วยท่านออกไปเท่านั้นจริง ๆ วางใจเถิดข้าไม่ได้มาเพื่อฆ่าท่านเป็นแน่ เร็วเข้ารีบออกไป" หลินจื่อเว่ยคิดประเมินคำตอบ คนผู้นี้ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจและการมาช่วยนางครานี้ก็ดูเหมือนมาปลดปล่อยเชลยสงครามมากกว่ามาช่วยคู่หมั้น คนที่ลงมือทำเช่นนี้นางจึงมั่นใจหลายส่วนว่าต้องคือโม่หรานอ๋อง ในที่สุดเขาก็ได้รับจดหมายของนางและสนใจผลประโยชน์ที่นางยื่นให้จริง ๆ ใช่หรือไม่ หลินจื่อเว่ยขยับตัว รู้สึกว่าร่างแข็งจนลุกไม่ขึ้นเท้าทั้งสองข้างของนางชาจนแทบจะหลุดออกมาจากกัน แม้จะฝืนร่างกายอย่างไรก็ไม่อาจขยับได้ เมื่อใจหนึ่งยังคิดที่จะออกไป ทว่าใจหนึ่งกลับใคร่ครวญถึงเรื่องบางอย่าง หากนางออกไปแล้วเขาปล่อยนางทิ้งไว้กลางทาง ดึกดื่นกับอากาศหนาวจนแทบฆ่าคนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยสักนิด แล้วนางจะไปพึ่งผู้ใดได้ จะไปเคาะประตูบ้านผู้ใดหรือ และหากไปเจอคนไม่ดีเข้านางจะทำเช่นใด ใจหนึ่งนางคิดที่จะไปหาท่านตาของตนเอง ยามที่อยู่ในร่างแมวนางเคยติดสอยห้อยตามเจ้าของร่างเดิมไปจวนของเสนาบดีฝ่ายตรวจสอบฉีเซี่ยงผู้เป็นท่านตามาหนหนึ่ง ขนาดนั่งรถม้ายังต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม จวนเสนาบดีฉีไกลเกินไปไม่เท่ากับฆ่าตัวตายหรอกหรือ และที่สำคัญขนาดเกิดเรื่องกับมารดาของนางท่านตาผู้นั้นยังไม่โผล่หน้ามาที่จวนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเลยสักหน จดหมายที่นางส่งไปขอความช่วยเหลือนั้นเสนาบดีฉีเซี่ยงก็คงได้รับแล้ว นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าเขาได้ตัดญาติจากหลานสาวเช่นนางไปแล้วอย่างแน่นอน อีกประการหนึ่ง หากนางหายไปจากจวนมิใช่ว่าโอกาสของหลินหลงจะมาถึงหรือ คุณหนูในห้องหอที่หายออกไปจากจวนกลางดึกอย่างไรก็เสื่อมเสีย ตำแหน่งพระชายาของนางมีสุนัขจ้องตะครุบหากนางออกไปย่อมไม่เท่ากับทำให้ตนเองเสื่อมเสียหรอกหรือ เอาเถิดข้าพนันทั้งหมดด้วยชีวิตแล้ว อย่างไรก็ต้องรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ให้ดี "เจ้าปิดประตูเถิด ข้าหนาวจะแย่อยู่แล้ว ข้าไม่ไป" "ท่านไม่ไปหรือ" "ไม่ไป หากอยากช่วยข้าจริง ๆ แทนที่จะพาข้าหนีแล้วทิ้งข้าให้หนาวตายอยู่ข้างนอก ข้าฝากคำสักประโยคไปบอกนายของเจ้าก็แล้วกัน" ในเมื่อคนไม่ยอมไปทหารนายนั้นก็ไม่พยายามอีก เรื่องนี้อย่างไรคำสั่งก็คือแล้วแต่นาง "ท่านว่ามาเถิด ข้าจะช่วยท่าน" ทหารนายนี้ยังมีน้ำใจอยู่มาก หลินจื่อเว่ยคิดว่าคนที่มีลูกน้องซื่อสัตย์และเป็นคนดีย่อมมีเจ้านายที่ดีคนหนึ่ง "เรื่องที่ข้าเขียนในจดหมายข้ามิได้โกหก ชื่อเสียงของข้าไม่อาจเสื่อมเสีย อย่าทำตัวเป็นโจรป่ามาลักตัวคน ข้าจะรอเขามารับข้าอย่างสง่าผ่าเผยมิใช่หนีออกไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้" คนผู้นั้นถึงกับอ้าปากค้างกับคำของหลินจื่อเว่ย เขาไม่เห็นใบหน้าของนางเพราะอยู่ในความมืด เพียงแต่ได้ยินน้ำเสียงแหบโหยนั้นดังออกมาจากมุมหนึ่งเท่านั้น จวนโม่อ๋อง องครักษ์หวงจิ่งกลับมารายงาน โม่อ๋องเองก็คิดไม่ถึงว่านางจะไม่ยอมหนีออกมา ในเมื่อเขาให้คนไปช่วยถึงที่นั่นแล้ว "ท่านอ๋อง ท่านหญิงยังบอกว่าจะรอท่านอย่างสง่าผ่าเผย ให้ท่านทำตัวเฉกเช่นคนทั่วไปเขาทำกัน มิใช่ทำตัวเป็นโจรป่าเช่นนี้ และที่สำคัญสิ่งที่นางยื่นข้อเสนอเพื่อแลกกับการช่วยเหลือครั้งนี้นางย้ำมาว่าสามารถทำได้จริง ๆ" แรกเริ่มที่ได้ยินว่านางไม่ยอมหนีออกมากับทหารของเขาคิ้วรูปกระบี่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ ไอสังหารแผ่ออกรอบกาย ก่อนจะหัวเราะเย็นชาออกมาจนองครักษ์หวงจิ่งประหลาดใจ ท่านอ๋องคล้ายจะมีโทสะ แต่ว่ายามนี้คล้ายจะพึงพอใจกับคำตอบของนาง นานมากแล้วที่หวงจิ่งไม่เห็นว่าท่านอ๋องจะพึงใจสตรีใดเช่นนี้ "นางยังรู้ว่าเป็นข้าที่ส่งคนไป หวงจิ่งข้าประเมินนางต่ำเกินไปจริง ๆ นางช่างเป็นสตรีใกล้ตายที่อวดดีโดยแท้" หากคนผู้อื่นได้ฟังคำนี้ของโม่หรานคงคิดว่าเขากำลังด่าหลินจื่อเว่ย แต่คนที่รู้ใจโม่หรานยิ่งกว่าพยาธิที่อยู่ในท้องเช่นจิ่งอีจึงรู้ดีว่าท่านอ๋องของเขากำลังชื่นชมหลินจื่อเว่ย สิ่งนี้ยิ่งทำให้หวงจิ่งตกตะลึง หรือว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตก ท่านอ๋องจึงสนใจสตรีนางหนึ่งจนถึงขั้นยอมทำตามคำของนางได้เพียงนี้ ยามสายวันต่อมาหานกงกงก็นำพระราชเสาวนีย์ขององค์ไทเฮามาที่จวนหลินอ๋อง "ไทเฮารับสั่ง โม่หรานอ๋องพระทัยร้อนหลังกลับจากชายแดนต้องการพบท่านหญิงหลินจื่อเว่ยพระคู่หมั้นเพื่อกำหนดวันวิวาห์ ไทเฮายินดียิ่งก่อนกำหนดวันพบหน้าขอให้นำท่านหญิงหลินจื่อเว่ยเข้าวังเพื่ออบรมธรรมเนียมของการเป็นพระชายาในวันนี้" พระชายาหลินอ๋องเลี่ยงลี่ถึงกับใบหน้าถอดสี หลินจื่อเว่ยถูกกักขังอยู่ในเรือนฟืน อาจจะตายแล้วก็เป็นได้ยามนี้ไทเฮาส่งคนมาตาม หากพบว่านางตายทั้งยังถูกคุมขัง ความผิดทำร้ายคู่หมั้นโม่หรานอ๋องจะทำเช่นใด ผู้ใดจะรับผิดชอบกัน ยิ่งคิดนางยิ่งรู้สึกเหงื่อไหลพลั่ก ไอร้อนแห่งความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลัง ปากของนางยังหนักคล้ายมีคนเอาหินมาถ่วงเอาไว้ นางเข่าอ่อนจนไม่อาจลุกขึ้นจนหานกงกงบังเกิดความสงสัย "พระชายาหลินอ๋องไม่ทราบว่าท่านไม่สบายหรือไม่ พวกบ่าวไร้ประโยชน์ไยไม่รีบประคองพระชายาหลินอ๋องให้ลุกขึ้น" หานกงกงเป็นคนสนิทของไทเฮา แม้แต่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักยังต้องไว้หน้าเขาหลายส่วน น้ำเสียงอันทรงอำนาจของหานกงกงผู้ยิ่งใหญ่จึงทำให้นางหวาดกลัวจนมือสั่น เมื่อบ่าวประคองพระชายาหลินอ๋องนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว หานกงกงจึงถูกเชิญให้นั่งลงในเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ข้างกายเขาคือกงกงชั้นผู้น้อยใบหน้างามล้ำสองคนที่ดูอย่างไรก็คล้ายสตรี พวกเขาหลุบดวงตาลงต่ำมองเพียงฝ่าเท้าตนเองท่าทางนอบน้อมยิ่งนัก ในขณะที่หานกงกงหลังจากเอ่ยรับสั่งแล้วก็นั่งอย่างสงบไม่เอ่ยคำใดอีก แน่นอนว่าเขากำลังรอหลินจื่อเว่ยเพื่อขึ้นรถม้ากลับวังหลวงไปด้วยกัน กว่าที่พระชายาหลินอ๋องจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยได้ ก็ระงับความหวาดกลัวในใจเป็นร้อยครั้ง "ท่านหานกงกง คือว่าท่านหญิงหลินจื่อเว่ยผู้ใดก็รู้ว่านางร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด บัดนี้ยังเจ็บป่วยไม่อาจลุกจากเตียงไหวดังนั้นคงต้องรบกวนท่านกลับไปกราบทูลไทเฮา ข้าเองรู้สึกผิดนักแม้จะให้หมอฝีมือดีดูแลอย่างไรนางก็ยังไม่ดีขึ้น อีกอย่างนางพึ่งสูญเสียมารดาจะแต่งออกได้อย่างไรผิดธรรมเนียมยิ่งนัก" หานกงกงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเย็นชา "พระชายาหลินอ๋อง นี่ท่านกำลังจะบอกข้าว่าไทเฮาไม่รู้ประเพณีเร่งรีบให้ท่านหญิงแต่งกับท่านอ๋องหรือ จะไม่บังอาจไปหรือ ศีรษะพระชายาหลินอ๋องมีกี่หัวกันจึงได้กล้าดีเช่นนี้" หานกงกงเป็นคนพูดตรง คำสั่งที่ได้รับเด็ดขาดวันนี้คืออย่างไรก็ต้องพาตัวหลินจื่อเว่ยไปให้ได้ เขาย่อมไม่หวาดกลัวที่จะมาที่นี่ เป็นพระชายาหลินอ๋องแล้วอย่างไร หลินอ๋องผู้นี้ไร้ความสามารถหากไม่ใช่เพราะอดีตฮ่องเต้ฝากฝังกับฝ่าบาทเอาไว้ ว่าให้ช่วยดูแลท่านลุงคนนี้ให้ดีคนเช่นเขาจะยังรั้งตำแหน่งท่านอ๋องได้หรือ พระชายาหลินอ๋องถึงกับเข่าสั่น นางรีบคุกเข่าก้มลงร้องขออภัยโทษ "ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น หานกงกงท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าย่อมรู้ดีที่สุดว่าไทเฮาคือผู้ที่สูงส่งรับสั่งของไทเฮาคือวาจาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเลอะเลือนไปแล้ว ท่านได้โปรดอย่านำเรื่องนี้ไปกราบทูลได้หรือไม่ ข้าเพียงแค่เป็นห่วงว่าหากนำบุตรสาวคนนี้ที่ล้มป่วยติดเตียงร่างกายอ่อนแอเข้าวังหลวงนางจะทำให้ไทเฮาทรงลำบากพระทัย" หานกงกงรู้สึกผิดปกติ พระชายาหลินอ๋องดูเหมือนไม่ต้องการให้ท่านหญิงหลินจื่อเว่ยออกจากจวน ยังหาข้ออ้างสารพัดทั้งไม่ส่งเสริมให้ลูกเลี้ยงได้ดี ทั้งหาทางกีดกัน มิใช่นางมีแผนร้ายหรอกหรือ เรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงที่เป็นศัตรูกันเขาย่อมได้ยินมาเยอะ แต่เพิ่งเห็นกับตาเป็นครั้งแรก "พระชายาหลินอ๋องคงเป็นเพราะท่านเป็นเพียงบุตรสาวของนายอำเภอเล็ก ๆ คนหนึ่งยังได้รับตำแหน่งพระชายานี้กะทันหันจึงไม่รู้ที่สูงที่ต่ำอยู่บ้างข้าจะไม่ถือสานำความกราบทูล แต่ยามนี้ขอบังอาจเตือนท่าน การที่ท่านหญิงล้มป่วยจวนหลินอ๋องรักษาไม่ได้ ก็มิใช่ว่าวังหลวงจะไม่อาจรักษานาง ตอนนี้ท่านกำลังดูหมิ่นสำนักหมอหลวงว่าไม่อาจรักษาโรคนี้ของท่านหญิงได้ใช่หรือไม่ น้ำพระทัยของไทเฮาล้นเหลือ ยื่นพระหัตถ์มาช่วยเหลือเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันท์ญาติมิตร แต่ดูท่านยามนี้นอกจากจะดื้อดึงขัดรับสั่งยังเห็นสำนักหมอหลวงเป็นสิ่งใดกัน" ประตูโรงเก็บฟืนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ครานี้จินเจารีบถลาเข้ามาหานาง พบร่างบอบบางของนายสาวนอนหายใจรวยระรินคล้ายคนจะสิ้นใจอยู่มุมหนึ่งของโรงเก็บฟืน สามวันแล้วที่หลินจื่อเว่ยไม่มีอาหารตกถึงท้อง แต่นางยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ข้างนอกนั้นคือพระชายาเลี่ยงลี่ที่ทำสีหน้าคล้ายจะเจ็บปวดยืนมองนางอยู่ ในมือมีแพรพกที่ยกขึ้นซับน้ำตาอยู่หลายครั้ง "พาท่านหญิงกลับเรือน พวกเจ้ารีบไปต้มน้ำอาบผสมสมุนไพรให้ท่านหญิงเร็ว" หลินจื่อเว่ยมองแม่เลี้ยงเสแสร้งนางไม่มีแรงที่จะเอ่ยคำ บ่าวร่างใหญ่อีกนางหนึ่งมาช่วยหิ้วปีกหลินจื่อเว่ยขึ้นมาแล้วแบกนางใส่หลัง จินเจามองท่านหญิงพร้อมกับพยักหน้า "สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ" หลินจื่อเว่ยยิ้มอ่อน เอ่ยขอบคุณจินเจาเบา ๆ ก่อนจะถูกสตรีร่างใหญ่คนนี้พาไปยังเรือนของนางด้วยความเร็วที่แทบจะกลายเป็นวิ่ง พระชายาเลี่ยงลี่มองตามร่างของลูกเลี้ยงผู้อ่อนแอด้วยดวงตาแข็งกร้าว "เดิมทีข้าคิดจะให้เจ้าตายไปเงียบ ๆ ที่นี่ แต่ในเมื่อมีคนยื่นมือมาสอดเช่นนี้ข้าก็จะให้หานกงกงนั่นถูกตราหน้าว่าสังหารเจ้าด้วยมือของเขาเอง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD