บทที่ 3 ตำแหน่งท่านหญิง

1357 Words
​รุ่งเช้าวันต่อมาหลินจื่อเว่ยก็ยังไม่ตื่นคงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ก็ต้องใช้ความพยายามจนเกือบจะรุ่งสาง ในขณะที่จินเจาตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน แม้จะรู้สึกหนาวยะเยือกก็ยังล้างหน้าล้างตาเดินไปที่เรือนครัวดั่งเช่นทุกวัน ป้าเซิงเป็นแม่ครัวประจำจวน นางผู้นี้รูปร่างอ้วนท้วนได้จัดเตรียมอาหารเอาไว้ให้ท่านหญิงหลินจื่อเว่ยแล้ว จินเจาเปิดกล่องอาหารเช้าสำรวจดั่งเช่นทุกวัน เดิมทีคิดว่าวันนี้คงไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไปจากทุกวันทว่าสิ่งที่เห็นนี้กลับทำให้นางมองป้าเซิงด้วยความไม่เข้าใจ "ป้าเซิงอาหารท่านหญิงวันนี้ไยมีเพียงน้ำข้าว กระทั่งซุปบำรุงร่างกายยังไม่จัดเตรียมเอาไว้ให้" จินเจาย่อมรู้ดีว่าป้าเซิงไม่อาจลืมอาหารของท่านหญิงไปได้ หญิงวัยกลางคนผู้นี้อยู่ที่จวนอ๋องมาได้มากกว่าอายุของท่านหญิงเสียอีก ป้าเซิงถอนหายใจยาว ใบหน้าราบเรียบเอ่ยราวกับคนไร้หัวใจ "เป็นพระชายาที่สั่งมา ข้าเป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่งจะขัดรับสั่งได้อย่างไร อีกอย่าง เจ้ายังจะเรียกนางว่าท่านหญิงอีก สตรีนางนั้นเป็นลูกชู้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ในฐานะที่ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กจะสั่งสอนเจ้าสักประโยค อย่ายึดมั่นถือมั่นให้มากในเมื่อคนเขาหมดอำนาจวาสนาเจ้าก็ต้องรีบถอยออกห่าง มิเช่นนั้นคงได้เดือดร้อนไปด้วย" จินเจารู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก "ล้วนเป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี ท่านก็เชื่อด้วยหรือ อดีตพระชายาเป็นคนเช่นใด ท่านหญิงเป็นคนเช่นใดทุกคนก็รู้ น้ำพระทัยของพระชายาหลิวพวกท่านลืมแล้วหรือ" ในยามนั้นเสียงหัวเราะของบ่าวไพร่ในโรงครัวกลับดังขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน "จับได้คาหนังคาเขาเช่นนั้นยังจะแก้ต่างอันใดได้อีก นางเองก็อยู่สู้หน้าไม่ได้ไม่ใช่หรือจึงได้หนีความผิดผูกคอตายไปเช่นนั้น" ร่างเล็กของจินเจาสั่นระริก "พระชายาถูกคนทำร้ายจนสิ้นชีวิต ไม่ใช่ตายเพราะผูกคอเรื่องนั้นเป็นการจัดฉากของคนชั่ว" ป้าเซิงรีบขยับมาใกล้ร่างเล็ก ยกมืออุดปากจินเจาทันใด "เจ้าอย่าตะโกนไป หากไม่อยากเดือดร้อน ข้าวกินซี้ซั้วได้แต่วาจาไม่อาจกล่าวซี้ซั้วออกมาได้ ภัยอาจถึงตัว" ถึงอย่างไรป้าเซิงก็ยังเอ็นดูจินเจาไม่น้อย ที่นางเอ่ยออกไปล้วนหวังดีกับจินเจาทั้งนั้น เพียงแต่เด็กคนนี้ดื้อดึงหากยังทำตัวเช่นนี้อาจจะถูกขับออกจากจวนในสักวัน ยามนั้นผู้ใดก็ไม่อาจช่วยได้แล้ว ในโรงครัวไม่มีใครอยากพูดกับจินเจาอีกแล้ว นางจึงได้แต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่บังเกิดขึ้นมาอย่างอดสู แล้วยกน้ำข้าวไปให้คุณหนูกินปะทังหิว สองขาตรงไปที่เรือนยาประจำจวน เพื่อรับยาของท่านหญิง ทว่าวันนี้ที่เรือนยากลับเงียบเชียบ ไร้คนปรุงยารอเช่นทุกวัน นางมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นผู้ใดสักคน จินเจารู้สึกถึงความไม่ปกติ กระทั่งยาก็ยังไม่ต้มให้ พระชายาหว่านผู้นั้นจะบีบคั้นคนเกินไปแล้ว จินเจาเตร่อยู่หน้าเรือนยาอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมล่าถอยและเดินกลับเรือนเล็กท้ายจวนด้วยน้ำตานองหน้าและเสียงสะอื้นที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ เมื่อกลับมาถึงเรือนเล็กหลินจื่อเว่ยก็ยังไม่ตื่นนางเองก็ไม่ได้ปลุกจึงได้นั่งรออยู่เงียบเชียบด้วยหัวใจที่หดหู่ด้วยความรู้สึกสงสารท่านหญิงของตน ทว่าเพียงไม่นานประตูเรือนเล็กก็ถูกเปิดออก สตรีนางหนึ่งในชุดคลุมสีแดงขนสัตว์ใบหน้าถูกแต่งแต้มงดงามก็เชิดใบหน้าเดินเข้ามาโดยไม่เกรงใจ จินเจาลุกขึ้นทันใดนางยอบกายแล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ "คุณหนูหลินหลง" หลินหลงตวัดสายตาเหี้ยมเกรียมมองจินเจา ส่งน้ำเสียงดุร้ายออกมา "ข้ามีตำแหน่งเป็นท่านหญิงแล้ว ไยยังเรียกข้าว่าคุณหนูอีก คงเพราะมีนายเช่นนั้นจึงไม่ได้สั่งสอนให้ดี ผู้ใดก็ได้ช่วยสั่งสอนนางสักที" ดวงตาเล็กของจินเจาเบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกบ่าวของหลินหลงจับตัวของนางเอาไว้ "ท่านจะทำอะไรข้า" หลินหลงสาดสายตาเย็นเยียบ "ยังต้องถามอีกหรือ สั่งสอนเจ้าอย่างไรเล่า" ก่อนที่ฝ่ามือของบ่าวคนหนึ่งจะเงื้อขึ้นมาแล้วตบลงบนใบหน้าของจินเจา เสียงเย็นของสตรีนางหนึ่งพลันดังขึ้น "ผู้ใดกล้า" ยามนี้ไม่รู้ว่าหลินจื่อเว่ยเอาแรงมาจากที่ใด นางลุกขึ้นจากเตียงคว้าร่างจินเจาเอาไว้แล้วดึงออกจากการเกาะกุมของบ่าวนางนั้น จินเจาไม่ได้หลบอยู่ข้างหลังหลินจื่อเว่ย แต่มายืนเคียงข้างประคองผู้เป็นนายเอาไว้ เห็นได้ชัดเจนว่าท่านหญิงของนางได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีไปจนสิ้นแล้ว หลินหลงส่งรอยยิ้มชั่วร้าย ยกมือห้ามบ่าวของตนเองเมื่อเห็นสภาพของคนใกล้ตายเช่นหลินจื่อเว่ย วันนี้นางแค่อยากมาดูว่าหลินจื่อเว่ยมีสภาพเช่นใด และจะทนได้นานเท่าใดกันเมื่อไร้อาหารและยาที่ใช้รักษาตนเองเช่นนี้ ทุกสิ่งที่สตรีนางนี้มีบัดนี้หลินหลงได้ครอบครองทั้งหมดแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลินจื่อเว่ยจึงยังเป็นเสี้ยนหนามตำใจของนางเช่นนี้ คล้ายทำอย่างไรก็ไม่อาจบ่งมันออกจากใจได้จนกว่าหลินจื่อเว่ยจะตาย นั่นคงเป็นเพราะคนผู้หนึ่งกระมัง บุรุษที่หลินหลงใฝ่ฝันถึงมาตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เห็นภาพวาดของเขาในเรือนของหลินจื่อเว่ย หลินจื่อเว่ยสูดลมหายใจเข้าลึก จินเจาประคองให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง หญิงสาวยืดอกขึ้นมา สายตากวาดสำรวจไปทั่วร่างของหลินหลง แล้วยิ้มน้อย ๆ ดูสูงส่งทั้งยังลำพองไม่แยแสผู้ใด เรี่ยวแรงของหลินจื่อเว่ยพอฟื้นคืนมาบ้างแล้ว สาเหตุเพราะเมื่อคืนก่อนรุ่งสางหลินจื่อเว่ยได้ฝันว่า ฉีกงไต้ซือได้ปรากฏกายต่อหน้านางอีกครั้ง "อาตมาช่วยเจ้าได้เท่านี้ เรื่องอื่นไม่อาจยื่นมือช่วยเหลือได้ เคราะห์กรรมนี้อย่างไรเจ้าก็ต้องปลดปล่อยด้วยตนเอง" ฉีกงไต้ซือได้สอนให้นางสกัดจุดลั่วเสวียด้วยตนเอง จึงทำให้บัดนี้อาการไอของนางทุเลาลงไปมาก เพียงแต่ช่วยยับยั้งได้ชั่วคราวอย่างไรนางต้องหาสมุนไพรที่เหมาะสมมารักษาอยู่ดี หลินหลงมองทุกอิริยาบถของหลินจื่อเว่ย พี่สาวต่างมารดาของนางคนนี้ก่อนหน้านี้ที่ได้พบเจอ ล้วนรู้จักหวาดกลัวยังทำตัวประดุจเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง ทว่าวันนี้ไยจึงได้ดูยโสโอหังเช่นนี้ เพียงหลินจื่อเว่ยปรายตามองมาที่นางในใจของหลินหลงพลันรู้สึกอึดอัดคล้ายมีผู้ใดเอาผ้ามาอุดจมูกนางเอาไว้ แปลก ประหลาด คล้ายกับไม่ใช่หลินจื่อเว่ยคนเดิม หลินหลงตกอยู่ในความเงียบงันชั่วครู่ เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของหลินจื่อเว่ยแล้วในใจพลันร้อนรุ่ม กระทั่งริมฝีปากซีดเซียวดุจดอกสาลี่ของหลินจื่อเว่ยเอ่ยขึ้น "น้องรองเจ้ามาที่นี่มีธุระอันใดหรือ" หลินหลงเชิดใบหน้าขึ้นมา ในใจคิดหาทางเล่นงานหลินจื่อเว่ย "ข้าเพียงแต่มาดูท่านเสียหน่อย พี่สาวผู้อ่อนแอของข้า อ๊ะ ข้าต้องขอโทษที่อาจจะเรียกพี่สาวไม่สะดวกปากแล้ว ด้วยไม่แน่ใจว่าท่านกับข้ายังเป็นพี่น้องกันอยู่หรือไม่ โอกาสที่ท่านจะเป็นลูกชู้นั้น รู้สึกว่าจะมีมากเต็มสิบส่วน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD