ทุ่มเท 21 การคาดคั้น และ การขอขมา

4744 Words
Hafë : นัดเจอกันหน่อยไหม? ร่างสูงเริ่มดำเนินการ ในเรื่องที่เขาต้องจัดการในเรื่องที่ 2 คือ ส่งข้อความผ่านทางแอปเขียวติดต่อไปหารพี ป่านนี้ คนคนนั้นคงจะดีใจจะแย่ เพราะผมไม่เคยตอบข้อความของเขาเลย แม้นจะข่มขู่ผมตั้งแต่วันที่ผมโดนหลอกนัด ให้ไปคุยเรื่องหมั้นหมายกันกับคนคนนี้ในครั้งนั้น ŘaǷeÄ : พี่เฮฟหายดีแล้วเหรอครับ ŘaǷeÄ : เราเจอกันวันไหน ที่ไหนดีครับ ŘaǷeÄ : ในที่สุดพี่เฮฟก็ฟื้นขึ้นมาสักที พีดีใจมากเลยครับ ŘaǷeÄ : พีกลัวพี่เฮฟจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกจังเลยครับ ŘaǷeÄ : แต่ตอนนี้พีดีใจมาก ๆ พี่เฮฟตื่นมาแล้วคิดถึงพีไหมครับ ŘaǷeÄ : ส่วนพีคิดถึงพี่เฮฟมาก ๆ เลยนะครับ คนที่น่าจะดีใจตามคำครหาของเฮฟ พิมพ์รัวส่งข้อความกลับคืนให้คนที่ทักไปเพียงประโยคเดียวได้อ่าน เพราะรพีก็คงดีใจจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าดีใจอะไรมากกว่ากันระหว่างเรื่องที่ผมฟื้นขึ้นมา? หรือการที่ผมเป็นฝ่ายส่งข้อความหาเขาก่อน? Hafë : ถ้างั้นเจอกันที่ร้าน Gqr Café บ่ายสองโมงนะครับ เฮฟทำการนัดหมายกับคนที่ยังคงรัวส่งข้อความมาให้เขาเสร็จสิ้น จึงรีบกดออกจากแอปสีเขียวและปิดเครื่องมือสื่อสารทันที ก็เป็นซะแบบนี้ น่าเบื่อ น่ารำคาญ @ Gqr Café 14.00 น. ร่างสูงกับแว่นกันแดดสีเข้มเดินอาด ๆ เข้ามาในร้านกาแฟ ตามช่วงเวลาที่นัดกับรพีไว้อย่างเป๊ะ ๆ เขาไม่ต้องการมานั่งรอก่อน แต่ก็ไม่ได้ต้องการแกล้งมาเลท เพราะมันดูเป็นมารยาทที่แย่จนเกินไป อดีตนายแบบหนุ่มก้าวเท้าเดินตรงไปทางโต๊ะ ที่มีคนที่เจ้าตัวต้องการเจรจานั่งอยู่ริมหน้าต่าง และเฮฟเลือกหย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนคนนี้ “พี่เฮฟ” คนนั่งตรงกันข้ามคลี่ยิ้มออกกว้างอย่างสดใสส่งมาให้กับคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่ง “พี่เฮฟยังขี้ร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ ไหนดูสิ เหงื่อออกเยอะเชียว พีเช็ดให้นะครับ” คนร่างบางหยิบทิชชูทำท่าทางจะเอื้อมมือข้ามโต๊ะ เพื่อมาซับเหงื่อให้กับคนที่มีเพียงใบหน้าเฉยชา “ไม่เป็นไรครับ” เฮฟรีบหยิบทิชชูมาเช็ดปัดป่ายลวก ๆ ยังใบหน้าของตนเองแทน เมื่อสายตาคมเลื่อนไปโฟกัสยังแก้วโกโก้เย็นที่มีวิปปิ้งครีมเยอะ ๆ ของคนตรงหน้าเข้า มันก็ทำให้ผมหวนนึกถึงคนในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง จนใบหน้าเฉยชาได้เผลอยกยิ้มขึ้นที่มุมปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนคนที่นั่งตรงกันข้ามอดที่จะคลี่ยิ้มตามด้วยความดีใจอย่างออกนอกหน้าไม่ได้ “พี่เฮฟสั่งเครื่องดื่มกับของทานเล่นก่อนไหมครับ” รพีเอ่ยถามคนที่กลับมามีใบหน้าเรียบนิ่งอีกครั้ง เมื่อได้เลื่อนสายตามมาโฟกัสยังใบหน้าคนเอ่ยปากถาม “ไม่เป็นไร พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราให้เข้าใจกันก่อนที่จะไปบอกกับทางผู้ใหญ่” เมื่อคนตรงหน้าได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากคนตัวโตนิ่งขรึมขึ้นมา ก็หุบยิ้มลงทันควัน พร้อมถ่อแววตาหม่นแสงสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามกลับมาฝืนยิ้มส่งให้กับคนที่ยังจับจ้องมองกัน “พี่ว่าเราสองคน..” ครืดดด!!.... เสียงขาเก้าอี้ครูดไปกับพื้น จนคนที่เอ่ยปากพูดอยู่เป็นอันต้องหยุดเสียงพูดของตนเองกลางคัน เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าดันผุดลุกขึ้นพรวดพราด ขยับตัวออกจากเก้าอี้ยืนขึ้นเต็มความสูง “ผมว่าผมไปสั่งน้ำให้พี่เฮฟก่อนดีกว่า พี่เฮฟขับรถมาเหนื่อย ๆ คงจะหิวน้ำแย่เลย” เมื่อรพีเอ่ยปากพูดออกมาอย่างเร็วรัว จนมันยากที่เขาจะทันได้เอ่ยขัด ขาเรียวก็ขยับหันหลังออกเดินลิ่ว ๆ ไปยังเคาน์เตอร์โดยไม่ได้ฟังคำค้านกันเลยสักนิด “เหอะ กูว่าและ แล้ววันนี้จะได้คุยกันรู้เรื่องไหมล่ะเนี่ย” ร่างสูดถอดถอนลมหายใจออกมาครั้งแรก หลังจากที่เข้าได้ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับใหลไปนานร่วมปีกว่า มือใหญ่ขยับถอดแว่นกันแดดสีเข้มออก เพื่อคลึงขมับและหัวคิ้วอันขมวดมุ่นจนมันเริ่มปวดขึ้นมาตึบ ๆ เฮฟสังเกตเห็นว่าคนร่างบางสั่งออเดอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่ากลับไม่ยอมเดินกลับมายังที่นั่งสักที นี่คงต่อรองยื้อเวลาการพูดคุยออกไปสินะ แต่ยังไงเขาก็ต้องเดินกลับมานั่งตรงนี้อยู่ดีปะวะ ร่างสูงจึงก่นด่าในใจว่าช่างแม่ง เปลี่ยนความเบื่อหน่ายโดยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นคร่าเวลา นิ้วเรียวกดเข้าไปดูแอคเคาท์ใน IG ของน้องฮาร์ฟ เพื่อบรรเทาความคุกรุ่นในอกให้จางหายไป จะว่าไป พอลองมานั่งนึกดูดี ๆ เขาก็รู้สึกเสียดายนะ เสียดายตอนที่ไม่ได้อยู่ดูแลช่วงที่คนตัวเล็กอุ้มท้องเจ้าลูกชายของตนเองเลย คงจะทั้งเหนื่อยทั้งน้อยใจเป็นแน่ แถมเฮฟก็ไม่ได้เห็นเจ้าลูกชายสุดเท่ของตนเองค่อย ๆ เติบโตทีละวัน ทีละเดือน ทีละปีอีกต่างหาก ผมนี่มันเป็นผู้ชายที่แย่จริง ๆ แบบที่คุณปู่กับคุณย่าเทศนาไปนั่นแหละครับ ตอนนี้ผมยอมรับข้อครหานั้นอย่างสิ้นเชิง แกร๊ก... “ผมไม่รู้ว่าพี่เฮฟอยากทานขนมอะไร พีเลยสั่งทาร์ตผลไม้กับไอซ์อเมริกาโน่มาให้ครับ” ตาคมที่ยังคงจดจ่ออยู่กับจอสมาร์ตโฟน เมื่อได้ยินเสียงคนร่างบางพูดออกมาอย่างแผ่วเบา จึงกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงไป และเมื่อปลายหางตาเขาดันมองเห็นมืออันสั่นเทาของคนตรงข้ามค่อย ๆ หยิบจานขนม และกาแฟมาบริการวางตั้งไว้ตรงด้านหน้าให้ “ขอบคุณครับ” เฮฟกล่าวขอบคุณตามมารยาท และรอให้คนตรงข้ามนั่งลงกับเก้าอี้ของตัวเองให้เรียบร้อยสักที ก่อนที่เขาจะได้พูดให้เรื่องมันจบ ๆ ไป แต่ทว่า “งั้น..พีขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” “รพี! นี่นายคิดว่าจะบ่ายเบี่ยงยื้อเวลาไม่ยอมพูดกับฉันให้มันรู้เรื่องกันเรื่อย ๆ แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ห๊ะ?!” เฮฟเริ่มไม่สบอารมณ์จึงเอ่ยออกไปอย่างเสียงแข็ง เขาเริ่มจะหมดความอดทนกับคนคนนี้เสียจริง “แต่พี..พียังไม่อยากคุยเรื่องนี้กับพี่เฮฟนี่ครับ” คนร่างบางทำท่าจะเดินออกจากโต๊ะไปจริง ๆ จนคนหน้าตึงต้องรีบลุกพรวดออกจากเก้าอี้ แล้วกระชากดึงท่อนแขนเรียวเอาไว้ “ถ้าไม่อยากนั่งคุยดี ๆ ก็ยืนคุยมันทั้งแบบนี้แหละ” "พี่เฮฟ..พี..เจ็บนะครับ" “ฉันเคยขอเลิกกับนายไปแล้วตั้งหลายครั้งแต่นายไม่ยอมเลิก ฉันบอกว่าห้ามก้าวก่ายชีวิตของฉัน แต่นายก็ยังทำ!!" "อึก.." "แล้วพอตอนที่ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม จะจับเราทั้งคู่หมั้นหมายกันนายก็สมใจกระหยิ่มยิ้มย่องเลยสินะ” ริมฝีปากหยักยิ่งได้บอกถึงความในใจที่มันติดค้างมาแสนนาน มือแกร่งยิ่งออกแรงบีบแขนคนร่างบางหนักขึ้นแบบไม่รู้ตัว “ฮึก แต่พีเป็นแฟนพี่เฮฟนะครับ พี่เฮฟก็บอกกับพีว่าจะรับผิดชอบพี ฮือ..ฮึก และ และพี่เฮฟก็ไม่เคยสนใจพีเลย พีก็ทำตามที่พี่เฮฟบอกทุกอย่าง พยายามอยู่ในมุมเงียบ ๆ ของตัวเอง ฮึก..ทั้ง ๆ ที่พีรักพี่มากขนาดนี้” ร่างสูงยืนฟังพร้อมแค่นหัวเราะในลำคอ หลังที่ได้ยินคนคนนี้กล้าที่จะพูดมันออกมา “เหอะ รักเหรอวะ ถ้ารักฉันมากขนาดนั้น ทำไมไม่บอกความจริงกับฉันทั้งหมดละ ห๊ะ” คนที่ได้รับรู้ความจริงทั้งหมดแล้วอยากจะขำให้เป็นบ้า เพราะหลังจากที่เฮฟได้หลับใหลไปนานร่วมปี จนทำให้ความทรงจำทั้งหมดมันไหลย้อนเข้ามา นอกจะทำให้เขาจำเรื่องราวในช่วงสำคัญของชีวิตมันขาดหายไปไม่พอ มันยังทำให้เฮฟได้มองเห็นในมุมที่ตนเองนั้นก็ปักใจเชื่อ และเข้าใจเรื่องราวที่ผิดมาตลอดด้วย “ความจริงอะไรครับ พีไม่เคยปิดบังอะไรพี่เฮฟเลยนะครับ” ร่างบางที่โดนบีบแขนไว้แน่น บัดนี้มันเริ่มแสดงแววตาเลิ่กลั่กออกมาอย่างปิดบังไม่มิด “อ่อเหรอ..ถ้างั้นทำไมตอนนั้นที่กูถามมึงเรื่องฟาร์รัง ทำไมมึงถึงโกหกกับกูว่าฟาร์รังทิ้งกูไปเพราะมีคนใหม่ละวะ ห๊ะ?!!!” อดีตนายแบบหนุ่มคนดังเริ่มควบคุมเสียงตัวเองไม่อยู่ จนเสียงมันเริ่มจะดังขึ้นจนทำให้พนักงาน และลูกค้าบางโต๊ะถึงกันหันมามองยังจุดที่เรา 2 คนโหมปะทะอารมณ์ใส่กันอยู่ คนร่างบางแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น แต่ติดที่ว่าท่อนแขนของเขานั้นยังโดนมือแกร่งบีบรัดแน่นจนแทบปริแตก มันเจ็บชาเริ่มขึ้นสีแดงช้ำเป็นจ้ำอย่างน่ากลัว รพีเริ่มน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มใส เฮฟทนมองคนที่แขนเริ่มขึ้นเป็นจ้ำไม่ไหว หากยังยืนคุยกันอยู่แบบนี้ เขาคงได้เผลอบีบแขนของคนเจ้าเล่ห์ขี้โกหกจนหักเป็นสองท่อนแน่ จึงดันให้ร่างบางที่หมดแรงลงไปนั่งกับเก้าอี้ดังเดิม “แล้วเรื่องในคืนนั้น” คนตัวสูงยังพยายามจะพูดคาดคั้นต่อ แต่ทว่ากลับพูดได้เพียงเท่านี้ เพราะคนที่นั่งน้ำตาไหลพรากรีบเปล่งเสียงแทรกออกมาขัดขวางกันซะก่อน “ใช่แล้ว! เรื่องคืนนั้น ตอนผมอยู่ม.6 ผมจะไปบอกพวกผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย งานแต่งของเราจะได้จัดต่อจากงานหมั้นไปเลย” เสียงของคนไม่ยอมจำนน เอ่ยออกมาอย่างติดขัดด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังคงคิดว่าตนเองนั้นถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่ดี ใช่ ถ้าหากว่าใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยังไงบ้านพี่เฮฟก็ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เขาโดนพี่เฮฟข่มเหงได้แน่ ๆ ร่างสูงขมวดคิ้วฉับเข้าหากันทันที “เพราะฉันเมาจนเป็นบ้านะสิ ถึงได้เห็นนายเป็นฟาร์รังด้วยซ้ำ ฉันเอาแต่พร่ำเพ้อพูดถึงแต่ชื่อฟาร์รัง..ใช่ไหมล่ะ” “แต่พี่ล่วงเกินผมไปแล้ว ผมไม่เต็มใจด้วยซ้ำ ฮึก” คนตัวเล็กยังหันหน้ามาสบตามองจ้องคนที่รู้ทันกันทั้งน้ำตา “ใช่ แต่พี่ว่า...พี่ก็แค่เมามายจนหลับไปมากกว่านะ ไม่ใช่รึ” คนตัวเล็กเบิกตาที่คงมีคราบน้ำตาไหลออกกว้าง นั่งส่ายหน้าระรัวเหมือนไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร "ไม่นะ..ไม่ใช่ พะ..พี่ทำผะ..ผม ฮึก" “เฮ่อ..แต่เอาเถอะ อย่างไรเสียพี่ก็ต้องขอโทษเราอยู่ดี เพราะยังไงพี่ก็ได้ล่วงเกินเราไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ” เฮฟค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ของตนเอง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันเหนื่อยล้าของตัวเอง “แต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรกันไปมากกว่า กอดกับจูบ..ใช่หรือเปล่า” คนที่เพิ่งควบคุมน้ำเสียงและอารมณ์ของตนเองได้แล้ว เบนสายตาหันไปมองใบหน้าของคู่สนทนา ที่นั่งยังคงนั่งมองจ้องหน้าเฮฟ และยังคงปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่ขาดสาย “แต่ยังไงพี่ก็ตั้งใจจะไปขอขมากับลุงนพกับคุณแขไขอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องหมั้นระหว่างเราพี่คงทำให้ไม่ได้จริง ๆ" "...ฮึก..." "เพราะยังไงชีวิตนี้ของฉัน ก็คงยกให้ได้แค่กับคนคนนั้นคนเดียว" "นายเองก็รู้ ว่าฉันให้ใจกับฟาร์รังไปตั้งนานแล้วนี่นา รพี..” ⍣ หลังจากที่เฮฟได้นัดเคลียร์กับรพีแล้ว สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นปิดบังกับเขามาตลอด คงเพราะเห็นว่าเฮฟนั้นความเสื่อม จึงทำเป็นเข้ามาแสดงตัวว่าตนเองนั้นเป็นแฟนของเฮฟ และพ่อกับแม่ของเฮฟก็เข้าใจว่าเราทั้งคู่มีปัญหาเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เมื่อเกิดเหตุทะเลาะกันจึงทำให้ลูกชายของตนเสียใจจึงไปเมาเละ จนถึงขั้นขับรถไปชนกับเสาไฟฟ้าจนความทรงจำบางส่วนมันได้ขาดหายไป แต่มันดันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิตผมด้วยนี่สิ ตอนที่เฮฟได้ลองปรึกษาหมอจึงได้คำตอบมาว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเฮฟเสียใจกับเรื่องนั้นมากที่สุด กลไกของสมองจึงทำให้ร่างสูงลืมเลือนเรื่องนี้ไปได้เช่นกัน ผลจากการที่พ่อกับแม่และเฮฟ พากันไปขอขมายังตระกูลของรพีเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ทำให้คุณแขไขแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก ส่วนทางลุงนพก็คงรู้สึกไม่พอใจ คงโกรธคุกรุ่นอยู่ในอกเช่นกัน แต่ทว่าในเมื่อคุณคณิน พ่อของเฮฟนั้นเป็นคนออกปากช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ และยังยืนยันว่าจะช่วยเกื้อหนุนเรื่องธุรกิจกับตระกูลนี้อย่างเต็มที่ ในท้ายที่สุด เรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจมันก็สำคัญสำหรับโลกของผู้ใหญ่ มากกว่าเรื่องความรักของลูก ๆ ของตนเองอยู่ดี จึงยินยอมให้ยกเลิกการจัดการงานหมั้นของเราทั้งคู่ จนเรื่องนี้มันผ่านไปได้ แม้นมันจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม.. ⍣ เมื่อเฮฟได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว ที่จะต้องออกเดินทางไปตามหาและง้อลูกกับเมียให้กลับคืนมา คนเป็นลูกจึงกล่าวขอโทษพ่อกับแม่อีกครั้ง แต่พวกท่านบอกว่าไม่เคยถือโทษโกรธกันเลย จึงอยากให้เรื่องเหล่านี้เป็นบทเรียนราคาแพง ที่เฮฟนั้นได้รับผลของมันมาอย่างเพียงพอแล้ว และยังกล่าวอวยพรให้เขาพาหลานกับลูกสะใภ้กลับมาให้ได้ด้วย ลำดับต่อมาเฮฟต้องไปบอกกล่าวกับพี่ชายคนโตก่อนที่จะออกเดินทางไป เพราะฮิมบอกว่ามีของที่จะให้ ระหว่างที่เฮฟโคม่าหลับใหลไม่ยอมตื่นขึ้นมานั้น ฮิมได้หาของที่เฮฟเคยบอกว่าให้ทิ้งไปให้หมดเตรียมเอาไว้ให้ และฮิมยังบอกด้วยว่าถ้าได้ลองเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ดู แล้วจะเข้าใจว่าทำไมคนตัวเล็กในตอนนั้น ถึงเลือกที่จะขาดการติดต่อกับเขาไปเลย แถมยังให้ แอคเคาท์ IG @Mokiriz น่าจะเป็นของเพื่อนน้อง น่าจะใช่คนที่ชื่อ หมอก คนที่เคยเจอกันที่ทริปเปิลเอสบาร์ คนนั้นหรือเปล่า? เมื่อเฮฟลองกดเข้าไปดู จึงเห็นได้ว่านอกจากจะมีรูปคู่กับคนตัวเล็กตั้งแต่สมัยมหาลัยแล้ว ยังมีรูปภาพกับคลิปน้องฮาร์ฟ นายแบบเด็กสุดหล่อตั้งแต่ช่วงแบเบาะจนถึงช่วงที่เดบิวต์เลยด้วย ตาคมสบมองจ้องภาพในจอสี่เหลี่ยมอย่างนิ่งงันเนิ่นนาน แม้นว่าหัวใจของเขาจะรู้สึกหน่วงหนึบ มีความคิดความอิจฉาเจ้าของไอจีเกิดขึ้นทันที ที่ได้เห็นว่าหมอกนั้นได้คุยกับเจ้าลูกชายของเขาตลอด แต่เฮฟก็ต้องยอมรับและกดเข้าไปดูอยู่ดี เพราะว่าเสียงหัวเราะของลูกชายนั้นสดใสน่าหลงใหลมากจริง ๆ ห้วงคำนึงหนึ่ง ผมอยากเจอทั้งคนตัวเล็กและก็เจ้าลูกชายของผมมาก..จนสุดหัวใจเลย.. ซึ่งมันทำให้คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดถึง เกิดอาการตื้นตันจุกอกจนปล่อยให้น้ำสีใสไหลออกมาจากหน่วยตาแบบไม่รู้ตัว เมื่อพี่ชายคนโตเห็นคนน้องเงียบไปนานเข้า จึงต้องปลี่เข้ามาปลอบใจแกมกระเซ้าเย้าแหย่ให้คลายอารมณ์หมองเศร้า “เป็นพ่อคนแล้ว ลูกนายก็เป็นหนุ่มน้อยคนดัง ถ้ามีพ่อขี้แยแบบนี้ไม่อายลูกแย่เหรอ” พร้อมกล่าวอวยพรให้คนน้องที่เผยรอยยิ้มออกมาได้บ้างแล้วอีกว่า “ยังไงก็ขอให้โชคดี ไปตามหาหัวใจให้เจอและพากลับมานะ” ก่อนแยกกับพี่ชายคนโต ฮิมบอกมาว่าที่จริงแล้วเพื่อนของฟาร์รัง คนชื่อหมอกก็ให้ที่อยู่กับที่ทำงานของพี่ชายคนตัวเล็กกับที่อยู่บ้านคนตัวเล็กมาให้ที่ฮิมด้วยนะ แต่ฮิมบอกออกมาตามตรงว่า สำหรับฮิมแล้วคิดว่าให้เฮฟเป็นฝ่ายทักทายหมอกไปเองจะดูจริงใจกว่ากันเยอะ จะได้ทำให้ฝ่ายนั้นเขารู้และมั่นใจว่า เฮฟนั้นยังรักและพยายามเพื่อลูกกับเมียจริง ๆ ผมเข้าใจพี่ฮิมได้อย่างดีเลย เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ผมก็จะต้องพยายามให้สุดกำลังเช่นกัน เพราะผมยังต้องการลูกกับเมียเพื่อที่ เรา จะได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันให้ได้นี่ครับ ผมจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมต่อจากนี้ ทำเพื่อให้ทั้งสองคนนั้นมีความสุขที่สุดเอง!! ⍣ เมื่อเฮฟปลีกตัวจากพี่ชายมาแล้ว จึงรีบหาทางติดต่อกับหมอกและภาวนาให้เขาตอบรับด้วย เฮฟกลัวเหลือเกินว่าเวรกรรมจะตามทันมาก ๆ เพราะตนเองนั้นเคยปล่อยปละละเลย เมินเฉยกับฟาร์รังไปตั้ง 10 กว่าปีเลยนะสิ แต่แล้วพระพุทธองค์หรือพระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขามากนัก โชคดี ที่เขายังมีแต้มบุญหลงเหลืออยู่ในชีวิตสินะ.. หมอกเพื่อนสนิทของคนตัวเล็กให้ในสิ่งที่เฮฟต้องการมา แลกกับการที่เฮฟจะต้องยอมให้รุ่นน้องแบบหมอกก่นด่าต่อว่ากลับมาจนพอใจอยู่ ณ ตอนนี้ที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ทว่าหลังจากที่หมอกยอมเชื่อและมั่นใจแล้วว่า รุ่นพี่คนที่เคยทำเพื่อนซี้ของตนลำบากนั้น ทั้งยังรักและจริงจังกับเพื่อนของตนมาก ๆ แล้วนั้น หมอกจึงยอมเปิดใจพูดออกมาว่า หมอกได้รับรู้เรื่องราวของเฮฟผ่านทางพี่ฮิมมาบ้างแล้วก็ตาม ก่อนแยกกันหมอกบอกว่าให้เฮฟไปหาพี่เลออนก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งพี่เลออนนั้นเป็นพี่ชายของคนตัวเล็กเป็นด่านต่อไปจะดีกว่า ซึ่งพอได้ฟังตรงนี้แล้วใจผมกระตุกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันทีเลย ก็เพราะผมเล่นเอาเปรียบน้องชายเขามานานมากเลยนะสิครับ ผมยังจดจำน้ำเสียงเย็นเยียบ จากปลายสายตอนที่ได้คุยโทรศัพท์ของคนตัวเล็ก ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมได้เป็นอย่างดีเนี่ยสิ หมอกคงเห็นว่ารุ่นพี่หล่อเหลานิ่งเงียบไป จึงพูดต่อแม้นว่าเฮฟจะไปเซอร์ไพรส์ฟาร์กับน้องฮาร์ฟที่หน้าบ้าน ก็ไม่แน่ใจว่าสองแม่ลูกจะอยู่บ้านหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่เจ้านายแบบเด็กคนนั้น มักจะรับงานออนทัวร์เดินแบบต่างถิ่นอยู่บ่อย ๆ ด้วยนะสิ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ ด้วย แต่ทว่าน้องฮาร์ฟเข้าวงการตั้งแต่ 4 ขวบเลย แถมยังดังตั้งแต่ 7 ขวบแบบเปรี้ยงปร้างด้วยนี่สิ สุดยอดไปเลยครับลูกชายของผม!!.. ⍣ @ New Jursey หลังจากที่เฮฟได้เคลียร์ทุกอย่างลงตัวที่ประเทศบ้านเกิดของตนเองแล้ว อดีตนายแบบหนุ่มคนดังก็รีบบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทวีป เพื่อมาติดต่อขอเข้าพบกับพี่เลออนที่ตึกทำงานสูงเสียดฟ้าซึ่งเป็นรัฐเดียวกันกับที่ที่คนตัวเล็กและลูกชายของเฮฟนั้นได้มาอาศัยอยู่กับพี่ชายผู้น่าเกรงขามคนนี้ด้วย เมื่อเฮฟได้เจอกับประธานบริษัทก็รับรู้ได้ทันทีว่าพี่ชายของคนตัวเล็กนั้น ได้รับรู้เรื่องราวของน้องชายของตนเองกับเรื่องเฮฟเป็นอย่างดี แต่ทว่าพี่เลออนกลับบอกกับเฮฟด้วยว่า อย่าเอาเรื่องที่คุยกันวันนี้ไปบอกกล่าวกับฟาร์รังเด็ดขาด เพราะพี่เลออนไม่เคยบอกน้องชายของตนเองเลย ว่าคนเป็นพี่นั้นรู้เรื่องทุกอย่างในชีวิตของคนเป็นน้องอย่างดี ตั้งแต่ช่วงที่ทั้งคู่คบกันตั้งแต่ช่วงวัยมัธยมแล้ว และเรื่องเด็กในท้องน้องชายตนเองนั้น ย่อมต้องเป็นลูกของนายแบบหนุ่มเพลย์บอยคนดังตรงหน้าแน่นอน เพราะนอกจากเฮฟแล้ว ฟาร์รังก็ไม่เคยสานสัมพันธ์หรือยุ่งเกี่ยวกับใครอื่นเลยด้วยซ้ำ เมื่อผมได้ยินแบบนี้แล้วอึ้งไปเลยครับ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับคนตัวเล็กสุดขั้วหัวใจเข้าไปใหญ่ พี่เลออนเป็นผู้ใหญ่ที่ดูน่าเกรงขามมากพอสมควร ตอนแรกเฮฟทำใจไว้แล้วว่าต้องโดนพี่ชายของคนตัวเล็กนั้น ต่อยคะมำล้มคว่ำอยู่ที่นี่เป็นแน่แท้ และตัวเฮฟเองนั้นจะต้องโดนกีดกันให้ออกห่างจากน้องชายสุดที่รักของเขาแน่ๆ แต่ทว่าไม่เลยพี่เลออนกลับกลายเป็นคนที่ใช้เหตุผลคุยด้วยกันมากกว่าใช้อารมณ์หรือความอคติในอดีตมาตัดสิน แม้นว่าคำแรกที่พี่เลออนหลุดปากทักขึ้นมากับว่าที่น้องเขยตรงหน้าจะใช้เพียงแค่น้ำเสียงที่ราบเรียบเท่านั้น แต่มันกลับทำให้อดีตนายแบบหนุ่มคนดังรู้สึกกดดันซะจนเสียวสันหลังวาบได้เช่นกัน “มาแล้วเหรอ นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นหน้าตาพ่อน้องฮาร์ฟ และก็...คนที่ทำให้น้องฉันเจ็บช้ำเสมอมาซะแล้ว หึ" ได้ยินคำทักแรก..แม้นใจผมนี่จะเหลวเป๋วไหลลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม จนรู้สึกอยากที่จะรีบคลานเข่าเข้าไปขออขมาลงตรงฝ่าพระบาทของคนที่นั้งด้านข้างขึ้นมาทันทีเลยละ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วกายหยาบของเฮฟก็ยังคงนั่งนิ่งอึ้ง ทำได้แค่เพียงอึกอักเอื้อนเอ่ยกล่าวขอโทษคำโตอย่างรู้สึกผิดออกมา "คือผม..ต้องขอโทษทุก ๆ เรื่องที่ผ่านมาด้วยครับ" “รับรู้เรื่องลูกตัวเองแล้วใช่ไหม” "อ่า..ครับ" ผมว่าพี่เลออนเป็นประธานบริษัทที่น่ากลัวสุด ๆ ไปเลยครับ ไม่เหมือนพี่ฮิม พี่ชายของผมเลย เอ๊ะ! หรือว่าฮิมไม่เคยเผยด้านโหมดโหด ๆ มาให้เห็นกันนะ? “ถ้ายังรักน้องชายของฉันอยู่ก็พิสูจน์ตัวเองสิ” "..เอ๊ะ..คุณเลออน ไม่กีดกันผมหรือครับ" "ฉันน่ะเหรอจะกีดกันนายไปทำไม ก็ในเมื่อน้องฉันไม่เคยลืมนายได้เลยขนาดนั้น" "ขะ..ขอบคุณครับ" ร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่ง ๆ แต่ทว่าในใจกลับกระโดดโลดเต้นประดุจว่า ได้ออกวิ่งอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวย “และก็ขอให้โชคดีนะ เพราะคนที่จะต่อกรกับนาย ไม่ใช่ฉันหรอก หึ” ฝ่ามือท่านประธานลงแรงตบลงบนแนวบ่าของคนที่เคยทอดทิ้งทั้งน้องและหลานชายเขาเบา ๆ ก่อนจะส่งรอยยิ้ม ที่มาพร้อมกับแววตาเห็นอกเห็นใจส่งมาให้กัน ตอนแรกเฮฟก็แอบงุนงงอยู่เหมือนกัน ว่ายังเหลือด่านที่เขายังต้องไปขอขมาอีกหรือ? หมอกเพื่อนสนิทของคนน้องก็แล้ว พี่ชายของคนน้องก็แล้ว แล้วยังจะเหลือใครละ ที่จะรอต่อกรเป็นคู่ปรับกับผมวะ? ฟาร์รังเหรอ? จนกระทั่งเมื่อเฮฟได้บินตามมาตารางงานของน้องฮาร์ฟ ซึ่งได้มันมาจากพี่เลออนบอกให้มาที่งาน Fashion Week ซึ่งในปีนี้จัดการแสดงขึ้นที่ Milan แชะ! แชะ! แชะ!! นักข่าว : “น้องฮาร์ฟค่ะ น้องฮาร์ฟ” ฮาร์ฟ : “ครับพี่ชุดแดง ถามเลยฮ่ะ” นักข่าว : “น้องฮาร์ฟเคยได้ยินประเด็นข่าวฮ็อต จนเป็นที่ฮือฮาเกี่ยวกับเรื่องที่หน้าตาของน้องฮาร์ฟ ที่ไปเหมือนกับนายแบบดังคนนี้บ้างไหมคะ” ฮาร์ฟ : “คนไหนหรือครับ แล้วมีข่าวอะไรครับ” นักข่าว : “เออ..ก็คือแบบว่า..หน้าตาน้องฮาร์ฟ ไปคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับนายแบบที่ชื่อเฮฟนะคะ แฟน ๆ จึงคิดว่าอาจจะเป็นแบบว่า..เออ...เป็นญาติกันน่ะค่ะ” ฮาร์ฟ : “อ่อ ก็เคยมีนักข่าวจากงานที่ลอนดอน ถามฮาร์ฟอยู่เหมือนกันนะครับ” นักข่าว : “แล้วน้องฮาร์ฟมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ สรุปว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันไหมคะ” ฮาร์ฟ : “พวกพี่ ๆ คงเคยได้ยินกันมาบ้างใช่ไหมครับ เรื่อง ทฤษฎีคนหน้าเหมือนกันบนโลกใบนี้ 7 คน ไงครับ” นักข่าว : “ก็คือ..น้องฮาร์ฟจะบอกว่าสรุปเป็นเพียงแค่คนหน้าคล้ายกันเฉย ๆ ใช่ไหมคะ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยใช่ไหมคะ” นายแบบหนุ่มน้อยวัยเพียง 10 ขวบยกยิ้มสดใสส่งให้แสงแฟรชที่กำลังสาดรัวใส่กับร่างกายของตนเองแทนคำตอบ ฮาร์ฟ : “น้องฮาร์ฟต้องขอตัวก่อนนะครับ พี่ทีมงานเรียกน้องแล้วฮ่ะ และก็ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนสำหรับวันนี้ด้วยนะครับ ยังไงงานครั้งหน้าฮาร์ฟมีงานนิตยสารคู่กับมัมอยู่ ฝากติดตามด้วยนะครับ” เหล่านักข่าว : “อู้ย...น้องฮาร์ฟแบบนี้พวกพี่ก็ต้องรอคำตอบจากนิตยสารหรือคะ แบบว่าอยากได้เอ็กซ์คลูซีฟน้องฮาร์ฟบางจังเลยค่ะ” ฮาร์ฟ : “ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ” นายแบบหนุ่มน้อยผู้ที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาได้เผยรอยยิ้มออกกว้าง พร้อมกับส่งวิ้งทิ้งท้ายให้กับบรรดานักข่าวได้รัวช็อตเก็บสุดฮ็อตก่อนที่จะก้าวขาเล็กๆ เดินออกจากอาณาบริเวณพรมแดงไปพร้อมกับสต๊าฟที่ได้รุมกรูกันเข้ามาเพื่อทำหน้าที่รายล้อมกันตัวนายแบบเด็กคนดังเอาไว้ให้ออกห่างจากพวกนักข่าวและบรรดาแฟนคลับทันที แล้วทั้งหมดจึงได้พากันรีบออกก้าวเดินไวเพื่อเดินกลับเข้าไปยังด้านในงานเลี้ยงต่อ ใบหน้าที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานบัดนี้กลับหุบยิ้มลงไปแล้วมีสีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติดังเดิมตามสไตล์ของคนเบื่อโลกที่แท้จริงไปซะแล้ว คำตอบเมื่อครู่ที่ลอยละล่องปลิวมาตามสายลมได้ปะทะเข้ากับใบหูของคนที่ดีใจมาก ที่จะได้พบกับลูกเมียที่พลัดพรากกันมาแสนนานนั้น ถึงกับทำเอาดอกไม้ช่อโตในมือที่ไร้เรี่ยวแรงของคนที่ถือมาซะดิบดีก่อนหน้านั้นถูกปล่อยให้มันร่วงหล่นลงสู่พื้นพรมสีแดงหรูหรา ราวกับว่าคนถือมันไว้ได้หมดเรี่ยวแรงที่จะรั้งแรงโน้มถ่วงของโลกใบนี้เอาไว้อีกต่อไปแล้วละ จนกลีบดอกชูช่อสวยงามเหล่านั้นต้องหล่นร่วงกระทบพื้นเข้าอย่างจังแล้วได้กระเด็นกระดอนหลุดออกจากช่อสวยไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทว่าคนที่ถือมันมากลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมันอีกต่อไป ก็ในเมื่อโสตประสาทการรับรู้และได้ยินของของเขานั้นมันได้ตื้อดับลงไปแล้ว มีเพียงแค่ประโยคเดียวที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในแกนสมองแล้วได้ประมวณภาพออกมาผ่านม่านตาให้เริ่มเกิดอาการพร่าเบลอตามขึ้นมาด้วย ซึ่งต่างจากบรรยากาศรอบข้างที่สนุกสนานของงานนั้น ไม่สามารถทำให้คนที่ยืนเคว้งขว้างมีใบหน้าไร้สีเกิดความรู้สึกครื้นเครงใจร่วมกับงานรื่นเริงนี้ได้อีกต่อไปแล้ว นี่ผม...มาช้าไปสินะ! จนทุกอย่างมันสายไปแล้วหรือครับ?... #ทุ่มเทเพื่อรัก

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD