ทุ่มเท 9 FC NUMBER ONE

3629 Words
"เหนื่อยว่ะ..โคตรคิดถึงมึงเลยอ่ะน้องฟาร์.." ใบหน้าดูเหนื่อยล้าของเพื่อนซี้ตัวโตตรงหน้ากำลังอ้าแขนกางออกรอให้เพื่อนซี้ต่างไซซ์ได้เดินเข้าไปกอดตอบตามความคิดถึงเมื่อได้เห็นหน้ากันทันที ทว่าคนตัวเล็กกลับยกยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหาอ้อมกอดของเพื่อนสนิทสุดรักนั่นจริงๆ แต่กลับใช้ฝ่าเท้าเขี่ยลงไปบนหน้าแข้งแข็งแทนที่จะสวมกอดคนที่รออยู่จนเก้อ "ไอ้น้องฟาร์ ไอ้เช่นี่เล่นทรีน เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว! กูอุตส่าห์โรแมนติกใส่ ฮึ้ย!! หมดกันความโรแมนติกกู" หมอกบ่นอุบออกมายามถูกเพื่อนซี้มาดกวนแกงใส่กัน เจ้าเพื่อนตัวดื้อเล่นมาดักยืนรอต้อนรับกันแบบกวนๆ ตรงหน้าประตูบ้านแบบนี้เลย ฟาร์รังหลุดขำก่อนที่ได้เห็นใบหน้าคมเข้มของเพื่อนสุดหล่อยู่ยี่จึงยอมขยับเข้าไปหาแล้วเป็นฝ่ายสวมกอดคนที่สีหน้าติดฉุนแทน "โอ๋ พี่หมอกของน้องฟาร์ กอด ๆ นะค้าบ เหนื่อยมากเลยเหรอ ดูทำหน้าดิ ยิ้มให้น้องดูหน่อยเร็ว" ฟาร์รังเห็นคนหน้าบูดยังไม่ยอมหายงอนจนไม่ยอมยกแขนขึ้นมากอดตอบกันเลย คนตัวเล็กจึงได้ยกมุกเดิมขึ้นมาใช้กับคนตรงหน้าทันที คนแพ้ลูกอ้อนเสมอมานั้นในท้ายที่สุดก็ยังเป็นฝ่ายแพ้ใจให้อยู่ดี หมอกจึงแก้แค้นเพื่อนรักด้วยการดึงยืดแก้มพองจนโย้ติดมือออกมา "โอ้ยยย ออกกกอูเอ่บบบบบ" (โอ๊ยย หมอกกกกูเจ็บบบบบ) "สมน้ำหน้า" ฝ่ามือใหญ่ยอมปล่อยออกจากแก้มแดงขึ้นสีแล้วดันหน้าผากเหม่งของฟาร์รังให้ออกห่างไป จนคนอาฆาตไม่ยอมจนต้องเอาคืนด้วยการกระโจนโถมน้ำหนักใส่ร่างสูงแล้วรีบส่งฝ่ามือเล็กฟาดเข้าไปที่หัวไหล่กว้างไม่ยั้งมือ อย่างที่ชอบตีเล่นใส่กันแบบโบ๊ะบ๊ะดั่งเช่นตอนอยู่คอนโดที่กลางใจเมืองหลวงด้วยกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งนั่นเอง หมอกเพิ่งจะมีโอกาสได้บินมาหาคุณแม่มือใหม่ ก็เป็นช่วงที่น้องฮาร์ฟอายุได้ราว ๆ ย่างเข้าสู่ช่วงวัย 3 ขวบแล้ว พอหมอกมาถึงปุ๊บได้เจอหน้าเพื่อนรักตัวเล็กที่ไม่ได้เจอกันมาถึงสองปีปั๊บ จึงต้องรีบจ้อบ่นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตให้คนตัวเล็กฟังแบบไม่หยุดหย่อน ไหนจะบ่นเรื่องช่วงมหา’ ลัยว่าว้าวุ่นขนาดไหนกว่าจะเรียนจบ พอเรียนจบคิดว่าจะได้บินมาหาหลานได้ในทันที แต่ที่ไหนได้กลับมีเรื่องวุ่นวายที่ต้องทำอีกเยอะแยะยิ่งกว่าตอนเรียนซะอีก ไหนจะเป็นช่วงฝึกงาน อีกทั้งช่วงที่ต้องตะลอนหางานอย่างยากลำบาก พอได้งานทำแล้วก็ต้องทำให้ผ่านโปรก่อน แถมยังต้องทำงานให้ครบหนึ่งปีขึ้นไปถึงจะได้วันหยุดพิเศษมาอีก หมอกเจื้อยแจ้วบ่นนู่นนี่นั้น บลา ๆ ราวกับหมีกินผึ้ง หมอกคนพูดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเอาแต่บ่นให้ฟาร์รังฟังเหมือนกับชีวิตนี้ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบๆ ปี ทั้งๆ ที่ได้คอลหากันแบบแทบจะทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ น้องฮาร์ฟจะต้องถามหาอาหมอกตลอดเลย ถ้าหากวันไหนไม่ได้เห็นหน้ากันผ่านจอโทรศัพท์ แต่อย่างว่าแหละ ก็พวกเขาทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของฟาร์รังแล้วนี่นา “เออ ว่าแต่หลานสุดที่รักกูละ?” คนผิวน้ำผึ้งที่เพิ่งจะนึกออกว่ามาที่นี้เพราะเหตุใดหลังจากเงียบเสียงลงไป พอได้เจอฟาร์รังทีไรก็จะเผลอบ่นเรื่องสัพเพเหระให้เพื่อนซี้คนนี้ฟังแบบหมดเปลือกทุกที จนราวกับเป็นคู่ชีวิตของกันและกันเลยก็ว่าได้ ฟาร์รังยกยิ้มตามเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนที่เพิ่งจะนึกเรื่องสำคัญออก แต่ที่หมอกเงียบเสียงลงไปนี่ไม่รู้ว่าที่ตัดจบไปดื้อๆ ก่อนนี่เป็นเพราะหมดเรื่องคุยแล้วหรืออาจจะเป็นเพราะเหนื่อยแล้วกันแน่ พอหมอกได้นึกถึงจุดประสงค์ที่ตั้งใจถ่อมาถึงนี่ที่แท้จริงออก ก็รีบเอ่ยปากถามถึงน้องฮาร์ฟจอมอะเลิทขึ้นมาทันที “หลับในห้องเด็กน่ะ จะเข้าไปนอนกับหลานก็ได้นะ มาถึงเหนื่อย ๆ แต่กูว่ามึงน่าจะเหนื่อยตอนมาบ่นให้กูฟังมากกว่า” คุณแม่มือใหม่เอ่ยแซวเพื่อนซี้ตัวโตไปพร้อมติดเสียงขำในลำคอ “เอ่อ ก็รู้ดีนี่ มึงนี่สมกับเป็นลูกกูเลยจ้า เป็นลูกก็ฟังพ่อบ่นไงนู๋ถูกแล้ว นี่ขนาดมึงมีลูกแล้วนะนี่ ยังไม่ลดความดื้อแพ่งลงเลยน้า มึงเนี่ย” หมอกพูดจบก็ยื่นมือไปบีบจมูกโด่งรั้นของคนตัวเล็กทันที ฐานมันเขี้ยวแล้วผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำท่าจะก้าวขาออกเดินมุ่งหน้าไปทางห้องเด็กชั้นล่าง แต่ทว่าขายาวก็ชะงักและผินหน้ากลับมาทำหน้าฉงนใส่ฟาร์รังที่มองกันอยู่ทันที “กูว่ากูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวหลานจะเหม็นเหงื่อเอาแล้วไม่ประทับใจตั้งแต่แรกพบกัน ทำไงค้าบทีนี้ ว่าแล้วก็ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ” หลังหมอกพูดจบก็ยักคิ้วให้ฟาร์รังสองจึกตามสไตล์ ของคนมาดกวน ก่อนจะเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำเป็นอันดับแรก “หมอก ห้องนอนแขกชั้นล่างทางด้านซ้ายใช้ได้นะ กูบอกพี่เลออนไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่ามึงจะมา พี่เขาเลยให้แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้มึงด้วย” คนตัวเล็กวิ่งตามไปพิงกรอบประตูห้องน้ำแล้วเอ่ยปากบอก “หู้ย เนี่ยถ้าไม่ติดว่าพี่เลออนเป็นพี่ชายมึงนะ กูจะจับมึงแต่งกับพี่เลออนแล้ว ผู้ชายห่าอะไรแสนดีฉิบหาย” “จะบ้าหรอ นั่นพี่ชายกู แต่ถ้ามึงจะจีบพี่เลออนกูก็โอเคน้า พี่หมอกกกก” น้ำเสียงตกใจพลางปรามเพื่อนดังขึ้นทันที พร้อมตามาด้วยการส่งสายตาฉ่ำวาวไปให้เพื่อนสนิทตัวโตอย่างมีเลศนัยด้วยความนึกสนุกอีกเช่นกัน “...” ร่างบางแอบขำในใจ ยามที่ได้เห็นเพื่อนซี้กลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงลำคอ ทว่าแววตาท่อความจืดเจื่อนออกมาอย่างชัดเจน ฟาร์รังกลั้นขำไว้ไม่ไหวจึงระเบิดฮาออกมา “กูพูดเล่น แหม..รู้หรอกน่า มึงโดนเชือดแน่ถ้ามีคนอื่น เจอคนจริงเข้าไปเป็นไงครับ" "..." "พี่หมอกจอมอ่อยไปทั่ว แพรวพราวไม่เลือกคนของน้องฟาร์คนนั้นไปไหนแล้วน้า” ริมฝีปากบางยังคงกล่าวสัพยอกยียวนกวนเพื่อนรักไปเรื่อย หลังหยอกล้อกันเสร็จ ฟาร์รังช่วยลากกระเป๋าเดินทางของเพื่อนตัวโตแล้วออกเดินนำไปทางห้องพักแขกทันที “มาเร็วพี่หมอก รีบอาบน้ำนอนซะหรือจะไปนอนกับน้องฮาร์ฟที่ห้องเด็กก็ได้นะ อีกชั่วโมงกว่า ๆ นู้นกว่าน้องฮาร์ฟจะตื่น” “งั้นกูอาบน้ำเก็บของรอน้องฮาร์ฟตื่นดีกว่าว่ะ อยากเจอหน้าหลานมากกว่า จะฟัดพุงให้หนำใจเลย” 16.25 น. “ม่ะ..มี๊.....” คุณแม่มือใหม่เข้าไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ประจำที่ในห้องนอนเด็กของน้องฮาร์ฟ เพื่อรอคนเป็นลูกตื่นขึ้นมาจะได้ไม่งอแงเรียกหา หลังจากได้ยินเสียงเจ้าตัวน้อยอ้วนตุ๊บส่งเสียงเรียก ใบหน้าหวานจึงหันไปส่งยิ้มกว้างให้ลูกน้อยทันที “ตื่นแล้วเหรอ หิ้วหรือยัง ปวดชิ้งฉ่องไหมครับ” คนเด็กที่เพิ่งตื่นนอน ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนที่นอนตัวเองด้วยตาแป๋ว ส่ายหน้ารัวตอบกลับมา ร่างบางจึงรีบลุกขึ้นไปหาลูก กะว่าจะอุ้มพาไปล้างหน้า ทว่าปรายหางตาหันไปมองทางกระโจมอินเดียจึงได้เห็นว่าคนที่บอกเอาไว้ว่าจะเข้ามารอฟัดหลานตอนตื่น แต่ตอนนี้ตัวเองดันเผลอหลับลึกนอนนิ่งสนิทไปเองซะแล้ว ฟาร์รังจึงตัดสินใจไม่เข้าไปปลุกปล่อยให้เพื่อนซี้นอนไปก่อน เพราะหมอกคงจะเหนื่อยกับการเดินทางข้ามทวีปมาหากันขนาดนี้ ก็น่าจะมีอาการเจ็ตแล็กร่วมด้วยนั่นแหละไอ้การปรับตัวไม่ทันแบบที่ฟาร์รังบินมาอยู่ที่นี่แรกๆ ก็เป็นเช่นกัน “มะมิ..มะมี่..นั่นคายเหย๋อ” นิ้วป้อม ๆ ของน้องฮาร์ฟชี้ไปยังกระโจมอินเดียทันที ที่หันหน้าหลุกหลิกไปจ้องมอง ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นมาทันที ที่น้องฮาร์ฟช่างสังเกตเห็นร่างสูงของหมอก ที่มีเพียงขายื่นออกมานอกกระโจมเท่านั้น “อาหมอกครับ คนที่น้องฮาร์ฟคุยด้วยในโทรศัพท์บ่อย ๆ ไงครับ” “หมอกหนาย” คนแม่แทบจะขำพรืดออกมาทันควัน เอาแล้วไงหมอกตื่นมาได้นั่งปาดน้ำตาแน่ ๆ เล่นบอกรักกันผ่านจอโทรศัพท์แทบจะทุกวัน แต่น้องฮาร์ฟดันถามว่า หมอกไหน? ไปซะแล้ว ท่าทางน้องฮาร์ฟจะยังข้องใจว่าคนที่เห็นแค่ขานั้นเป็นใคร เลยยิ่งดิ้นขลุกขลักจะลงพื้นท่าเดียว พอแขนเรียวยอมปล่อยเด็กตัวกลมลงพื้นได้ เจ้าตัวกลมก็เดินดุ่ม ๆ พุ่งเป้าไปยังกระโจมอินเดียทันที ร่างป้อมงอขาเริ่มหย่อนก้นนั่งยอง ๆ ตากลมโตจับจ้องเพ่งพินิจดูใบหน้าคม ของคนที่ยังหลับสนิทไม่ได้รับรู้เรื่องราวด้วยเลย แต่ไม่รู้ว่าน้องฮาร์ฟอยากจะชะโงกดูใบหน้าของคนหลับชัด ๆ หรืออย่างไร จึงทำให้หน้ากลมของตัวเองคะมำโขกลงไปบนแก้มสากของหมอกแทน เมื่อน้องฮาร์ฟรีบหยัดแขนให้ลุกขึ้นมาได้แล้วสิ่งที่ตามออกมาด้วยนั่นก็คือหยาดน้ำลายใสได้ยืดติดตามขึ้นมาด้วยแล้วสิ ร่างสูงที่หลับสนิทต้องสะดุ้งเฮือกเบิกตาตื่นขึ้นมาแตะสัมผัสถึงสิ่งที่หนืดๆ อยู่ที่แก้มสากของตนเอง เมื่อป้ายแตะๆ แล้วจึงได้รู้สึกถึงความชื้นแฉะยืดเหนียวที่แปะติดอยู่ทันที ประจวบกับใบหน้าคมได้หันขวับมาก็เจอกับต้นต่อแล้ว ดวงตาคมหรี่ล็อกไปทางเป้าหมายที่เป็นน้องฮาร์ฟนั่งพับเพียบรอ เจ้าเด็กตัวป้อมนั่งจ้องหมอกตาแป๋วเช่นกันจนอ้าปากปล่อยให้น้ำลายไหลย้อยอยู่ข้าง ๆ คนที่เพิ่งตื่นเต็มตาแล้วจึงรีบทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรงทันที “ต้าวฮาร์ฟของอาหมอกนี่เอง มาแอบหอมแก้มอาตอนหลับเหรอเนี่ย คิดถึงจังเลยไหนมาฟัดหน่อยยยย” หมอกกำลังทำท่าจะคว้าตัวน้องฮาร์ฟเข้าไปกอด แต่ปรากฏว่าคนเด็กหน้าตาแตกตื่นลนลานขั้นสุด จึงได้รีบคลานตุ๊บตั๊บออกห่างแล้วรีบลุกวิ่งกลับไปหาคนเป็นแม่ทันที ทำเอาคนที่คว้าได้แค่เพียงสายลมมีอาการหน้าเสียไปเรียบร้อยแล้ว น่าสงสารคนเห่อหลานเขานะครับ แต่หลานก็จำไม่ได้จริง ๆ นี่นา “แง้ น้องฮาร์ฟทิ้งอาหมอกกกก” หมอกเอกการแสดงก็มาล่ะครับงานนี้ คนเด็กเห็นร่างสูงทำท่าจะร้องไห้ จึงแอบ ๆ โผล่แค่หน้าออกมาดูอาหมอก แต่ยังใช้ตัวของฟาร์รังเป็นโล่กำบัง ส่วนตัวเองไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของมัมมี๊ พร้อมกำเสื้อคนแม่แน่นมาก ฟาร์รังจึงค่อย ๆ แกะนิ้วป้อมน้อย ๆ ที่เกาะหนึบอยู่ออก และจูงแขนให้คนเด็กออกมาให้ยืนด้านหน้าตนเองแทน “น้องฮาร์ฟดูดี ๆ สิครับนั่นใครเอ่ย หน้าอาหมอกไม่เหมือนในโทรศัพท์เหรอครับ อาหมอกร้องไห้แล้วน้า” หลังคำพูดคนเป็นแม่ทำให้น้องฮาร์ฟมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่อันตราย ขาป้อมจึงค่อย ๆ ย่างก้าวเดินกลับไปหาร่างสูงที่แสร้งร้องไห้อย่างช้า ๆ แล้วเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คนที่ยังเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ “ร้งไห้..ตะไมฮับ” “เจ้ากวางตัวอ้วนตัวน้อย ตกหลุมพรางอาหมอกแล้ว แฮ่” หลังพูดจบคนที่แสร้งร้องไห้ ก็คว้าร่างคนเด็กเข้ามาฟัดหอมแก้มน้องฮาร์ฟกันไป จนน้ำลายย้อยเปื้อนกันไปทั้งอาทั้งหลาน ฟาร์รังพอเห็นน้องฮาร์ฟหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ คนเป็นอาก็ยิ่งฟัดพุงกลม ๆ นั่นจนเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน ร่างบางจึงปล่อยให้สองอาหลานเขาเล่นกันไป แต่ก่อนออกมาจากห้องบอกหมอกไว้ว่าเดียวต้องพากันไปล้างหน้าด้วยนะ เล่นกันจนมอมแมมกันทั้งคู่ไปหมดเลย แล็วก็ตอน 5 โมงเย็นต้องพากัน ออกมากินข้าวเย็นด้วย ⍣ ฟาร์รังทำอาหารจัดเตรียมขึ้นโต๊ะไว้ให้เพื่อนซื้ วันนี้เขาลงมือทำข้าวผัดมันเนื้อกระเทียมกรอบ และซุปมะเขือเทศ พร้อมทำไข่ตุ๋นอบชีสและสลัดมักกะโรนีไว้สำหรับน้องฮาร์ฟ ร่างสูงที่เดินออกมาเห็นว่าเจ้าบ้านจัดวางเตรียมจานไว้เพียง 3 ที่ จึงเอ่ยปากถามถึงประมุขของบ้านอย่างพี่เลออนออกมา "อ่าวฟาร์ วันนี้พี่เลออนไม่กลับมาทานมื้อค่ำด้วยกันเหรอ จัดจาน 3 ที่เอง" "อืม ไม่ใช่แค่วันนี้หรอกเพราะเดือนนี้ พี่เลออนต้องบินไปต่างประเทศ แถมกลับมาก็ต้องมีประชุมโปรเจกต์ใหม่อีก" "มะ..มิ..อันนี้อารายย..หย่อยม้ากกก" ร่างบางหันไปตอบคำถามพร้อมส่งยิ้มให้คนเป็นลูกไปพลาง หันไปเม้าท์มอยกับเพื่อนซี้ไปพลาง "ก็เลยไม่ได้กลับบ้านมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว นี่พ่อทูนหัวคนนั้นก็บ่นอุบ คิดถึงหลานจะลงแดงตายเหมือนกัน" ร่างบางยังคงเม้าท์มอยเรื่องของพี่ชายตนให้เพื่อนสนิทฟัง ว่าถึงกับต้องส่งโทรศัพท์ให้น้องฮาร์ฟคุยและให้ไล่แด๊ดไปทำงาน "พอพี่เลออนเจอลูกอ้อนของน้องฮาร์ฟเข้าไปนะ คิล ฮ่า ๆ" ฟาร์รังบอกให้น้องฮาร์ฟสาธิตให้อาหมอกดูว่าอ้อนแด๊ดดี๊ยังไงบ้าง น้องฮาร์ฟคนเก่งจึงได้เอ่ยปากพูดประโยคพิฆาตที่เลออนแพ้ต่อใจให้หมอกได้ฟังโดยทันทีเช่นกัน “แด๊ดดี่งับ หาเงินมาเยอเย้ออ แย้วซื้อขนมมาให้น้องฮาฟเย้อเยอะเยยน้า เพราะว่าน้อนฮาฟช๊อบชอบขนมมากเลยฮับ” เจอเจ้าเด็กน้อยตัวป้อมออดอ้อนเพียงเท่านี้แหละ คนหลงหลานแบบเลออนถึงกับยอมตัดใจกัดฟันไปทำงาน เพื่อหาเงินซื้อขนมมาให้น้องฮาร์ฟจอมขี้อ้อนทันที หมอกมองใบหน้ากลมที่กำลังยัดช้อนไข่ตุ๋นเข้าปากจนแก้มตุ่ยหลังสาธิตพูดจาออดอ้อนจบ จนหมอกต้องหลุดความในใจออกมา "เป็นกูก็คงรีบวิ่งไปทำงานอ่าเมิ้ง ใครสอนให้พูดแบบนี้อ่าน้องฮาร์ฟ น่ารักจนใจเจ็บไปหมดแล้ว ฮุก" "อาหมอกไม่ฉาบายเหย๋อ เจ่บตรงหนายย" "ฮื้ออ ไม่ไหวแล้ว" ร่างสูงไม่ว่าเปล่า ถึงกับลุกจากที่นั่งตน เดินมาส่งจุ๊บลงกลุ่มผมนุ่มของคนเด็ก ที่ยังเคี้ยวหนุบหนับอย่างเอร็ดอร่อย ช่วงเวลาที่หมอกมาอยู่ด้วยกันที่นิวเจอร์ซีย์ราว ๆ เกือบจะครบอาทิตย์เท่าที่จะสามารถใช้วันลางานมาได้มากที่สุดเพียงเท่านี้ หมอกจึงเกิดอาการงอแงราวกับเป็นเด็กน้อยขึ้นมาบ้างเช่นกัน ใช่ครับหมอกมันงอแงใส่ผม บอกไม่อยากกลับไปทำงานเลย อยากอยู่กับหลานทุกวัน อยากอยู่ฟัดน้องฮาร์ฟนาน ๆ แถมหมอกยังเกริ่นเรียบ ๆ เคียง ๆ บอกให้ร่างบางสร้างแอคเค้าท์ให้น้องฮาร์ฟด้วย มีลูกน่ารักขนาดนี้ ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ไปเลย แต่คนเป็นแม่ก็ไม่ค่อยจะสนใจพวกโซเชียลอะไรอยู่แล้ว จึงทำเพียงแค่เอ่ยแซวหมอกกลับไปว่างั้นก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่อาหมอกแฟนคลับนัมเบอร์วันแทน เพราะทุกทีคนตัวเล็กก็แค่ถ่ายรูป ถ่ายคลิปคนเป็นลูกเป็นบางโอกาส และก็ส่งต่อให้หมอกดูอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ร่างบางก็แอบรู้สึกแปลกใจว่า เอ๊ะ! จะมีคนรู้จักน้องฮาร์ฟได้ยังไงละ ไปเห็นที่ไหนกันเหรอ ? หมอกจึงยอมสารภาพผิดและก็ขอโทษฟาร์รังออกมา ที่ช่วงแรก ๆ เพื่อนซี้ตัวโตแอบเอาคลิปที่คอลกับเจ้าตัวเล็กไปลงใน IG ส่วนตัว แต่ดันมีคนสนใจสอบถามเข้ามาหลายคน กลายเป็นว่าหมอกเลยจัดการเปิดแอคเคาท์ลับ ๆ ของน้องฮาร์ฟไปโดยปริยาย ถ้าหาก ถามว่าโกรธหมอกไหม คนเป็นแม่เมื่อได้ยินอะไรแบบนี้ครั้งแรก ก็ต้องมีความรู้สึกไม่พอใจกันอยู่บ้าง แต่พอลองมาคิดดูดี ๆ ช่วงหลัง ๆ มานี่น้องฮาร์ฟเอาโทรศัพท์ของฟาร์ไปคุยกับหมอกเองตลอดเลย พอคนเป็นอาบอกให้เจ้าตัวน้อยทำอะไรก็ดันเชื่อไปหมด จนไม่รู้ว่าเป็นลูกใครกันแน่ ฟาร์รังก็เลยถามกลับคนเป็นเพื่อนไปว่า ถ้าเกิดเอารูปเด็กลงโซเชียลแบบนี้มันจะไม่ดีหรือเปล่า ? ส่วนหมอกตอบกลับมาว่า ยังไม่ได้เปิดแบบสาธารณะ แถมไม่ได้เห็นน้องฮาร์ฟชัดเจนหมดทุกส่วน จะเห็นเจ้าตัวซะมากกว่า บางครั้งเห็นน้องฮาร์ฟแค่หน้านิด ๆ หน่อย ๆ แต่ทว่าเสียงคุยงุ้งงิ้งกับเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของน้องฮาร์ฟต่างหากที่สดใสจนคนสนใจ อาจจะเพราะน้องฮาร์ฟหล่อทะลุจอเกินไปด้วย คนอื่นเลยพยายามจ้องเพื่อให้เห็นสินะ แต่หมอกก็ยังบอกต่อว่าถ้าหากไม่ชอบ ก็ขอโทษจริง ๆ ที่ไม่ยอมบอกก่อน และก็เดี๋ยวไปลบทิ้งให้หมดเลย จนฟาร์รังบอกว่า ก็ถ้าไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดี ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก แต่แค่กลัวคนเอารูปน้องฮาร์ฟไปตัดต่อในทางที่ไม่ดี หมอกจึงให้สัญญาว่าจะไม่เอาหน้าน้องฮาร์ฟ ออกให้เห็นชัด เดี๋ยวรอน้องฮาร์ฟเดบิวต์ค่อยเปิดตัวแรง ๆ เลย หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ก่อนเพื่อนซี้ตัวโตจะบินกลับไทย ยังมิวายลองมาเกลี้ยกล่อมคนเป็นแม่ดูอีกครั้ง “ฟาร์กูว่า..มึงลองพาน้องฮาร์ฟไปแคสงานดูบ้างสิ ได้ข่าวว่ามีคนเข้ามาติดต่อเรื่องให้น้องไปโฆษณานมให้อยู่ไม่ใช่เหรอ เห็นพี่เลออนบอกกูอยู่” “แหนะ เห็นไหมสนิทกันขนาดนี้ มาเป็นพี่สะใภ้กูไหม” คนตัวเล็กไม่วายที่จะวกกลับมายียวนกวนเพื่อนซี้กลับคืนอีก ฟาร์ชอบแซวหมอกเรื่องให้มาเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ แห่งตระกูลสกุลกัลยวัฒน์ไม่เลิก เพราะชอบรีแอคชั่นจากใบหน้าคมเข้ม มันดูตลกดี “นี่คุยเรื่องน้องฮาร์ฟไงไอ้ดื้อ ไหงมาโผล่เรื่องกูอีกแล้ว กูขอร้อง เพราะกูยังอยากมีมันไว้ใช้งาน อย่าให้คนคนนั้นพรากมันไปจากกูเลยนะ อ่ะกูไหว้ก็ได้ฟาร์รัง” ฮ่า ๆ ๆ เสียงขำดังลั่นของฟาร์รัง ทำให้คนเด็กที่เปล่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ออกมาผสมผสานไปด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูก “เนี่ยแต่ถ้าน้องฮาร์ฟได้มีโปรไฟล์ผลงานบ้างก็ท่าจะเท่ดีไม่หยอก ดังเปรี้ยงปร้างแบบพ่อน้องฮาร์ฟไง” เพื่อนซี้ตัวโตดันเผลอหลุดปากพูดถึง พ่อ น้องฮาร์ฟออกมา เชี่ยแล้ว “โทษเว่ยฟาร์ คือกูไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น” ร่างบางเห็นใบหน้าคมเข้มของหมอก เจือแววความรู้สึกผิดจริง ๆ จึงส่ายหน้าว่าไม่เป็นไรไปให้แทน “อาหมอกจะต้องกลับไปไทยแล้วครับน้องฮาร์ฟ” หมอกจึงเปลี่ยนบรรยากาศ โดยหันไปคุยกับคนเป็นหลานแทน “ไหน๊...อาหมอปัยไหน” น้องฮาร์ฟทำหน้าฉงนใส่คนเป็นอา หมอกจึงหอมแก้มกลมไปฟอดใหญ่ “ไว้เดี๋ยวอาหมอกมาหาอีกนะครับ น้องฮาร์ฟต้องคิดถึงอาหมอกด้วยนะ นี่เอฟซีนัมเบอร์วัน ห้ามลืมกันนะครับ” “เอปซีวัน..ลืม” ฮ่า ๆ ๆ ฟาร์รังกับหมอก กลับระเบิดขำใส่กันอีกครั้งหลังน้องฮาร์ฟพูดจบ หมอกส่ายหัวบ่นอุ๊บออกมา “เจ้าลูกหงานี่ลืมกูแน่ ๆ ขนาดยังไม่ไปก็บอกจะลืมแล้ว” คนผิวน้ำผึ้งพูดจบก็ยกมือขึ้นมาทำท่าปาดน้ำตาออกจากใบหน้าบู้บี้ของตัวเอง จนมีเด็กน้อยผู้หลงกลแล้วเอ่ยปลอบใจให้แทน "โอ๋..โอ๋..อาหมอกย้งไห้ แง แง ตะไมฮับ" ฟาร์รังส่ายหน้าแบบเอือมระอาให้กับเพื่อนซี้ต่างไซซ์สุดแสบที่ขยันสรรหาวิธีหลอกล่อเจ้าเด็กตัวป้อมให้เข้าหาได้ดีจริงๆ #ทุ่มเทเพื่อรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD