ทุ่มเท 18 เมื่อไข้หวัดเป็นเหตุของการเลิกลา

3569 Words
ช่วงที่เราสองคนคบกันได้ 4 เดือนที่ผ่านมานั้น คนพี่ก็คอยเทียวรับเทียวส่งคนน้อง ทั้งตอนเช้าก่อนที่จะเข้าห้องเรียน อีกทั้งตอนเย็นก็ยังยอมที่จะเป็นฝ่ายมายืนรอรับที่หน้าห้องเรียนอีกด้วย เฮฟรู้สึกว่าเพียงแค่ได้เห็นหน้าคนตัวเล็กแค่เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้หัวใจพองโตมีความสุขทุกวันแล้ว จนเขาโดนไอ้เอิร์ธตัวแสบแซวเช้าแซวเย็นว่าหลงเมียขนาดหนัก ซึ่งผมก็ไม่เถียง เพราะผมก็เพิ่งจะเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรกเหมือนกัน แต่ทว่าตอนนี้ผมมีปัญหานะสิ คือว่าหลังจากครั้งแรกของสองเรา คนตัวเล็กกลับพยายามที่จะหลบหน้าหลบตาผมนี่สิครับ ผมถึงกับต้องกุมขมับเป็นเครียดเลย ยัยน้องฟาร์ตัวดี..!! แต่วันนี้นี่แหละ..!! เฮฟรีบวิ่งหน้าตั้งมายืนจังก้าดักรอบริเวณหน้าห้องเรียนของคนเป็นน้องก่อนที่จะหมดคาบสุดท้ายของช่วงเช้าวันนี้ทันที ดูสิวันนี้จะไม่ได้เจอก็ให้มันรู้กันไป!! นั่น เป้าหมายผมมานั่นแล้วครับ “ฟาร์..น้องฟาร์ค้าบบบบ..ตัวเล็ก” รุ่นพี่จอมตื๊อส่งเสียงไม่เบาเรียกแฟนเด็กของตัวเอง แต่คนเป็นน้องกลับกระชับกอดกระเป๋าเป้แล้วรีบออกตัวเดินก้มหน้างุดๆ หนีห่างจากคนที่ยืนรอกันอยู่จนแทบจะสิงกับกรอบบานประตูอยู่รอมร่อแล้วด้วยซ้ำ คนที่อยากให้หันมาสนใจกลับไม่สนใจกัน ส่วนคนที่ขี้เสือกแม่งก็มองอยู่นั่นแหละ "กลางวันนี้พี่ยืมตัวฟาร์หน่อยนะ พวกน้องไปกันก่อนได้เลย" ร่างสูงถือสิทธิ์เป็นรุ่นพี่เอ่ยปากบอกกับกลุ่มเพื่อนๆ คนตัวเล็กแกมออกคำสั่งอยู่กลายๆ ซึ่งคนน้องผู้หญิงทำท่าโอเคเชิญตามสบายเลยค่ะอย่างรู้อยู่แก่ใจ แล้วไอ้นี่แม่งจะมองเหี้-อะไรนักหนาวะ ส่วนเด็กผู้ชายในกลุ่มที่ไม่ยอมออกเดินๆ ออกไปให้พ้นสายตาสักที จนร่างแกร่งรู้สึกเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นใส่กัน จึงได้ส่งสายตาคมดุจ้องหน้ามองออกไปอย่างถมึงทึงราวกับไล่ให้รีบไสหัวไปสักที คนที่ดูรกในสายตาเฮฟจึงจำต้องยอมล่าถอยแล้วก้าวขาเดินจากไป สักทีเหอะ น่ารำคาญลูกตาฉิบหาย ส่วนแฟนเด็กของเฮฟนั้นก็ดันไม่ลดละการก้าวขาเดินหนีอีกต่างหาก จนคนขายาวต้องออกแรงวิ่งเหยาะๆ รีบตามไปคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ให้หมดฤิทธื์สิ้นทางหนีแทนซะเลย “พี่เฮฟ..ปล่อยฟาร์ก่อน ทำอะไรเนี่ย นี่มันที่โรงเรียนนะครับ” คนตัวเล็กบนเสียงอู้อี้ ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของวงแขนแข็งแรงที่ออกแรงกระชับแน่น “ก็ฟาร์หลบหน้าพี่นี่ครับ พี่ทำอะไรผิดเหรอ บอกมาก่อนสิครับ” แขนแกร่งขยับย้ายไปจับลาดไหล่คนน้อง แล้วเชยคางให้แหงนเงยหน้ามาสบตากันตรง ๆ แต่คนน้องก็ทำเพียงแค่เม้มริมฝีปากแน่น พร้อมกับสีแก้มที่สุกแดงปลั่ง “ฟาร์ได้พี่แล้วก็จะทิ้งพี่เหรอครับ พี่เสียใจนะเนี่ย” รุ่นพี่คนเจ้าเล่ห์แสร้งท่อแววตาหงอยเหงา ดูน่าสงสารระคนน่าเห็นใจทำท่าอย่างกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ราวกับตัวเองจะถูกคนน้องทิ้งไปยังไงยังงั้น กลายเป็นคนตรงหน้าที่ได้ยินประโยคที่กลัวคนอื่นจะได้ยินเข้าความเขินอายจึงปรากฏขึ้นมา จนหน้าขึ้นริ้วสีพร้อมเบิกตากว้างตกใจ “เห้ย พี่เฮฟ พูดอะไรออกมาเนี่ยย!!!” คนเป็นน้องหลังได้ยินคำพูดที่น่าอายแบบบอกใครไม่ได้หลุดออกจากปากร่างสูง ก็รีบเอามือน้อย ๆ ขึ้นมาปัดป้องปิดปากคนพูดอย่างจ้าละหวั่นพลางรีบหันหน้าขวับไปแลมองทางซ้ายทีทางขวาทีอย่างคนเลิ่กลั่กกลัวความลับรั่วไหลแล้วใครจะมาได้ยิน คงกลัวคนอื่นจะมาได้ยินสินะ เป็นเอ็นดูจริงเชียว ฟาร์แม่งน่ารักอ่ะ เฮฟจับมือคนตัวเล็กออกเอามาจับกุมไว้ด้วยความรู้สึกว่าคนตรงหน้าน่ารักเกินไปแล้ว “ก็ฟาร์หนีพี่ตลอดเลย พี่กลัวฟาร์จะทิ้งพี่นี่ครับ” คนตัวเล็กหน้าแดงส่ายหน้าระรัวกลับคืนมาให้ “คือว่า ผะ..ผม..ฟาร์อายนี่ครับ” เสียงตอบแบบอ้อมแอ้ม ๆ ของคนตัวเล็กยิ่งทำให้รุ่นพี่เจ้าเล่ห์อยากจะแกล้งเข้าไปใหญ่ "ถ้าตัวเล็กไม่ได้ฟันพี่แล้วทิ้ง งั้น..วันนี้ไปกินกัน..เอ๊ยกินข้าวกับพี่นะครับ" คนเจ้าเล่ห์ยังคงแกล้งคนที่หน้าแดง ให้ทำหน้ากระฟัดกระเฟียดมู่ทู่ออกมาแทนแก้อาการเขินอาย "ถ้าพี่เฮฟยังพูดลามกแบบนี้ ฟาร์ไม่ไปไหนด้วยแล้วนะครับ" คนน้องกอดอกยู่ปากพร้อมจ้องหน้ากันเขม็ง "โอ๋ พี่ก็แค่อยากแกล้งแฟนที่น่ารักของพี่เองอ่า ไปด้วยกันนะ..น้าคนดี..นะครับ” มือใหญ่ฉวยโอกาสคว้าข้อมือคนน้องที่คลายจากการกอดอกไว้ ขึ้นมากอบกุมและแนบใบหน้าลงไปกับมือบางน้อยนิดก่อนที่จะขยับพากันผสานมือจับกันออกเดินไปยังโรงอาหารพร้อมกัน คนเป็นน้องก็ไม่ได้พูดอะไร ยอมก้าวเดินตามแฟนรุ่นพี่ด้วยใบหน้าขึ้นสีไปโดยดุษณี โดยที่คนด้านข้างยกยิ้มกว้างที่สุดในรอบ 3 วันที่ผ่านมาโดยฉับพลัน จับที่มือแต่ดันอุ่นซ่านไปยังหัวใจเลยล่ะครับ ➷ ช่วงนี้เฮฟเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของ ม.6 แล้ว จึงวุ่นวายกับการหาที่เรียนต่อ แต่ทว่าบ้านของเฮฟก็ไม่ได้กดดันอะไรเลยสักนิด ไม่ว่าคนลูกจะเลือกเรียนต่อที่ไหน หรือเรียนคณะอะไร พ่อกับแม่บอกว่าให้อิสระสามารถเลือกเรียนได้เองตามใจชอบเลย ทั้งที่ใจจริงเจ้าตัวอยากจะเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์แทบขาดใจดิ้น แต่ทว่าย้อนแย้งกลับกลายเป็นเลือกคณะบริหารแทน เพราะเฮฟคิดว่าเผื่อตนเองนั้น จะได้มีส่วนเข้าไปช่วยงานของพี่ชายคนโตของตระกูลได้บ้าง เพื่อแบ่งเบาภาระของฮิม แม้นผมจะอยากเดินสายทางนายแบบ แต่ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเพียงความฝันก็พอแล้วครับ เพราะไม่อยากปล่อยให้ฮิมเหนื่อยยากลำบากกับธุรกิจของครอบครัวอยู่คนเดียว โดยที่ผมเห็นแก่ตัวได้สบายลอยตัวเหนือสิ่งอื่นใด และแล้ววันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็มาถึงจนได้.... คนพี่นัดเจอกับแฟนเด็กของตน และสัญญาว่าถ้ามีเวลาว่างจะมาหาให้บ่อย จะมาคอยรอรับกลับบ้านเหมือนเดิม แต่คนเป็นน้องก็ยังคงเอ่ยปากบอกมาว่า ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร อยากให้แฟนรุ่นพี่เอาเวลาไปพักผ่อนมากกว่า เพราะช่วงปี 1 ของเด็กมหาลัยมักจะวุ่นวายกับกิจกรรมอยู่แล้ว ฟาร์รังบอก ฟาร์รังเข้าใจ แต่แค่ผมเห็นสีหน้าแววตาความเป็นกังวลในใจของคนตัวเล็กผมก็รู้ทันแล้วครับ คนเป็นน้องคงจะกลัวว่าจะถูกผมทิ้งแน่ ๆ เพราะใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่ารักทางไกลมันเป็นอุปสรรค เดี๋ยวก็เลิกรากัน แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้นสำหรับผมแน่นอน!!! ผมนี่แหละจะทำให้แฟนตัวเล็กของผมมั่นใจเอง!! “ตัวเล็ก ฟาร์ครับ ห้ามไปมองคนอื่นนะ พี่หวงมากนะรู้มั้ย” หลังแฟนรุ่นพี่เอ่ยพูดประโยคนี้ออกไป แฟนเด็กถึงกับจ้องมองใบหน้าคนขี้หวงอย่างนึกฉงน “พี่เฮฟต่างหากที่จะทิ้งฟาร์ ฟาร์จะไปมองใครละครับก็..แค่คนเดียว” คนเป็นน้องก้มหน้างุดลงไปพูดงุบงิบอยู่ที่หน้าอกอยู่คนเดียว จนได้ยินคำพูดขาด ๆ หาย ๆ ไม่ชัดเจน แต่ผมว่าประโยคนี้มันมีคีย์เวิร์ดที่ทำให้ใจเต้นระส่ำไม่ใช่รึ??!! “อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ชัดเลย” ร่างสูงเอ่ยปากกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อให้คนตัวเล็กพูดคำสำคัญที่เขาอยากได้ยินอีกครั้ง “ก็ตามที่ได้ยินนั่นแหละครับ” คนตัวเล็กเหมือนจะรู้ทัน ไม่ยอมพูดซ้ำเลยแฮะ “พี่รักฟาร์คนเดียวนะครับ ห้ามไปสนใจคนอื่นด้วย พี่ไม่มีวันยอมปล่อยตัวเล็กเด็ดขาด” เฮฟจึงเลือกที่จะเอ่ยบอกความในใจของตนเองให้แฟนเด็กฟังแทน เมื่อเห็นคนน้องเบิกตากว้างทำปากปะงาบ ๆ หลังจากได้ยินคำว่า รัก หลุดออกจากปากแฟนรุ่นพี่อย่างไม่น่าเชื่อ “แล้วฟาร์ละครับ รู้สึกกับพี่ยังไงบ้าง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันในรั้วโรงเรียนนี้แล้วนะ จะไม่บอกพี่บ้างเหรอครับ หื้ม..” คนพูดคำว่ารักออกไปก่อน เริ่มตะล่อมให้คนตัวเล็กบอกความในใจของตนเองออกมาบ้าง ผมก็อยากฟัง อยากยืนยันเหมือนกันนี่ครับ ฟาร์รังน่ะ ไม่เคยรู้ตัวเองหรอกว่ามีคนจ้อง อยากจะเข้ามาจีบตัวเองขนาดไหน แต่มันเป็นผมเองต่างหากที่ต้องคอยกันคอยเกาะแกะกับคนน้อง เพราะหวงคนตัวเล็กจนแทบจะบ้าโดยที่แฟนเด็กเขาไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำ คนตัวเล็กจ้องเข้ามายังนัยน์ตาสีเข้มของแฟนรุ่นพี่ และก็โดนแฟนหนุ่มรุ่นพี่จ้องคืนเข้าไปยังนัยน์ตาสีอ่อน ของคนตรงหน้าด้วยความคาดหวัง คนตัวเล็กจึงพยักหน้าเบา ๆ กลับมาให้ "พี่ก็รู้อยู่แล้วนี่นา ยังจะถามอีกเหรอ" “ก็น้องไม่เคยบอกพี่เลยนี่ครับ พี่จะรู้ได้ยังไงครับ หืม” มือใหญ่จับมือคนตัวเล็กขึ้นมาเกลี่ยไล้ถูไถปลายนิ้วโป้งลงที่หลังมืออย่างรอคำตอบ “ฟาร์ก็รักพี่เฮฟครับ” ทันทีที่ได้ยินคำว่ารักหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง ร่างสูงก็ดึงมือคนตัวเล็กจนเซถลาเข้ามาซบเข้ากับหน้าอกแกร่งโดยอัตโนมัติ แฟนรุ่นพี่ดีใจจนเผลอออกแรงโอบล้อม กอดรัดคนตัวเล็กจนจมลงกับอกแกร่งไปอย่างแนบแน่น “อึก..พี่เฮฟ กอดแน่นไปแล้วครับ ฟาร์หายใจไม่ออก” ➷ ตอนนี้เฮฟกลายเป็นเด็กมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย Dxc แล้ว และมันก็ช่างสมกับคำร่ำลือจริงๆ ที่ว่าเมื่อเป็นเด็กมหาลัยปี 1 นั้นก็มักจะมีกิจกรรมแน่นมาก ช่วงที่ยังปิดเทอมและช่วงเปิดเทอมแรก ๆ เฮฟยังคงมีเวลาได้แวะไปหาคนตัวเล็กได้บ้าง และส่วนมากช่วงวันหยุดวันเสาร์ เราสองคนก็ยังพากันไปเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าช่วงนี้แฟนรุ่นพี่กลับไม่ได้ไปหาคนเป็นน้องในวันธรรมดาเลย แม้นว่าจะคอยพยายามหลีกเลี่ยง หลบเลี่ยงการประกวดดาวเดือนของคณะ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงทางใดทางหนึ่งได้เลย ซึ่งมันก็เหมือนกับว่าผมนั้น ได้ผิดคำสัญญากับคนตัวเล็กไปแล้ว แต่แฟนเด็กกลับบอกว่าไม่เป็นไร อย่างปลอบโยน แค่ได้รู้ว่าผมยังสบายดีก็ดีแล้ว ผมว่าน้องก็คงหวั่นใจแต่แค่ไม่ยอมบอกความในใจกับผมตรง ๆ มากกว่า ผมจึงเลือกที่จะส่งรูปส่งข้อความหาคนตัวเล็ก เวลาผมทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใครไปให้คนเป็นน้องดูแทน และในวันเสาร์นี้เราสองคนก็ได้นัดกันไว้แล้วว่า จะไปเที่ยวสวนสาธารณะด้วยกัน อยากพาแฟนเด็กไปนั่งคุยกันชิล ๆ แลกเปลี่ยนช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงวันนัด ฝันของผมก็เป็นอันต้องล่มสลาย เพราะคนเป็นน้องส่งข้อความมาขอโทษขอโพยที่ไม่สามารถไปตามนัดได้ เนื่องจากคนตัวเล็กนั้นเป็นหวัด จึงไม่อยากให้แฟนรุ่นพี่ป่วยไปด้วย เลยขอเลื่อนนัดไปก่อนอย่างรู้สึกผิด ผมได้ยินแบบนี้จากคนตัวเล็ก ก็ทำให้ผมร้อนใจขึ้นมาทันที เพราะพวกเราไม่ได้เจอกันมาร่วมเดือนแล้วด้วย อีกทั้งเสมือนกับคนที่ปล่อยปละละเลยแฟนตัวเองเลย จนผมต้องคิดว่ายังไงก็ต้องไปเยี่ยมคนเป็นน้อง นั่นแฟนผมเลยนะ และก็ในเมื่อวันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะน้องเคยบอกว่าป๊าของคนตัวเล็กหยุดวันอาทิตย์นี่นา เมื่อร่างสูงคิดได้ดังนั้น จึงรีบพุ่งตรงไปยังบ้านของคนตัวเล็กที่เป็นห่วงอย่างคะนึงหาในตอนนี้ทันที แฟนรุ่นพี่แวะซื้อโจ๊กกับผลไม้ที่แฟนเด็กของตนชอบไปฝาก เมื่อมาถึงหน้าบ้านคนตัวเล็กที่ทุกครั้งเคยมารับมาส่งได้เพียงแค่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยเท่านั้น บัดนี้ร่างสูงจึงยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่แถวหน้าบ้านแฟนเด็กของตน ตาคมเหลือบไปเห็นออดหน้าบ้าน แต่ทว่ากำลังจะเอื้อมมือไปกดก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาคนตัวเล็กแทน พอเมื่อได้เห็นคนตัวเล็กในครรลองสายตา ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นยกยิ้มกว้างออกมาเอง เพราะเสมือนว่าเราไม่ได้เจอกันมาแสนนาน จึงทำให้ความคิดถึงที่มันสะสมไว้ทวีตีรวนรุนแรง จนแทบจะปะทุระเบิดออกมา คนตัวเล็กที่มีใบหน้าออกจะซูบซีด พาแฟนรุ่นพี่เดินเข้ามาภายในบ้านที่มีเพียงตนเองอยู่คนเดียว เจ้าของบ้านเชิญให้แขกนั่งลงโซฟาตัวเดิม ที่เคยมาส่งคนน้องตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้รู้จักกัน จะว่าไปที่บ้านคนตัวเล็กก็ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่ ยกเว้นแต่มีภาพถ่ายบานใหญ่ที่มีรูปผู้หญิงกับผู้ชายอีกคนเพิ่มเข้ามาประดับด้วย แต่ผมก็ไม่ได้อยากใส่ใจไปมากกว่าคนร่างบางตรงหน้า ซึ่งดูซีดเซียวด้วยความเป็นห่วงและคะนึงหาเป็นที่สุด หลังจากคนน้องเดินถือแก้วน้ำออกมาจากห้องครัวและได้เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกันที่โซฟาตัวยาว ฝ่ามือใหญ่จึงยกขึ้นวางแปะลงที่หน้าผากมนตามความเคยชินในเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวกันแบบทันที เพื่อจะวัดไข้พร้อมกับใช้หลังมือแตะไปยังซอกคอขาวเพื่อวัดอุณหภูมิของคนป่วยด้วยเช่นกัน เฮฟจึงรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้าตัวอุ่น ๆ ค่อยไปทางร้อนแต่ไม่มาก “กินข้าวกินยาหรือยังครับ” คนเป็นห่วงเอ่ยปากถามคนตัวเล็กที่นั่งเกาะกุมมือกันไว้ “กินแล้วครับ” “ปวดหัวไหม พี่เป็นห่วงเราเลยมาเยี่ยมครับ” มือใหญ่บีบกระชับพร้อมเอ่ยปากบอกจุดประสงค์ของตัวเอง ผมเป็นห่วงคนตัวเล็กจริง ๆ นะและก็รู้สึกผิดมาก ๆ ด้วย “ฟาร์ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวกินยาและนอนพักก็หาย พี่เฮฟไม่น่าลำบากมาเลย เดี๋ยวติดหวัดฟาร์จะแย่เอานะครับ” สายตาคมลุ่มลึกจ้องมองคนตัวเล็กที่บ่นใส่ตนเองงุบงิบ กับริมฝีปากกระจับบางที่เอื้อนเอ่ยออกมา จึงทำให้เกิดความเผลอไผลจับจ้องไปอย่างไม่อยากละสายตา “กินผลไม้ไหม เดี๋ยวพี่ไปจัดจานให้” แฟนรุ่นพี่อยากเอาใจแฟนเด็กเอ่ยถามออกไป จึงทำให้คนตัวเล็กหลุดเสียงขำส่งมาให้ ใบหน้าหล่อเหลายกคิ้วโก่งพลางทำหน้าฉงนงง ๆ ว่าคนน้องขำอะไร “ไม่เอาหรอกครับ พี่เฮฟจะเอามาให้ฟาร์แทะทั้งเปลือกละสิ..พี่เฮฟปอกเปลือกเป็นเหรอครับ” หลังคนน้องตอบไขข้อข้องใจแถมยังคงส่งยิ้มหวานส่งมาให้กัน เออผมลืมไปเลยว่าทำอะไรก็ไม่เป็น ทุกทีก็มีแต่ป้าแม่บ้านเตรียมไว้ให้ตลอด คนเป็นพี่ที่เพิ่งจะรู้ตัวจึงได้แต่หัวเราะแหะ ๆ ยิ้มแหย ๆ พลางยกมือเกาหลังท้ายทอยตนเองแก้ความเก้อเขินไป “คิดถึงตัวเล็กจังเลยครับ ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลย” เฮฟจึงเปลี่ยนเรื่องเป็นบอกความในใจกับคนตัวเล็กแทน จนคนตัวเล็กช้อนดวงตาขึ้นมาจ้องสบตามองกัน “ฟาร์ก็คิดถึงพี่เฮฟครับ ช่วงนี้เหนื่อยแย่เลยสินะ กิจกรรมเยอะเลยใช่ไหมครับ แล้วเรียนหนักไหมครับ” คนตัวเล็กเอ่ยถามคนด้านข้างออกมาหลายประโยค เพราะเราไม่ได้เจอกันเลย คุยกันผ่านเพียงแค่ตัวอักษรเท่านั้น แฟนรุ่นพี่ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับแฟนตัวเล็กโดยเว้นระยะห่างให้มันลดน้อยลง พร้อมกระชับมือคนตัวเล็กยกขึ้นมากดพรมจูบ คนเป็นน้องก็ใช่ว่าจะไม่มีความโหยคะนึงหากันซะเมื่อไหร่ ยิ่งเกิดความใกล้ชิดกันเช่นนี้แล้วความอุ่นซ่านในใจจึงเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ฟาร์รังเริ่มเอนกายทิ้งน้ำหนักตัวลงไปพิงอยู่กับหน้าอกแกร่งของแฟนหนุ่มรุ่นพี่อย่างเคยชินดั่งเช่นในตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน ทว่าพักหลังมานี้ทั้งคู่ห่างกันนานจึงทำให้ต่างฝ่ายก็แสนจะคิดถึงการสกินชิพกันอยู่ทุกคืนวัน ใบหน้าคมกดปลายจมูกโด่งลงไปฝังกับกลุ่มผมนุ่มสีอ่อนของคนตัวเล็ก เมื่อใบหน้าหวานติดขาวซีดช้อนใบหน้าขึ้นมาสบตามองกันด้วยแววตาคะนึงหาอย่างปิดไม่มิด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยเพราะฤทธิ์ไข้ของคนตัวเล็ก หรือเพราะความใกล้ชิดของทั้งคู่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน บวกความคิดถึงที่มันทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้เกิดความรู้สึกที่อยากสัมผัสชิมรสกับริมฝีปากแดงนุ่มหยุ่นของคนตรงหน้าโดยลืมการวางตัวต่อสถานที่ไปเสียสนิทเลย ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนขยับปรับองศาแล้วโน้มใบหน้าลงทาบทับจรดชิดริมฝีปากลงบนริมฝีปากสีสดนุ่มนิ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มขยับดูดดึงขบเม้มกลีบปากบางตามใจอยากอย่างที่ใจมันโหยหาคนรักมานานราวนับเดือน อะ..อื้อ..อือออ คนตัวเล็กเริ่มออกแรงขยับที่มีอันน้อยนิดเมื่อเริ่มต้องการสูดออกซิเจนเข้าปอดโดยด่วน มือเล็กกำขยำขยุ้มเสื้อเชิ้ตของคนพี่ที่ยังคงกินปากของตนอยู่อย่างมูมมาม ทำเอาคนที่ถูกสูบพลังไปราวกับไร้เรี่ยวแรงไปหมดสิ้นแล้ว คนตะกรุมตะกรามจึงต้องจำยอมผละใบหน้าออกห่างจากกันให้อย่างเชื่องช้า จนทำเอาน้ำลายหยาดใสที่ถูกเชื่อมสายกันอยู่ได้ไหลย้อยตามออกมาด้วยอย่างไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครกันแน่ แฮก..แฮ่กกก ตาคมสบเห็นสีหน้าและอาการเหนื่อยหอบของคนตัวเล็ก ก็ยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งพลางไล้ปลายนิ้วโป้ง ขยับออกแรงน้อยนิดเกลี่ยเช็ดที่มุมปากของคนตัวเล็กที่มีหยาดสีใสติดอยู่ “พี่เฮฟจะติดหวัดนะครับ” ประกายแก้วตาคนตัวเล็กหวานหยาดหยด เอ่ยปากบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเป็นห่วง หรือเพราะปกปิดความเขินอาย อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ ณ เวลานี้ ผมไม่สนใจแล้วครับ ก็แค่ติดหวัด..จากแฟนเอง ปลายนิ้วยาวจับคางมนเชยขึ้นมารับจูบอันหวาบหวาม เอาแต่ใจของแฟนหนุ่มรุ่นพี่จอมตะกรุมตะกราม กับการกินปากนุ่มนิ่มแลกน้ำลายกันอีกครั้ง อื้มม..จ๊วบ...อือออ... “ติดหวัดจากแฟนก็ไม่แย่หรอกครับ เพราะมันคุ้มค่ากว่า” เมื่อริมฝีปากหยาดเยิ้มเคลือบไปด้วยหยาดน้ำสีใส จึงได้ยอมผละออกมาเพื่อเอ่ยเหย้าหยอกให้แฟนเด็กของตนหน้าขึ้นสีเล่น ใบหน้าคมจึงฝากฝังหน้าผากตนเองลงไปทาบเข้ากับหน้าผากมนคนตัวเล็ก แต่ทว่าจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนคนตัวเล็กออกแรงผลักกันอย่างรุนแรง จนต้องหงายหลังเงิบล้มลงไปกับโซฟา เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แฟนหนุ่มรุ่นพี่รีบรุดหยัดกายขึ้นมา ตาคมมองไปยังคนตัวเล็กที่มีอาการเบิกตากว้าง ริมฝีปากแดงบวมช้ำสั่นระริก หลังจากหันไปมองยังคนที่ยืนอยู่ตรงกรอบประตูด้วยอาการสั่นเทา เฮฟจึงหันไปมองตามยังจุดที่คนน้องหวาดหวั่นนั่งมองด้วยความตื่นตระหนก เมื่อตาคมปรับโฟกัสตามก็ได้เห็นว่าเป็น ผู้ชาย ที่มีหน้าตาเหมือนกับคนในรูปที่ติดอยู่ฝาผนังคนนั้น แล้วทำไมคนตัวเล็กของผม ต้องหวาดกลัวจนตัวสั่นขนาดนี้ด้วยละ?? #ทุ่มเทเพื่อรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD