ชายหนุ่มเคาะประตูก่อนจะร้องเรียกเสียงแผ่ว “นายหญิง...”
บานประตูใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นร่างหญิงสาวในชุดสีบานเย็น ใบหน้าของนางดูอ่อนเยาว์หากแววตากลับล้ำลึกเกินวัย “ท่านชิว มีธุระอันใดกับนายหญิงหรือ”
ชิวจ่างค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองจะสาวเท้าเข้ามาในห้องโดยที่ยังไม่ปิดประตู “แม่นางลู่ มีสตรีผู้หนึ่งมาเพื่อซื้อข่าว แต่นางบอกว่าต้องการพบนายหญิงท่าเดียว ข้า...”
ลู่ซูชักสีหน้าไม่พอใจ “ท่านชิว ลูกค้าบอกให้มาท่านก็มิรึ! ปัญหาเพียงเท่านี้ท่านยังจัดการไม่ได้ ท่านนี่มัน...”
สตรีในชุดสีสดกล่าวยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงใสกังวานจากด้านในขัดขึ้นมาเสียก่อน “บอกไปว่าข้าไม่ต้องการเข้าพบ อยากซื้อข่าวก็ให้พบคนของเราเหมือนเดิม หากคิดมาสร้างความวุ่นวายก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
ชิวจ่างลอบกลืนน้ำลาย “ขอรับ” ดูท่านายหญิงของเขาจะอารมณ์ไม่ดี
ชายหนุ่มคิดพลางค้อมศีรษะก้าวถอยไปด้านหลัง หากยังมิทันได้เดินออกจากห้องก็สะดุ้งโหยงเมื่อร่างระหงในเสื้อคลุมสีทึมยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับยกขาขึ้นมากั้นประตูเอาไว้
ปึง!
ริมฝีปากอวบอิ่มที่พ้นผ้าคลุมสีทึมเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยนำทางให้”
“ทะ...ท่าน!”
ชิวจ่างใบหน้าซีดเผือด ขณะที่ลู่ซูอ้าปากเตรียมกรีดร้องเรียกคนให้มาลากตัวแขกมิได้รับเชิญออกไป
“สาวน้อย ข้าไม่แนะนำให้เจ้าโวยวาย ผู้ที่ยืนคุ้มกันตั้งปากทางเดินถูกข้ากล่อมให้นอนหลับไปหมดแล้ว” เสาอวี่เน้นเสียงให้ดังขึ้นเป็นพิเศษเพื่อตอกย้ำว่านางได้ทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ
สองหนุ่มสาวฟังแล้วก็เบิกตาจนแทบถลน คนของหอเวหามีมากเท่าไร...พวกเขารู้ดี แค่ผู้ที่ยืนประจำการอยู่บริเวณหน้าห้องของนายหญิงก็ปาไปเกือบยี่สิบคนแล้ว!
สตรีผู้นี้เป็นผีบ้ามาจากไหนกัน ตัวเพียงคนเดียวจะล้มบุรุษกว่ายี่สิบนายได้อย่างไร!
ลู่ซูได้สติกลับมาเป็นคนแรก “จะ...เจ้าโกหก!” นางกล่าวพลางจ้องเสาอวี่เขม็ง ทว่าเมื่อสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่วาวเหลือบอยู่ในเงาผ้าคลุม ประกายอำนาจบางอย่างส่งผลให้ลำคอแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ข้ามาเพื่อซื้อข่าว เสร็จแล้วก็จะกลับ” ร่างระหงเอ่ยพลางวางขาลงบนพื้น “อย่าทำให้พวกเจ้าหรือข้าต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”
“สามหาว! เจ้าเป็นใคร นายหญิงเป็นใคร... นึกอยากจะเข้าพบก็เข้าพบได้รึ!” สตรีร่างบางกล่าวพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ทว่าท่าทางเช่นนั้นกลับสู้ความดิบเถื่อนโอหังของแม่โจรสาวมิได้แม้แต่ปลายก้อย
เสาอวี่เอนหลังพิงกรอบประตูขวางทางหน้าตาเฉย “แล้วนายเจ้าเป็นใคร เหตุใดข้าจึงเข้าพบไม่ได้”
“เจ้า...” ชิวจ่างอ้าปากค้าง
“ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้าแล้ว” ร่างในผ้าคลุมสีทึมถอนหายใจก่อนจะเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วประดุจสายลม ทั้งลู่ซูกับชิวจ่างเบิกตากว้างแทบกรีดร้องออกมาเมื่อมือของหญิงสาวพุ่งตรงเข้ามาราวกับเงามัจจุราช
“ช้าก่อน! ” เสียงกังวานดังขัดจังหวะไว้ได้อย่างทันท่วงที
ร่างระหงหยุดมือไว้ได้ทันก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัสโดนไหล่คนทั้งสอง เสาอวี่หักนิ้วดังกร๊อบราวกับต้องการแกล้งแหย่ให้เจ้าของใบหน้าซีดขาวทั้งสองขวัญหนีดีฝ่อ
“ชิวจ่าง เจ้าพาลู่ซูออกไป อย่าให้ใครเข้ามารบกวน”
พรึบ!
ลู่ซูเข่ากลัวเสียจนอ่อนทรุดเข่าลงกับพื้น ลำบากให้บุรุษอีกคนมาช่วยพยุงออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ
ครั้นคนทั้งสองออกไปแล้ว เสาอวี่จึงมีอารมณ์กวาดตาสำรวจห้องขนาดใหญ่แห่งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง การตกแต่งนับว่าหรูหรา ผืนผ้าโปร่งประดับลูกปัดล้ำค่าห้อยระย้าตามจุดต่างๆ กลิ่นหอมของกำยานที่จุดอยู่ลอยมาแตะจมูกนับว่าพอเหมาะ แจกันและเครื่องเรือนล้วนมีมูลค่ามากมายมหาศาล
แม่โจรสาวตาวาวคำนวนสิ่งต่างๆ ตามสัญชาตญาณ นายหญิงแห่งหอเวหานับว่ามีเงินทองไม่เบาเลยทีเดียว
“เชิญแม่นาง” เสียงเจ้าของห้องแม้จะยังคงความไพเราะแต่น้ำเสียงนั้นแข็งกระด้างอย่างเห็นได้ชัด
เสาอวี่หัวเราะในลำคอ ครั้นเดินผ่านฉากกั้นก็พบพื้นยกสูงถูกกางมุ้งล้อมกรอบด้วยผ้าโปร่ง เห็นสตรีรูปร่างอรชรผู้หนึ่งกำลังรินชาด้วยทวงท่างามสง่า
“การวางตำแหน่งคนของเจ้าหละหลวม” นกยูงสาวเดินไปแหวกม่านออกพร้อมจ้องมองโฉมสะคราญเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่นึกว่าหอซื้อขายข่าวอันดับหนึ่งแห่งเมืองจื้อโหยวจะหละหลวมถึงเพียงนี้”
เจ้าหอเวหาอายุดูแล้วน่าจะพอๆ กันกับนาง ไร้ซึ่งวรยุทธ์ ดวงหน้างามล้ำขาวสะอาดกลืนไปกับอาภรณ์สีงาช้าง สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นทีจะเป็นแพขนตาหนางอนเหนือดวงตากลมโต
“ข้าให้เกียรติท่านถึงเพียงนี้แล้ว ท่านก็น่าจะให้เกียรติ...เปิดเผยตัวตนให้ข้าได้รู้”
เสาอวี่ยักไหล่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเสียงดัง มือเรียวรั้งผืนผ้าออกจากศีรษะอย่างไม่ใส่ใจนัก วิถีโจรที่ซึมซับมาแต่เล็กมิอาจสลัดคราบให้หายไปโดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าตัวมิได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงมัน
จิ้งเหม่ยหลินมีสีหน้าตกใจในทีแรก ก่อนที่นัยน์ตาจะหรี่ลงเมื่อคุ้นเคยกับใบหน้าของสตรีห่ามเถื่อนผู้นี้ “เฮยขงเชว่ลำบากมาเยี่ยมเยือนหอเวหาด้วยตนเอง มิทราบว่าท่านต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด”
ผู้ฟังยกยิ้ม “ชื่อเสียงข้ามาไกลถึงเมืองจื้อโหยวเชียวรึนี่” กล่าวจบก็ตรงเข้าประเด็นทันทีโดยไม่ให้เป็นการเสียเวลา “ข้ามีคำถามที่อยากรู้ทั้งหมดสามข้อ”
“การซื้อขายข่าวย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน หากท่านพร้อมจะให้หอเวหาด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ข้าพร้อมที่จะช่วยไขข้อสงสัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ไม่ต้องมายืดเยื้อ เจ้าอยากได้เงินใช่หรือไม่”
จิ้งเหม่ยหลินยังคงท่าทีสงบแม้ว่าจะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับจอมโจรที่แคว้นเกากำลังประกาศตามหาตัวจนแทบพลิกแผ่นดิน สิ่งนี้บ่งบอกถึงประสบการณ์ว่าคุ้นชินกับลูกค้าประเภทนี้มาไม่น้อย “จะเป็นตัวเงินหรือของล้ำค่าก็ได้ เฮยขงเชว่ ท่านมีสิ่งใดมาเสนอ?”
คู่สนทนาไม่ตอบแต่กลับหันไปมองรอบๆ พร้อมกับส่งเสียงฟึดฟัดในจมูก “เจ้าเพิ่งดื่มสุราแต่กลับจุดกำยาน ดูท่าคงกำลังรอผู้ใดอยู่สิท่า”
ดูท่าเสาอวี่จะจี้ได้ตรงจุดเมื่อโฉมสะคราญมีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วมันเกี่ยวอันใดกับท่าน” ขนาดนางใช้กำยานมาช่วยดับกลิ่นสุราที่ดื่มไปแล้วยังมิอาจรอดพ้นประสาทสัมผัสของนางโจร
“หากข้าดวลเหล้าชนะ เจ้าต้องตอบคำถามของข้า...” ร่างระหงชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งด้วยความเคยชิน โน้มใบหน้าเข้าไปหาจิ้งเหม่ยหลินแล้วจ้องมองอย่างท้าทาย “นายหญิงแห่งหอเวหา เจ้ากล้ารับคำท้าจากจอมโจรเยี่ยงข้าหรือไม่”