“แต่ก็ควรจะถามไถ่แสดงน้ำใจว่าอยากช่วย มันเป็นสิ่งดีงามที่สุภาพบุรุษควรทำ”
“ครับ งั้นจะให้ผมช่วยอะไร”
“ก็ช่วยเปลี่ยนยางล้อรถ ตามช่างไงคะ”
“ผมมีอีกทางเลือก”
“อะไรคะ”
“คุณมาขึ้นรถผม เดี๋ยวผมไปส่งเพราะบ้านคุณอยู่ใกล้บ้านผม” เธอครุ่นคิดกำลังยืนลังเลเขาก็เดินไปยังรถ เธอเลยรีบวิ่งจู๊ดไปเปิดประตูรถนั่งใกล้คนขับในทันที ที่เธอทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะอยากไปกับเขาหรอกนะ เพราะเธอเห็นอดีตแฟนกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกำลังมองมาที่เธอกับดนุเดช
ตอนเข้าเรียนเธอเห็นติรกาญจน์ดูอึ้งไปเหมือนกันที่เห็นอาจารย์หนุ่มในห้องเพราะจำเขาได้ว่าเจอกันที่ผับเมื่อคืน เธอกัดปากครุ่นคิด สองคนนั่นจะสงสัยหรือเปล่านะ โดยเฉพาะยายเพื่อนทรยศเพราะเธอทำท่าทางเฟอะฟะในห้องเรียน ทำเหมือนไม่อยากเจอกับดนุเดช ปิดหน้าปิดตาเหมือนไปทำความผิดอะไรมา
ดนุเดชขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยในขณะที่คนนั่งใกล้ๆ คิดอะไรไปต่างๆ นาๆ เขาจอดรถก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ เธอสะดุ้งมองเขาหน้าตาเหลอหลา
“ทำไมไม่คาดเข็มขัดนิรภัย” เขาเอ่ยถามเสียงดุก่อนจะจัดการดึงเข็มขัดคาดให้เธอ ใบหน้าที่แนบชิดมาหาห่างกันแค่คืบทำเอาเธอแทบกลั้นใจ ลมหายใจร้อนๆ ของเขาและใบหน้าที่ขยับเข้ามาจนชิดทำเอาเธอหัวใจเต้นโครมคราม เธอเลยหลับตาหนี
“ถ้าผมจูบคุณ คุณจะลืมตาไหม” คำถามของเขาทำให้เธอรีบลืมตา ใยไหมสบกับสายตาคมเข้มสีเหล็กกล้าของเขาแล้วเงียบงันไป
“ลืมตาแสดงว่าอยากให้จูบเหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” เธอรีบปิดปากตัวเองป้องกันการจูบ เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะผละออกห่าง เธอล่ะเกลียดสายตาของเขาแบบนี้เป็นที่สุด
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” เธอหันไปเอ่ยถามเขา มองอย่างระแวงระวังและไม่ไว้ใจ
“มองผมเหมือนผมเป็นอาชญากร”
“คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้ค่ะ”
“ผมหิวข้าว”
“คะ?” เธอทำหน้างงกับประโยคของเขา
“แวะกินข้าวก่อนนะ วันนี้ยุ่งทั้งวัน ผมกินข้าวกลางวันไปแค่นิดเดียวเอง”
“ก็ได้ค่ะ” เธอติดรถเขามาแล้วจะบอกว่าไม่ได้ก็กระไรอยู่
“มีร้านอาหารแนะนำไหม ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่ค่อยรู้จักที่ไหนเลย” เขาเอ่ยถามเธอ ใยไหมเลยทำท่าครุ่นคิด
เธอเลยบอกเขาให้แวะร้านอาหารปักษ์ใต้ตรงริมทางระหว่างกลับบ้าน ร้านนี้มีชื่อเสียงมาก อาหารของเขาอร่อยและสะอาดเพราะเธอและครอบครัวแวะมารับประทานกันบ่อย
“ร้านนี้ค่ะ รับรองว่าอร่อย” เขาจอดรถและเดินตามเธอเข้าไปในร้าน ร่างของคนทั้งสองที่เดินเข้ามาทำให้แขกในร้านหลายคนต่างหันมามอง เพราะร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็คเนื้อดีทำให้ช่วงเพรียวแข็งแรงปรากฎแก่สายตาทุกคน สาวหญิงสวยในชุดนักศึกษารูปร่างโปร่งบางอรชรอ้อนแอ้นแต่มีสัดส่วนยวนตา อกอวบอิ่ม เอวคอด สะโพกผายรับกับช่วงขาเรียวขา ใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอสดใสยามยิ้มนั้นก็ปรากฎลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มขึ้นมาทำให้น่ามองเข้าไปอีก ปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ แก้มนวลใส ดวงตาเรียวสวย แพขนตางอนงาม คิ้วเรียวหน้าผากนูนเกลี้ยงบ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียวและเด็ดขาดมั่นคง
ใยไหมเหลือบมองเขาเล็กน้อย ผู้ชายตัวสูงมาดขรึมแต่ชอบแหย่แกล้งเธอ เขาดูสุภาพเรียบร้อยในสายตาของคนอื่น ผิวขาวจัดปากแดงจัด คิ้วเข้มส่งผลให้ใบหน้าเรียวของเขาดูสว่างและหล่อเหลา เธอนึกคิดไปว่าเขาจะกินอาหารรสชาติจัดจ้านได้หรือไม่ คงจะร้องว่าเผ็ดและดื่มน้ำเป็นปี๊บๆ อย่างแน่นอน
“สั่งเต็มที่เลยนะคะ ร้านนี้อร่อยมากค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ ก็ดีเหมือนกันได้กินอาหารนอกบ้านแถมยังเป็นร้านโปรดอีกด้วยที่สำคัญไปกว่านั้นมีคนเลี้ยง
“อันนี้เลยค่ะผัดเผ็ดกบขอเผ็ดๆ เลยนะคะ อาจารย์กินกบไหมคะ” เธอหันไปถามเขา สีหน้าเหมือนอยากแกล้ง อาจารย์หนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
ใยไหมกัดปากทำหน้าครุ่นคิด อาจารย์ของเธอดูสำอางขนาดนี้กินผัดเผ็ดกบด้วยเหรอ หรือพยักหน้าไปอย่างนั้นไม่อยากเสียฟอร์ม
“อันนี้เลยค่ะคั่วกลิ้งหมูป่า เอาเผ็ดๆ ถึงเครื่องไปเลยนะคะ อาจารย์กินไหมคะ” เธอเอ่ยถามเขาก็พยักหน้าอีก
“อาจารย์คะ”
“ครับ”
“ร้านนี้เผ็ดมากเลยนะคะ” เธอย้ำเขาก็รับคำอีก เธอจึงสั่งต่อเอาให้เผ็ดตายกันไปข้างหนึ่งเลย ใยไหมคิดแค่อยากแกล้งแต่ลืมไปว่าตัวเองก็ต้องกินอาหารพวกนั้นด้วย
พอพนักงานเสิร์ฟกลับไปแล้วเธอก็หันมานั่งคุยกับเขาปรากฎว่าเจอแฟนเก่ากับอดีตเพื่อนรัก เธอหลบไม่ทันสองคนนั่นเดินมาทางนี้แล้ว
“อาจารย์” เธอเขี่ยเท้าเขา กระซิบกระซาบเสียงเบา ดนุเดชพาเท้าหนีเขาทำตาดุวับใส่เธอ ใยไหมกัดปากไม่ทันได้เตี๊ยมอะไรกับเขาสองคนนั่นก็เดินมาถึงที่โต๊ะของเธอพอดี
“บังเอิญจังเลยนะคะ เรามากินอาหารที่ร้านเดียวกันเลย” ไม่ได้บังเอิญหรอก เธอตั้งใจให้แฟนหนุ่มขับรถตามมาและดูเหมือนวิษณุเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“สวัสดีค่ะอาจาย์ดนุเดช หนูติรกาญจน์ที่เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์กับอาจารย์วันนี้ไงคะ อาจารย์จำได้ไหม”
“จำได้ครับ” ดนุเดชตอบเสียงสุภาพรับไหว้ลูกศิษย์สาว ในขณะที่ใยไหมแอบหมั่นไส้
แน่ะ! ดันไปจำนางมารร้ายได้อีก ก็ใช่น่ะสิ อาจารย์หนุ่มก็ต้องจำลูกศิษย์ผู้หญิงได้อยู่แล้ว แต่ผู้ชายอย่าหวังว่าจะจำได้
เธอขอตั้งฉายาแบบหนังจีนกำลังภายในให้เขาเลย หวังฟันศิษย์!!!
คนคิดเป็นตุเป็นตะนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พอคนโดนด่าในใจหันมาเธอก็ฉีกยิ้มกลบเกลื่อน
“จะรังเกียจไหมคะถ้าพวกเราจะขอร่วมโต๊ะด้วย พอดีลูกค้าเยอะไม่มีโต๊ะว่างเลยค่ะ” ติรกาญจน์เอ่ยขอเสียงสุภาพในขณะที่วิษณุมองหนุ่มสาวทั้งสองนิ่งๆ ไม่แสดงความไม่พอใจออกมา ใยไหมเลิกกับเขาไม่ทันไรก็มีแฟนใหม่ คิดแล้วรู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน
“ห่อกลับไปกินที่บ้านสิ ไม่มีที่ว่างให้เธอนั่งหรอกนะ” ใยไหมรีบตอบแต่ดนุเดชเอ่ยอนุญาตแทน ใยไหมหันไปมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” ติรกาญจน์ทำท่าจะเข้าไปนั่งใกล้ดนุเดชแต่ใยไหมลุกพรวดพราดขึ้นเสียก่อน
“เธอมานั่งใกล้แฟนเธอสิ” คนพูดเสียงแข็งมองตาเขียวปั๊ด ติรกาญจน์เองก็ไม่กล้าเพราะเห็นวิษณุกำลังมองมาเช่นกัน เขาไม่ชอบให้แฟนตัวเองเห็นผู้ชายคนอื่นดีกว่าหรืออยากไปนั่งใกล้คนอื่น
ติรกาญจน์เดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ของใยไหมที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ใยไหมไปนั่งใกล้ดนุเดชเธอหันหน้าไปมองเขาเหมือนขอร้องอะไรบางอย่าง ดนุเดชไม่เข้าใจแต่เขาก็รอดูท่าที
“อาจารย์คบกับไหมนานแล้วเหรอคะ” ติรกาญจน์ไม่รอช้ายิงคำถามที่อยากรู้ในทันที
“ก็ไม่นานนะ เพราะอาเดชเพิ่งย้ายมาอยู่ใกล้บ้านฉัน แต่เรามองตากันก็ปิ๊งกันเลย” คนตอบคือใยไหม เธอกอดแขนเขาถูไถแก้มสาวเหมือนลูกแมวเหมียว มองเขาอย่างขอร้อง
“จริงไหมคะอาเดช” เธอตีเนียนเรียกเขาเสียสนิทสนม ดนุเดชเงียบไปไม่ยอมตอบ ทุกคนเหมือนรอฟังคำตอบ ใยไหมหัวใจเต้นระทึกแทบกลั้นใจ ลุ้นตัวโก่งว่าดนุเดชจะตอบว่ายังไงเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
วิษณุกับติรกาญจน์ที่อีกใจหนึ่งไม่เชื่อทำท่าผิดหวังที่ไม่ได้คำตอบ แต่ใยไหมแอบถอนใจอย่างโล่งอก
“ผมขอตัวคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ” เขาบอกทุกคนก่อนจะเอ่ยขอตัวไปคุยโทรศัพท์อีกด้านเพราะต้องคุยธุระสำคัญ
“ฉันก็ขอไปห้องน้ำแป๊บนึง” ใยไหมเบ้ปากใส่คนทั้งสองก่อนจะรีบเดินตามดนุเดชไปติดๆ พอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมามองเธอ ลูกศิษย์ของเขากำลังกะพริบตาปริบๆ ดึงนิ้วไปมาเหมือนมีเรื่องจะคุยด้วย
“มีอะไรครับ” น้ำเสียงของเขาฟังแล้วทำเอาเธอบรรยายความรู้สึกไม่ถูก
“อาจารย์แกล้งเป็นแฟนหนูหน่อยได้ไหมคะ”