ใยไหมขับรถกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจ เธอคิดถึงหนุ่มคนที่เดินไปควงเขาออกมาจากผับแล้วด่าตัวเอง
“บ้าจริง ทำอะไรไปนี่” แต่ก็ช่างเถอะ คิดในใจว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
“เพิ่งกลับเหรอลูก” เสียงของมารดาที่นั่งรออยู่ทำให้ใยไหมสะดุ้งเล็กน้อย
“ค่ะคุณแม่ ยังไม่นอนเหรอคะ”
“รอเราอยู่นั่นแหละ กลับบ้านดึกดื่นพรุ่งนี้มีไม่ใช่เหรอ” ใช่แล้ว พรุ่งนี้มีเรียน เป็นภาคเรียนแรกของปีสุดท้ายที่เธอศึกษาอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากไปเรียน ไม่อยากไปเจอแฟนเก่าจู๋จี๋กับแฟนใหม่ซึ่งก็คือเพื่อนของเธอ
“ขอโทษค่ะคุณแม่ หนูแค่เบื่อๆ น่ะค่ะ”
“ตาณุหายไปไหนล่ะตอนนี้ เงียบไปเลยแม่ไม่เห็น” คำถามของมารดาทำให้เธอปล่อยโฮออกมา วิษณุเป็นแฟนของเธอ บิดามารดารับรู้ แม้จะไม่ได้ชอบเขานักแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหากจะคบกัน
“เป็นอะไรลูก ไหนเล่าให้แม่ฟังสิ” คุณพลอยจินดาเอ่ยถามสีหน้าตกใจ แล้วทุกอย่างก็พลั่งพรูออกมา เธอไม่เคยมีความลับกับบิดามารดาอยู่แล้ว คบกับวิษณุก็บอกพวกท่านพามาแนะนำให้รู้จักและอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่เคยทำเรื่องเหลวไหลก่อนวัยอันควร ผลสุดท้ายเขาก็กลับไปเลือกคนอื่นซึ่งก็เพื่อนของเธอนั่นแหละ นี่ถ้าเธอจับไม่ได้คาหนังคาเขาก็คงยังหลอกลวงเธอต่อไปแน่ๆ
“แย่จริงๆ เลยอย่าไปเสียดายผู้ชายชั่วๆ เลวๆ แบบนั้นเลยลูก เรารู้ความจริงก็ดีแล้วนะแม่ว่า จะได้ตาสว่างไม่โดนเขาหลอกต่อไป ดีนะยังไม่ถล้ำลึกไปกว่านี้แต่ก็นั่นแหละคบกันมาเกือบสี่ปีไม่น่าเลย”
“หนูไม่เสียดายหรอกค่ะ แค่เจ็บใจ”
“ปล่อยเขาไปเถอะ ดีแล้วที่รู้ความจริง ดีกว่าต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้ นี่แค่เสียใจถ้าตกร่องปล่องชิ้นกันไปแล้วมีลูกมีเต้า มาออกลายเอาตอนนั้นหนูคงจะเสียใจมากกว่านี้อีก”
คุณพลอยจินดาปลอบบุตรสาว ใยไหมนอนหนุนตักมารดาอย่างออดอ้อน รู้สึกอบอุ่นใจที่มือนุ่มๆ อุ่นๆ นี้ยังให้ความรู้สึกปลอดภัยและพึ่งพิงได้อย่างเสมอ แม้ไม่ได้ช่วยอะไรแต่มารดาก็ช่วยรับฟังและให้คำปรึกษาได้เสมอมาตั้งแต่เล็กจนโต
“คุณพ่อล่ะคะ”
“พ่อเราน่ะทำงานอยู่ในห้อง นี่ถ้ารู้คงโกรธ แต่ก็คงคิดเหมือนแม่เลิกกันไปน่ะดีแล้วผู้ชายเลวๆ แบบนั้นไม่ต้องไปเสียดายหรอกลูก”
“อยากมีแฟนแบบคุณพ่อจังเลยค่ะ ขยัน ไม่เจ้าชู้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขแล้วก็รักคุณแม่คนเดียว”
“ต้องมีผู้ชายแบบนั้นอยู่บนโลกแน่ๆ เลยจ้ะ เชื่อแม่สิจ๊ะ”
“แต่ไม่รู้จะมาถึงมือหนูหรือเปล่าน่ะสิคะ ถ้าไม่มีคนดีๆ หนูว่าหนูโสดดีกว่าค่ะ”
“คิดแบบนั้นดีแล้วจ้ะ ถ้าไม่ดีอย่าเอามาให้รำคาญกายรำคาญใจเลย แต่ถ้าคนดีๆ เข้ามาหนูก็ควรจะพิจารณาเอาไว้นะ”
“เข็ดไปอีกนานค่ะ”
“ไม่เอาจ้ะ เรากับวิษณุอาจจะไม่ใช่คู่กันแค่นั้นเอง คนเราถ้าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันหรอกจ้ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำบุญตักบาตรกับแม่ แล้วเราก็อธิษฐานให้เจอเนื้อคู่ที่มีศีลเสมอกันดีไหม”
“อธิษฐานขอพระได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิจ๊ะ” คนชอบทำบุญลูบศีรษะบุตรสาวไปมา
“เมื่อกี้หนูเห็นบ้านของน้าขวัญเปิดไฟน่ะค่ะ มีคนมาซื้อแล้วเหรอคะ”
“มีแล้วจ้ะเพิ่งย้ายมาอยู่ เราน่ะมัวแต่ตะลอนๆ ออกไปข้างนอกเลยไม่รู้”
“เหรอคะ”
“ไปอาบน้ำขึ้นนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย แล้วแม่จะเคาะประตูเรียกมาใส่บาตร”
“ค่ะคุณแม่ รักคุณแม่ที่สุดเลย” คนขี้ประจบหอมแก้มฟอดใหญ่
“นี่ไปดื่มมาเหรอ” กลิ่นแอลกออล์ที่ระเหยออกมาจากปากบุตรสาวทำให้คนเป็นแม่หน้านิ่ว
“นิดหน่อยค่ะ โอ๊ย!” คนโดนหยิกร้องเสียงหลงพาร่างหนี
“เรานี่เป็นผู้หญิงไปกินเหล้าเมายาได้ยังไงกัน”
“หนูไม่ได้เมานะคะ ดื่มนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ไปอาบน้ำไป” คุณพลอยจินดาค้อนบุตรสาว เธอกับสามีไม่ได้เลี้ยงบุตรสาวแบบบังคับปล่อยให้ใช้ชีวิตอิสระ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ทำไม่ดี สิ่งไหนไม่ดีก็จะเตือนและให้ระวังตัว
“ค่ะ”
“เป็นผู้หญิงน่ะต้องระวังตัว ดื่มได้นิดหน่อยอย่าเมาหัวราน้ำ โดนลากไปทำมิดีมิร้ายพ่อกับแม่ไม่รับเลี้ยงหลานนะ” คำดุว่าของมารดาทำให้ใยไหมหัวเราะก๊าก
“สงสารหลานนะคะนี่ ยังไม่ทันลืมตาดูโลกก็โดนแย่งกันแล้ว”
“แย่งอะไร”
“แย่งกันไม่เอาไงคะ”
“แน่ะ! มาทำเป็นปากดี เป็นผู้หญิงยิงเรือน่ะต้องรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เมาหัวราน้ำไม่มีสติโดนลากไปตรงไหนไม่รู้อันนั้นเรียกขาดสติ ประมาทในชีวิต”
“รับทราบค่ะ” เธอยืนตัวตรงทำท่าตะเบ๊ะให้มารดาก่อนจะเดินขึ้นห้อง ถึงจะเศร้าแต่จิตใจของเธอก็เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะภูมิต้านทานของเธอดี บิดามารดาเลี้ยงให้เรียนรู้ชีวิต ตอนเด็กๆ เธอล้มท่านไม่ประคองแต่ให้ลุกเอง ทำอะไรเองหมด บิดามักพูดเสมอว่าคนเราต้องเข้มแข็งต้องต่อสู้และทำอะไรเองให้ได้ อย่าหวังพึ่งแต่คนอื่น เวลาเรามีปัญหาหรือเกิดอะไรขึ้นเราก็จะผ่านพ้นมันไปได้ ไม่เสียใจกับมันนานหรือจมอยู่กับมันจนคิดสั้นฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง
สีหน้ายิ้มแย้มของใยไหมจางหายไปเมื่อเดินขึ้นห้อง วิษณุเป็นแฟนคนแรกที่เธอตัดสินใจคบเพราะไม่เคยคิดจะมีแฟนมาก่อนนั่นทำให้ทำใจยังไม่ได้ เขาเพียรจีบเธออยู่นานหลายเดือนกว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนด้วย แต่ตอนเขาทิ้งเธอมันง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ผู้ชายใจร้ายแบบนั้นเธอจะไม่คิดถึงเขาอีก คอยดูสิ หญิงสาวเดินไปรับลมที่ระเบียงบ้าน เธอมองบ้านของน้าขวัญเพื่อนบ้านที่แสนดีของบิดามารดา ใจอยากรู้ว่าใครมาซื้อบ้านของขวัญจิต พรุ่งนี้ต้องไปทำความรู้จักเสียแล้ว
เห็นไฟของบ้านอีกหลังเปิดอยู่เธอยืนมองอยู่อีกครู่ก็เข้าบ้านไปอาบน้ำนอน ในช่วงเช้ามารดามาเคาะประตูให้ลุกไปใส่บาตร เธอรีบลุกไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวและลงไปใส่บาตร
“เร็วๆ จ้าพระมาแล้ว” คุณพลอยจินดาเรียกบุตรสาว ใยไหมรีบวิ่งมาหน้าบ้านยิ้มให้มารดา
“รู้สึกอิ่มบุญจังเลยค่ะคุณแม่” คนได้ทำบุญบอกด้วยรอยยิ้ม
“ดีแล้วจ้ะ เอ๊ะ! นั่นเพื่อนบ้านเรานี่นา” คุณพลอยจินดาพูดขึ้นก่อนจะเอ่ยทักทายอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะคุณเดช” พลอยจินดาเอ่ยทักทายเมื่อดนุเดชเดินออกมาเก็บโต๊ะที่วางของใส่บาตร บ้านของอีกฝ่ายอยู่ก่อนบ้านของเธอเลยตักบาตรก่อนและเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีครับ” ดนุเดชเอ่ยทักทาย
“ไหมไหว้คุณอาเขาสิลูก” พลอยจินดาหันไปบอกบุตรสาวที่วางสายจากเพื่อน เนื่องจากเพิ่งคุยโทรศัพท์กับอรสาเสร็จ
“สวัสดีค่ะ” คนที่วางสายจากเพื่อนหันมากล่าวสวัสดี รีบยิ้มกว้างให้เพื่อนบ้านที่มารดาแนะนำ ก่อนจะหุบยิ้มกะทันหันรีบหยิบถาดมาปิดบังใบหน้าเอาไว้ในทันที
เฮ้ย! เป็นผู้ชายคนเมื่อคืนได้ยังไงกัน มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
“อะไรกันเรา เอาถาดปิดหน้าทำไม” คุณพลอยจินดาถามบุตรสาวก่อนทำหน้างง
“เอ่อ... คือว่าสายแล้ว หนู... หนูขอตัวก่อนนะคะ” คนขอตัวรีบวิ่งจู๊ดเข้าบ้านทันที
ตายแล้วใยไหม!!!
ผู้ชายคนเมื่อคืนเป็นเพื่อนบ้านของเธอ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนี่ เธอดันไปทำอะไรน่าเกลียดๆ กับเขาแบบนั้น คิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว กลับมาเจอกันเสียได้
จะทำยังไงดี หลบหน้าแล้วกัน เขาคงไม่มายุ่งวุ่นวายกับเธอหรอก คนต้องรีบไปเรียนก้มหน้ารับประทานอาหารไม่ยอมปริปากพูดอันใด มารดาถามอะไรก็ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบท่าเดียวก่อนจะรีบขับรถออกจากบ้าน
“ไหม” เสียงของอรสาเรียกเธอมาแต่ไกล พอจอดรถเสร็จเธอก็รีบเดินไปหาเพื่อนทันที
“อร” ใยไหมเม้มปากเล็กน้อย อรสาเป็นเพื่อนของเธอตั้งแต่เด็กสนิทกันมาก อีกฝ่ายเคยเตือนเรื่องติรกาญจน์แต่เธอไม่เชื่อ สุดท้ายเพื่อนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็เป็นอรสาที่จริงใจกับเธอที่สุด