หนี้[รัก]วิศวะเถื่อน
ตอนที่6
[สูญเสีย]
สองสัปดาห์ผ่านไป…
นายมั่นขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเอาของที่ร้านประจำในตอนตีห้าของทุกวัน
ชายวัยกลางคนยืนรอรับของจากพ่อค้าคนกลาง ที่สนิทกันพอสมควร ด้วยนายมั่นเป็นลูกค้าประจำของอีกฝ่ายมานานหลายปี จึงไม่แปลกอะไรที่ทั้งคู่จะรู้จักไปถึงคนในครอบครัวของลูกค้าตนเองด้วย
“ลุงมั่นฉันได้ข่าวว่าไหมมีแฟนแล้วจริงรึเปล่า” ภรรยาของเจ้าของร้านเอ่ยถาม
“ไม่นะ! ไหมยังเด็กมันยังไม่คิดมีแฟนหรอก” นายมั่นหันไปตอบอีกฝ่าย
“แต่คนเขาลือกันทั้งตลาด ว่าแพรไหมลูกสาวลุงมั่นมีผัวแล้วนะ”
“พูดอะไรแบบนั้น ลูกสาวผมเสียหายนะครับ”
“ถ้าลุงมั่นไม่เชื่อลองไปถามใครดูก็ได้ เขาเห็นกันทั่วว่าแพรไหมไปอยู่กับผู้ชายในเมืองโน้น” การได้รับข่าวที่เสียหายของบุตรสาว ทำให้นายมั่นเกิดอาการเครียดอยู่ตลอดเวลา
รอกระทั่งเย็นเมื่อเห็นบุตรสาวก้าวเดินมาถึงร้าน จึงได้แต่เหลือบมองแพรไหมอยู่เป็นระยะ
“พ่อเป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่า”
“ก็ไหมเห็นพ่อมองไหมแปลก ๆ มีอะไรถามไหมได้นะพ่อ”
“คือว่า…พ่อไปซื้อของที่ตลาด คนเขาลือกันให้ทั่วว่าลูกสาวพ่อมีผัว แต่พ่อไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้นหรอกนะ พ่อเชื่อว่าไหมของพ่อไม่ไปทำอะไรแบบนั้นใช่ไหมลูก” นายมั่นเอ่ยถามบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เขารัก ดั่งแก้วตาดวงใจ
“พ่อเชื่อใจไหมนะ พ่อก็รู้ว่าไหมไม่ทำอะไรแบบนั้น ไหมยังเด็กยังเรียนไม่จบด้วย ไหมแค่ทำงานบ้านให้คุณเหนือแค่นั้นจริง ๆ พ่อเชื่อไหมนะ” แพรไหมหันไปหาบิดาพร้อมยืนยันอย่างหนักแน่น
“อย่าคิดมาก พ่อเชื่อว่าไหมของพ่อไม่มีทาง จะทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นแน่ ๆ”
“ไหมรักพ่อนะ พ่อเป็นคนสำคัญที่สุดของไหม และไหมไม่เคยคิดจะทำเรื่องไม่ดีให้พ่อต้องเสียใจ” ว่าจบแพรไหมเข้าสวมกอดบิดา เพราะหนี้ก้อนโตที่ว่า จึงทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้น แต่เธอไม่ยอมให้ตัวเองทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นแน่ ๆ
หลายวันต่อมา…
ข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับบุตรสาวยิ่งลือกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ
ทำให้นายมั่นเริ่มเครียดมากขึ้น สงสารบุตรสาวที่เจอข่าวอะไรแบบนี้
“ใครเขาจะพูดแบบไหนเราห้ามปากเขาไม่ได้หรอกนะพ่อ ไหมขอแค่พ่อเข้าใจไหมคนเดียวก็พอแล้วค่ะ” พ่อลูกปรับทุกข์กันอยู่ภายในบ้านของวันหยุด
“พ่อเชื่อใจลูกสาวของพ่ออยู่แล้ว” บิดาโอบกอดบุตรสาว พร้อมลูบไล้ศีรษะเบา ๆ ด้วยความรัก เพราะความจนคำเดียวสินะ! พ่ออย่างเขาจึงหมดหนทางที่จะหาเงินไปไถ่ถอนโฉนดบ้าน ภาระหนี้สินจึงตกทอดมาถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวแบบนี้
เช้าวันต่อมา…
นายมั่นขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปรับของที่ตลาดค้าส่งตามปกติ ส่วนแพรไหมเตรียมของรอบิดาอยู่ที่บ้าน
แพรไหมนั่งรอบิดาจนล่วงเลยเวลาไปนานเกือบสองชั่วโมง เพราะเลยเวลาที่บุพการีจะกลับมาถึงบ้านอย่างทุกครั้ง ทำให้หญิงสาวเกิดวิตกกังวลแปลก ๆ รู้สึกใจวูบโหวงห่วงบิดาอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จำให้เท้าเล็กเดินออกไปรอบิดาอยู่ปากทาง ทว่าจู่ ๆ แพรไหมเห็นอาทิตย์เพื่อนชายขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“ไหม! เธอทำใจดี ๆ นะไหม” เสียงอาทิตย์เอ่ยขึ้น พร้อมจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสาวไปด้วย
“ทิตย์มีอะไร พูดมาสิไหมรอฟังอยู่นะ”
“ลุงมั่น…ลุงมั่นถูกรถชน”
“ว่าอะไรนะ! ทิตย์พูดใหม่อีกทีสิ”
“ไหมทำใจดี ๆ นะ ลุง มั่นถูกรถชนเสียชีวิตคาที่เลย”
“พ่อ! ไม่จริง! ไหมไม่เชื่อ ทิตย์โกหก ทิตย์บอกมาสิ ว่าทิตย์กำลังล้อเล่นกับไหมอยู่” เสียงแพรไหมหวีดร้อง ดวงตากลมโตเออล้นไปด้วยม่านใส ๆ ไม่นานน้ำในหน่วยตาหลั่งไหลพรากลงร่องแก้มนวล มือเรียวยกขึ้นบดบังหูทั้งสองข้างไว้แน่น เธอไม่เชื่อ อาทิตย์กำลังโกโห
แพรไหมนั่งคุกเข่าจ้องมองภาพถ่ายใบใหญ่ของบุคคลสำคัญในชีวิตของเธอ ที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพของบุพการี เธออยากจะให้ภาพตรงหน้านี้ มันเป็นแค่ความฝัน
ทว่าภาพเบื้องหน้ามันจับต้องได้จริง ๆ ภาพตรงหน้านี้มันเป็นเรื่องจริง ที่แพรไหมต้องยอมรับให้ได้ ว่าบิดาที่เธอรักได้จากโลกนี้ไปแล้วจริง ๆ
ร่างเล็กนั่งสะอื้นไห้จนตัวโยน ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตากลมโตบวมช้ำกับการร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นได้แต่รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปด้วยไม่น้อย
“ไหมกินอะไรบ้างนะ ถ้าไหมเอาแต่ทรมานตัวเองแบบนี้ ลุงมั่นที่จากไปก็ไม่มีความสุขแน่ ๆ” อาทิตย์เพื่อนหนุ่มที่คอยเฝ้าเตือนสติเธอไม่ยอมห่าง
“ไหมกินไม่ลงหรอก ทิตย์อย่าพยายามบังคับไหมเลยนะ ไหมกินอะไรไม่ลงจริง ๆ”
คอนโดฯ
แสงเหนือยกมือเสยผมที่ตกมาปรกหน้าอย่างลวก ๆ อารมณ์ฉุนเฉียวหัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขากดเบอร์หายัยเด็กดื้อเงียบเกือบจะเป็นสิบสาย แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะกดรับสักที พอต่อสายซ้ำอีก ยัยเด็กนั่นกลับปิดเครื่องใส่เสียนี่!
“โธ่เว้ย! แพรไหม! นี่เธอกล้าลองดีกับฉันใช่ไหม” แสงเหนือสบถออกมาอย่างหัวเสีย ทำไมเขาต้องให้ความสนใจยัยเด็กนั่นด้วยวะ! เธอจะไปตายที่ไหนก็ไปสิ! ทำไมต้องสนใจหล่อนด้วย
แสงเหนือเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวสูง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วทรงสวย พร้อมเทไวน์ที่ตนชื่นชอบลงในแก้ว ก่อนจะยกกระดกลงคออย่างหงุดหงิด
เพล้ง!
เสียงแก้วทรงสวยในมือ แตกกระจายเกลื่อนพื้น พร้อมเจ้าตัวนั่งขบกรามแน่น
แค่ในห้องไร้ร่างที่เคยเดินไปเดินมา มันกลับทำให้แสงเหนือยิ่งหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงเดินไปหยิบกุญแจรถเดินออกนอกห้อง ก้าวเข้าลิฟท์กดลงชั้นล่างสุด
ชายหนุ่มก้าวดุ่ม ๆ ไปที่รถ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งที่คนขับ แล้วขับจากไป
แสงเหนือบังคับพวงมาลัยให้รถหันเหไปในทิศทางที่ต้องการ ปลายทางคือบ้านหลังเล็กของใครบางคน ที่คอยแต่จะทำให้หัวใจของเขาเอาแต่หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานรถหรูได้เคลื่อนเข้ามาจอดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังที่คุ้นเคย ทว่าแสงเหนือกลับพบแต่ความเงียบสนิท แถมหน้าประตูมีกุญแจดอกใหญ่คล้องอยู่อีกต่างหาก
“บ้านปิด ไปไหนวะ” ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เธอกับบิดาต้องเก็บร้านและถึงบ้านแล้วแท้ ๆ
“คุณมาหาไหมรึเปล่า” เสียงหญิงวัยกลางคนข้างบ้านเอ่ยขึ้น ทำให้แสงเหนือรีบหันไปขานรับตามเสียง
“ใช่ครับ ผมมหาแพรไหม ไม่ทราบว่าเธอไปไหนเห็นบ้านปิด”
“ตอนนี้ไหมน่าจะอยู่ที่วัดโน้นแหละ”
“หมายความว่าไงครับ”
“พ่อไหมเสียเมื่อตอนเช้านี่เอง”
“พ่อไหมเสีย หมายถึงลุงมั่นใช่ไหมครับ ท่านเป็นอะไรครับ”
“ถูกรถชน”
แสงเหนือนถึงกับนิ่งอึ้ง เท้ายาวก้าวมาขึ้นรถ นี่เขาหลงคิดว่าแพรไหมพยายามหลบหน้าเขาเสียอีก ที่แท้บิดาของเธอเสียชีวิตนี่เอง ครั้นนึกถึงอีกฝ่ายทำให้แสงเหนือรีบหักพวงมาลัยตรงดิ่งไปที่วัด
ร่างสูงก้าวลงจากรถรีบเดินไปที่ศาลาตั้งศพ ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาจนทั่ว กระทั่งสายตาไปหยุดนิ่งกับภาพเด็กสาวที่คุกเข่าอยู่หน้าโลงศพของบิดา
“แพรไหม” แสงเหนือครางเรียกชื่อเธอเบา ๆ เด็กสาวที่มีใบหน้าเนียนใสในวันวาน บัดนี้มีแต่ความหมองเศร้า แก้มเนียนใสมีแต่คราบน้ำตา แสงเหนือรู้สึกปวดรวดร้าวกับภาพตรงหน้า พร้อมสาวเท้าเข้าไปหาอย่างไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว
“แพรไหม” เขาหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ เธอ ยกมือไปกุมมือเรียวเล็กนั้น มากุมกระชับเพื่อส่งกำลังใจ
“พี่เหนือ…ไหมไม่เหลือใครแล้ว” เสียงสั่นเครือสะอื้นไห้จนตัวโยน
แสงเหนือกระชับมือเรียวบีบเบา ๆ เป็นการสื่อความหมายหลาย ๆ อย่างถึงเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะกระชับร่างนั้นมาโอบกอดแทบขาดใจ ทว่าสถานที่กลับไม่เอื้ออำนวยอย่างที่ใจคิด