“นายท่าน” หญิงสาวสองคนโน้มตัวอย่างนอบน้อมเมื่ออาเธอร์เดินเข้ามาใกล้
“เจ้าคือมาลี ส่วนเจ้าคือมาลา พวกเจ้าเป็นเพียงปีศาจที่ก่อเกิดจากเลือดในกายของข้า พวกเจ้าไม่ได้มีพลังอำนาจใดๆ มีเพียงเวทย์มนต์ในการเคลื่อนไหวร่างกายในทุกรูปแบบ เหาะเหินเดินอากาศ หายตัวพรางกาย และพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปเท่านั้น พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าพวกกำจัดปีศาจ อย่าปะทะ อย่าให้พวกมันรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเจ้า สิ่งสำคัญที่พวกเจ้าจะลืมไม่ได้ยามข้าเจ็บพวกเจ้าจะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อไหร่ที่ข้าดับสูญ พวกเจ้าก็มลายมอดไหม้ไปในทันที”
“เจ้าค่ะนายท่าน” มาลีและมาลาขานรับพร้อมกัน
“ข้าต้องการให้เจ้าไปสืบข่าวหาใครคนหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ”
“ข้าจับความรู้สึกได้ว่านางอยู่ทางเหนือที่ห่างไกลจากที่นี่มาก ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปสืบตำแหน่งที่อยู่ของนาง”
“นางเป็นใครเจ้าค่ะ” มาลีเอ่ยถาม
“พวกเจ้าจะรู้เมื่อพวกเจ้าได้เจอกับนาง ร่างกายพวกเจ้าจะฟ้องเตือนเจ้า หญิงมนุษย์ผู้ใดก็ตามที่ทำให้เจ้าทรมานร่างกายนั้นแหละคือนาง” มาลีและมาลาโค้งคำนับและหายตัวไปโดยทันที
✍
“นายท่านไม่สามารถเข้าใกล้น้องข้าได้อย่างงั้นเหรอ” ทวิชาเอ่ยถามอาเธอร์ เธอได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
“อิคารอส อยู่กับนางมานานจนมันอาจจะลืมเจ้าของที่แท้จริงไปแล้ว” ทวิชาเคยเห็นพลังอำนาจอิคารอสมาก่อน ทุกอย่างพินาศพังทลายไปในพริบตาเมื่อมันพิโรธ
“สองพันปีที่ผ่านมา น้องสาวเจ้าเวียนว่ายตายเกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่า อิคารอสก็ไม่สามารถกลับมาหาข้าได้ เป็นปริศนาที่ข้าต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไม”
“นางเป็นเพียงมนุษย์ที่แม้แต่ข้าก็ไม่อาจทำอะไรนางได้ ปริศนาเหล่านี้ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” ทวิชาอิจฉาริษยาน้องสาวของตนมาโดยตลอด ตอนที่ไดน่าเกิดมา เนื่องด้วยนางเป็นมนุษย์ที่มาเกิดในร่างเทพี นางจึงอ่อนแอมากเมื่ออยู่ในดินแดนของเหล่าเทพ ท่านพ่อจึงจำต้องส่งนางไปเติบโตที่เมืองมนุษย์ โดยท่านแม่ไม่อาจวางใจที่จะปล่อยนางไปได้ ท่านแม่จึงขอเร้นกายเทพีไว้ และเลี้ยงดูบุตรสาวในคราบมนุษย์ ทิ้งเธอที่เป็นบุตรสาวเช่นกันไว้กับเครือญาติเหล่าเทพปักษาเลี้ยงดู
ท่านแม่ไม่เคยแม้แต่จะมาหา ท่านพ่อก็ไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจเธอ พวกท่านมอบความรักทั้งหมดให้กับไดน่า เธอเกลียดน้องสาวคนนี้
“ทวิชา เจ้ากับเทพครุฑา...” ทวิชามองอาเธอร์อย่างไม่อยากเชื่อ เขารู้เรื่องของเธอด้วยอย่างงั้นเหรอ
“ครุฑาเชนกับข้า...” ทวิชาพูดไม่ออก คือเธอไม่กล้าพูดออกไป
จุ๊จุ๊จุ๊ “ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าเพียงแต่อยากให้เจ้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเทพครุฑาตนนั้น” ทวิชาส่ายหน้าทันที
“ไม่...ท่านอาเธอร์ครุฑาเชนเสพสมรสกับนางพญาผึ้งไปนานแล้ว”
“เทพครุฑาทุกๆห้าร้อยปี จะบำเพ็ญทิ้งร่างก่อเกิดร่างใหม่เพื่อความเป็นอมตะของเผ่าพันธุ์ แต่ก็ยังคงความเป็นดวงจิตดวงเดิมไว้ ข้าอยากรู้ว่าพวกเขาใช้เวทย์มนต์หรืออะไรถึงทำได้”
“นั่น!!! มันเป็นความลับที่มีแต่เผ่าครุฑาเท่านั้นที่รู้ พวกเขายอมสลายมลายหายไปดีกว่าที่จะบอกความลับที่สวรรค์ประทานมาเพื่อพวกเขาให้คนอื่นได้รู้ ข้าไม่มีทางทำได้”
“ครุฑาเชนหลงเจ้ายิ่งกว่าอะไรดี”
“แต่ข้าไม่เคยรัก...”
“ความรัก ไม่ได้สำคัญอะไรกับข้า ข้าไม่เคยสนใจความรัก ข้าสนแต่ความพึงพอใจ เจ้าทำเพื่อข้าได้มั้ยทวิชา” อาเธอร์ไล้ใบหน้าของทวิชา แววตาเปลี่ยนเป็นหว่านเสน่ห์
ทวิชาหลงใหลในตัวเขา มีหรือว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ “ข้าไม่เคยถือสาว่าเจ้าจะมีร่างกายเช่นไร ผ่านเทพตนใดมา แค่ข้าต้องการ เจ้าก็จะได้ในสิ่งที่เจ้าหวัง หลังจากที่เจ้าทำงานล้างความผิดที่เจ้ากระทำอันเกินกว่าเหตุ เรื่องมาลีและมาลา เจ้าคงอยากได้การให้อภัยจากข้าใช่หรือไม่”
ทวิชาเงยหน้ามองอาเธอร์ เธอไม่ได้แค่หลงใหล แต่เธอรักเขาแทบบ้า เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักเขาเพียงคนเดียว รักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตาเห็นหน้า รักแม้กระทั่งเสียงของเขาที่เปล่งออกมา สองพันกว่าปีที่เธอเฝ้าคอยมองว่าเขาจะโผล่ขึ้นมา เท่านี้ก็เป็นการพิสูจน์หัวใจรักของเธอแล้ว แต่ก็ไม่มากพอให้เขาละทิ้งความแค้นและอยู่เคียงคู่กับเธอไปตลอดกาล
✍
ฮือ อึ ฮือ ฮื้ออออ พึ่บ พึ่บ พึ่บ เสียงกระพือปีกที่แหวกอากาศหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น เทพครุฑาเชนหยุดและเปิดหูเพื่อหาต้นเสียง เสียงมาจากชายป่าริมแม่น้ำด้านโน้น...อ๋าที่ตรงนั้น เป็นที่ที่เขาและทวิชามีความหลังกัน นานแล้วที่เขาไม่เจอกับนาง หรือว่าจะเป็นนาง
พึ่บ พึ่บ พึ่บ ปีกถูกกระพือเพื่อไปยังแหล่งเสียงสะอื้น ตุบ “ทวิชา” เชนเอ่ยเรียกนางเมื่อเท้าแตะพื้น และปีกถูกเก็บ ร่างกายเปลี่ยนไปไม่ต่างกับมนุษย์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเทพสูงศักดิ์มากแค่ไหน ยามที่เหยียบพื้นแผ่นดิน ดินแดนมนุษย์พวกเขาจะเปลี่ยนเป็นกายหยาบร่างมนุษย์โดยทันทีโดยไม่ต้องร่ายมนต์เปลี่ยนร่างกาย
เทพครุฑาเชนเป็นเทพแห่งครุฑที่มีพลังเทพเป็นที่เลื่องลือ เขาเป็นตัวเก็งที่จะได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์ครุฑต่อจากลุงของเขา เพราะคุณสมบัติที่ไม่ฝักใฝ่ต่อมนุษย์ผู้หญิง ตราบใดที่ครุฑาเชนยังคงรักษาเรือนกายบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนหญิงมนุษย์เขาก็คือเทพที่บริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์
“เชน” ทวิชาทำเป็นตกใจ ทั้งๆที่เธอรู้มาโดยตลอดว่าครุฑาเชนมักจะบินผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ
“นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่เห็นเจ้า”
“ข้าจำไม่ได้ แต่ท่านไม่เปลี่ยนไปเลย” ทวิชามองครุฑาเชน ไล่ตั้งแต่ใบหน้าเขา คิ้วเรียวหนา ดวงตาคมกล้าไร้ความหวาดหวั่นเกรงกลัว ลำคอแข็งแกร่งตั้งตรง ไหล่หนากำยำบึกบึม ร่างกายส่วนใต้ร่มผ้าของเขา เธอจำได้ดี แต่ครุฑาเชนก็ไม่ใช่ชายที่เธอรัก แม้จะเป็นชายที่ตนมอบพรหมจรรย์ให้ก็ตามที
ครุฑาเชนเข้าใกล้ทวิชาแบบประชิดตัวอย่างรวดเร็วดั่งสุภาษิตที่ว่าคนเคยข้าม้าเคยขี่ ทั้งสองยามที่พบหน้าไม่เคยละเว้นเรื่องเสพสมกันเลยสักครั้ง และคำถามที่ว่านานแค่ไหนแล้วของครุฑาเชนนั้นก็หมายถึงการเสพสมระหว่างเขากับเธอ น่าจะสองพันกว่าปีแล้ว ตอนนั้นนางยังอ่อนวัย ความสดใหม่ ความเร้าร้อน ความไร้เดียงสา ทำให้ช่วงนั้นเขาเรียกร้องหาแต่ทวิชา
ผ่านมาสองพันกว่าปี นางเติบโตขึ้น ประสบการณ์ของนางคง... “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดเจ้าจึงมาร้องไห้ที่นี่กัน”
“ข้าเหงา เหล่าเทพรุ่นเดียวกันกับข้าต่างก็มีคู่เสพสมของตัวเอง เว้นแต่ข้าที่ยังเดียวดาย”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น” เชนเอ่ยอย่างเป็นห่วง ในขณะที่มือก็ไล้ไปตามท่อนแขนของทวิชา
“ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าข้ามีน้องสาวเป็นมนุษย์ ข้าเป็นเทพีปักษาที่ถูกทอดทิ้งจากทุกๆคน...จนถึงบัดนี้”
“ช่างไม่ยุติธรรม เจ้าเป็นเทพีบริสุทธิ์แท้ๆ” ทวิชาพยักหน้าฉายใบหน้าปนเศร้า “ข้าจะปลอบขวัญเจ้าเอง...เจ้าเหงามานานแล้ว เสพสมกับข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้ามีความสุข”
ทวิชามองครุฑาอย่างซาบซึ้งใจ “แต่ท่านเสพสมรสมีคู่เสพสมสัมพันธ์ร่างกายที่รับรู้กันไปแล้วทั้งสามโลก”
“นั่นคือเรื่องจริง แต่ข้าก็สามารถมอบความสุขให้กับเจ้าอย่างปลอดภัยได้ เจ้าก็รู้” ทวิชาพยักหน้า ม่านป้องกันบดบังได้ทั้งสามโลกยกเว้นกับเหล่าเทพปีศาจและผู้ที่มีพลังเวทย์ชั้นสูง ถ้าอยากรู้ก็รู้ได้ไม่ยาก แต่เหล่าพวกที่มีพลังชั้นสูงใครจะมาสนใจเรื่องแบบนี้กัน