5 เธอคือพริตตี้เงินล้าน

1583 Words
5 เธอคือพริตตี้เงินล้าน “คัต!” มัลลิกากานต์ลอบผ่อนลมหายใจและยิ้มออกเมื่อได้ยินคำสั่งเลิกกองดังตามมา หลังจากต้องเล่นบทเดิมซ้ำๆ มาแล้วถึงห้ารอบ นั่นเพราะนักแสดงชายซึ่งเป็นนายแบบน้องใหม่ไฟแรงดูจะตั้งใจมากเกินไปภาพที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติตามที่ผู้กำกับต้องการ “เฮ้อ! โล่งอก” นายแบบหนุ่มอายุน้อยกว่าเธอ หมอนี่กำลังเรียนชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง “ผมเลยทำให้พี่มะลิต้องเทกหลายรอบเลย ขอโทษด้วยนะครับ” เพิ่งเจอกันแท้ๆ แต่คำพูดที่แสดงออกถึงความตีสนิทแนบเนียน แววตาวาวพราวแพรวที่ส่งมาทำให้มัลลิกากานต์หัวเราะในลำคอแผ่วเบา คลี่ยิ้มบางๆ ตามมารยาท “ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ” นายแบบหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เทรนเกาหลีตี๋นิยมเป็นขวัญใจทั้งหนุ่มสาว ใครบ้างไม่รู้ว่า หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้ารวดเร็วเพราะมี ‘ป๋าดัน’ เธอได้ยินมาว่า เขาถูกวางตัวให้รับบทเด่นในละครเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเปิดกล้อง “เปลี่ยนชุดเลยนะมะลิ พี่ขอไปคุยกับผู้กำกับแป๊บ” “ค่ะพี่แหวน” แหวนหรือบุญยวีร์คือผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อนสนิท อายุมากกว่าสองปีแต่ลงเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกันและภาควิชาเดียวกันกับมัลลิกากานต์ เธอเรียนจบการถ่ายภาพ แต่กลับเป็นคนถูกถ่ายมาตลอดหลายปี “หมั่นไส้คนว่ะ หยิ่งน่าดูเลยเนอะ” “นั่นดิ สงสัยมันเป็นอีโกของพริตตี้ดีกรีเงินล้านนะเธอ” เสียงพูดคุยที่ไม่คิดจะออมเสียงดังเข้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มัลลิกากานต์จำได้ว่า ทั้งสองคนเป็นนักแสดงร่วมในการถ่ายภาพยนตร์โฆษณาครีมกันแดดยี่ห้อหนึ่ง คีย์เวิร์ดบางคำ บอกได้ว่า พวกนั้นหมายถึงเธอ “พี่โอมดูสนใจนางนะ บทง่ายๆ แค่ถอยชนกันแล้วยิ้มยังต้องเทกตั้งห้ารอบ” โอม... คือนายแบบไฟแรง “นางคงรู้แหละแก ถึงได้ทำเล่นตัวน่ะ เขาเรียกเล่นตัวอัปค่าตัวไง อยู่วงการพริตตี้มาตั้งนาน นางคงไม่ใสซื่อหรอกนอกซะจากจะสตอฯ” ชัดเจนว่าหมายถึงเธอ ในบท จำลองเหตุการณ์ว่า ผู้หญิงสามคนเป็นเพื่อนกันมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กลางแสงแดดจัดจ้า เธอเป็นตัวเอกฝ่ายหญิง ตัวสินค้าต้องการนำเสนอเรื่อง กันแดด คุมมัน และหน้าเนียนใสเป็นธรรมชาติ ขณะกำลังถ่ายรูปกันสนุก เธอถอยหลังไปชนพระเอก หันไปขอโทษ เขาก็ตกตะลึงในหน้าเนียนสวยใสของเธอก่อนจะยิ้มให้เก้อเขิน “เมาท์กันว่านางมีเสี่ยเลี้ยงนะเธอ” “อ้าวเหรอ ก็อาจจะจริงนะ ฉันละชักอยากจะรู้จริงว่า เสี่ยเงินหนาคนนั้นเป็นใคร” เสียงสองสาวหัวเราะคิกคักสนุกสนานก่อนจะหยุดลงเมื่อมีเสียงเปิดประตูเข้ามา “พี่แหวน” มัลลิกากานต์เลือกจะเปิดประตูออกไปตอนนี้ สองสาวสวยอายุน้อยกว่าเธอหลายปีมีสีหน้าตกใจ เอ่ยทักทายเธอเสียงอ่อย แล้วรีบหาเรื่องเลี่ยงออกไป “มีอะไรรึเปล่า” ท่าทางของสองสาวทำให้บุญยวีร์นิ่วหน้า “เรื่องเดิมๆ” “เธอก็ยอมทนฟังพวกนั้นมันนินทานี่นะ” ไม่ต้องขยายความ เธอพอเดาเรื่องราวได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “ช่างเถอะ ชินแล้ว” เธอตัดบท หยิบหน้ากากอนามัยมาสวม ในสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีโรคร้ายกำลังระบาดและฝุ่นควันเต็มอากาศ มันกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่33 แทนที่สมาร์ตโฟนซึ่งหล่นไปเป็นชิ้นที่ 34 เพราะไม่มีสมาร์ตโฟนคุณยังเข้าห้างเข้าร้านอาหารได้ แต่ถ้าไม่มีหน้ากากอนามัยอย่าได้คิดออกจากบ้านหรือลงจากรถเลย “ผู้กำกับชมใหญ่เลยนะว่าลิถ่ายรูปขึ้นกล้องมากๆ เล่นดีมากด้วย” เธอไม่มีทีท่าสนใจเรื่องกวนใจพวกนั้น ผู้จัดการคนดีก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่นหลังจากขึ้นมานั่งเรียบร้อยบนรถยนต์ “แหม ค่าตัวตั้งสองแสนห้า ต้องตั้งใจนิดนึงอะนะ” “จ้า สมกับดีกรีพริตตี้เงินล้านเลยล่ะ” มัลลิกากานต์หัวเราะกับการประชดเล็กๆ ของผู้จัดการคนเก่ง ถ้าไม่มีบุญยวีร์ เธอคงไม่มาถึงจุดนี้ จุดที่สามารถเรียกค่าตัวในการรับงานได้ “ยกความดีความชอบทั้งหมดให้พี่เลย” “ย่ะ” ผู้จัดการคนเก่งแค่นเสียงรับ ตามองถนน บ่ายๆ รถไม่เยอะก็จริง เธอมักจะขับรถด้วยความระวังเสมอ “แล้วนัดกินข้าวเย็นนี้” “ปฏิเสธไม่ได้นี่” นั่นคือต้องไป “พี่ก็ไม่อยากให้แกฝืนใจว่ะลิ แต่ถ้าแกอยากเติบโตในสายงานนี้มันหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ยาก” ‘กินข้าว’ คำธรรมดาแต่ความหมายไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่ “ลิเข้าใจ” “เธอโง่หรือฉลาดกันแน่วะลิ พี่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ” “ลิคง...โง่มั้ง” มัลลิกากานต์หลับตาลง กว่าหกปีมานี้ เธอเป็นคนโง่ที่ดิ้นรนถีบตัวเองขึ้นมาเพียงเพราะต้องการรับผิดชอบตัวเองให้ได้ เธอต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ผู้ชายคนนั้นเห็น ‘คมคาย ศิลาลักษณ์’ ไม่ต้องพึ่งเขา เธอดูแลตัวเองได้ และทำได้ดีเสียด้วย หกปีก่อน คำปรามาสที่โยนใส่หน้า มันทำให้เธอทั้งเจ็บและอาย เหมือนโชคข้าง เธอรู้จักกับบุญยวีร์ ตอนนั้นสาวรุ่นพี่ทำงานในบริษัทหาเด็กมาทำงานพริตตี้ เดี๋ยวนี้รู้จักกันในนามโมเดลลิง แต่ก่อนพริตตี้เชียร์สินค้าในห้าง เช่นพวกกาแฟออกใหม่ ครีมต่างๆ มันเป็นงานพาร์ตไทม์ที่น่าสนใจ เธอเริ่มเข้ามาทำบ้าง กระทั่งถูกชักชวนไปเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยตามยุคสมัย วันนี้มันทำให้เธอหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถส่งเสียตัวเองจนเรียนจบทั้งที่ค่าเทอมแสนแพงโดยไม่ง้อเงินจาก คมคาย ศิลาลักษณ์ แม้แต่บาทเดียว ส่วนชื่อเสียงเป็นเพียงผลพลอยได้อย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าอาชีพนี้ มักจะดึงดูดพวกผู้ชายกระเป๋าหนักมาติดพัน เสนองาน เสนอเงิน เสนอบ้าน รถ สารพัดอย่าง มัลลิกากานต์ปฏิเสธมาเสมอ บุญยวีร์ได้รับโอกาสจากโมเดลลิงให้ขึ้นเป็นผู้ดูแลเด็กในสังกัด ความที่สนิทกันจึงดูแลเธอเป็นพิเศษ มัลลิกากานต์ไม่เถียงว่าเธอไม่ได้หยิ่ง ถ้าการเซฟตัวเองจากพวกผู้ชายเจ้าชู้ที่มักหาโอกาสสกินชิปตอดเล็กตอดน้อยเป็นการหยิ่ง เธอก็คงหยิ่งจริงๆ เรื่องมีเสี่ยเลี้ยง เธอมีจริงๆ โอนให้แต่ละเดือนเป็นแสนๆ แล้วถ้าพวกนั้นรู้ว่าคือใครคงมีเรื่องเมาท์กันจนท้องอิ่มลมไปสามวันสามคืน เพียงแต่ เธอไม่เคยใช้เงินของเขาเลยสักบาท และเสี่ยเงินหนา ผู้มีเสียงเล่าลือว่าเขามันแบดบอยตัวพ่อ ไม่เคยมีเวลามาเจอหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว หกปี เธอรู้ข่าวคราวของเขาผ่านทางสื่อต่างๆ ในวงการพริตตี้เรื่องราวของเขาเป็นที่นิยมและจับตามอง ใครบ้างไม่รู้ว่า คมคาย ศิลาลักษณ์ เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์สุดหรูมูลค่ามหาศาล นับวันเหล่าคนดัง ดารา นักการเมือง ไฮโซทั้งหลายต่างให้ความสนใจ เธอเข้ามาทำงานเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ใหม่ๆ หวั่นใจว่าจะเจอเขา แต่ไม่เคยเจอสักครั้ง คงเพราะคมคายมีงานมีธุรกิจมากมาย หลังจากเธอมีดีกรีเป็นพริตตี้เงินล้าน งานมากมายวิ่งเข้าหา ส่วนใหญ่เป็นงานถ่ายภาพเซ็กซี่วาบหวิว ภาพนู้ด หนังสือเปลือยปลุกใจเสือป่า แต่เธอเลือกรับงาน ถ่ายเซ็กซี่เว้าอก เปิดหลัง นุ่งสั้นได้ แต่ไม่ถึงกับใส่แค่บิกินี ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา กระทั่งเอ็มวีเพลงก็มีติดต่อเข้ามาแต่เธอไม่รับเพราะคิดว่ายังไม่มีความสามารถขนาดนั้น และงาน ‘กินข้าว’ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอปฏิเสธมาเสมอ กระทั่งวันนี้... นายทุนกระเป๋าหนักผู้สนับสนุนบริษัทจัดทำละครแห่งหนึ่งยื่นข้อเสนอเรื่องจะผลักดันเธอเป็นนางเอกละคร แต่เธอต้องไปกินข้าวกับเขาคืนนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ให้มองจากกาแล็กซีแอนโดรมีดาที่มันอยู่ห่างจากกาแลกซีทางช้างเผือกออกไปสองล้านปีแสงยังรู้เลยว่า มันหมายถึงอะไร เจ้าของบริษัทสั่งมา เธอต้องทำตาม แต่ไหนแต่ไรทางต้นสังกัดไม่เคยบังคับให้เธอทำงานที่ไม่อยากทำ มันอาจเป็นเพราะเธอทำเงินให้พวกเขามหาศาล ครั้งนี้... มีตำแหน่งนางเอกละครลอยอยู่ตรงหน้า มีหรือต้นสังกัดเธอจะไม่รีบคว้าเอาไว้ “ไฟมันร้อนนะลิ” มัลลิกากานต์หัวเราะในลำคอเบาๆ กับคำเปรยกึ่งตักเตือน “การลงทุนคือความเสี่ยงไม่ใช่เหรอพี่แหวน อยากได้ผลตอบแทนงามๆ ก็ต้องเสี่ยงวัดดวง” “อย่าลืมแล้วกันว่า การลงทุนมันให้ผลตอบแทนสามอย่าง กำไร เสมอตัว แล้วก็ขาดทุน” “อืม ลิเข้าใจ จะพยายามให้ขาดทุนกำไรก็แล้วกันนะคะ” บุญยวีร์ถอนหายใจเสียงดัง เหลือบค้อนเพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งคนที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาว “ยังจะพูดเล่น” มัลลิกากานต์หัวเราะอีกครั้ง ไหวไหล่เบาๆ ด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อให้เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของเธอคลายกังวล “อย่าห่วง ลิเอาอยู่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD