พบกันอีกครั้ง (60%)

1786 Words
“แล้วถ้าคาร่าไม่เชื่อคำเตือน พี่ดอมจะทำยังไงกับคาร่าไม่ทราบ” ลอยหน้าท้าทายเสือร้ายอย่างไม่หวั่นเกรง เพราะแม่สาวน้อยคิดว่ายังไงตัวเองก็มีคนหนุนหลังอยู่แล้ว คนไม่ชอบโดนท้าเกิดอาการของขึ้นในบัดดล ชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้ด้วยวาจา แต่เลือกที่จะเอาคืนเธอด้วยการกระทำที่เหนือกว่า เพียงชั่วพริบตาร่างของคนช่างยั่วอารมณ์ก็ปลิวไปปะทะแผงอกกว้าง พร้อมกับวงแขนแกร่งล็อคกายทั้งสองให้เข้าแนบชิดจนหายใจรินรดกัน สีหน้าแตกตื่นทำให้เขาถึงกับแสยะยิ้มที่มุมปาก โดมินิกโฉบริมฝีปากหยักจุมพิตลงทันฑ์ริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างแรง จงใจบดคลึงกลีบปากสวยอย่างกระแทกกระทั้นจนแทบชอกช้ำ คาร่าระดมกำปั้นน้อยทุบที่ไหล่กว้างพัลวัน แต่ก็ไม่ทำให้เขากระเทือนได้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงตะโบมจูบเธอไม่หยุดหย่อน มือใหญ่ตรึงปลายคางมนที่เอาแต่ส่ายสะบัดให้รับจุมพิตเร่าร้อนได้อย่างถนัดถนี่ จากที่คิดจะลงทัณฑ์กลายเป็นละเลียดเอาความหวานฉ่ำภายในโพรงปากอิ่มอุ่นจนถ้วนทั่ว ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงร่านอย่างเธอจะยังหลงเหลือความหวานอยู่ คาร่าอ่อนระทวยไปกับจุมพิตแรกในชีวิตสาว ยอมแย้มริมฝีปากรับจุมพิตเจนจัดอย่างไม่อาจหักห้ามใจ “ฮึ…แค่จูบก็ทำเป็นเคลิ้มแล้วเหรอ ร่านดีนี่!” รอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่มุมปากสีแดงสด ผลักร่างบางด้วยความแรง จนคาร่าเสียหลักลงไปนั่งจุมปุกอยู่กับพื้น หากมันไม่ใช่หญ้าป่านนี้ก้นของเธอคงจะระบมไปแล้ว  คำด่าทอแบบซึ่งๆ หน้า ทำให้ใบหน้างามชาวาบเหมือนโดนตบฉาดใหญ่ ความโกรธมันบังตาจนเห็นคนร่างสูงใหญ่ตรงหน้าตัวกระจ้อยร่อยเท่ามด หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วรี่เข้าหาร่างใหญ่ของคนที่กำลังยืนแสยะยิ้มด้วยความสมเพช ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อบาดใจอย่างไม่คิดจะออมแรง เพี๊ยะ!!! “นี่คือรางวัลของคำพูดสั่วๆ ของคนที่ฉันเคยคิดว่าเป็นผู้ดีแบบคุณ คุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่อาศัยอยู่ในสลัม” สรรพนามที่เคยใช้เรียกอย่างสนิทสนมแปรเปลี่ยนไปในทันที คาร่าลดมือลงเปลี่ยนมากำหมัดไว้แนบลำตัว กัดฟันต่อว่าเขาด้วยความแค้นเคืองในท้ายประโยค “อยากตายนักหรือไง ถึงได้กล้ามาด่าฉันด้วยวาจาสถุลแบบนั้น” ย่างสามขุมเข้าหาร่างที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พริบตาเดียวร่างสูงใหญ่ประหนึ่งยักษ์ปักหลั่นก็มายืนค้ำหัวของคาร่า มือหนาจิกลงไปบนไหล่มนโดยไม่คิดจะผ่อนแรง “ไม่ได้อยากตายหรอกค่ะ ฉันแค่ทนความร้ายกาจของผู้ชายอย่างคุณไม่ไหว ก็เท่านั้นเอง” ทั้งที่เจ็บเจียนน้ำตาเล็ด แต่คาร่าก็ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันทนความเจ็บจากแรงมือที่กำลุงขยุ้มหัวไหล่ของตน เงยหน้าเค้นลมหายใจออกมาเป็นคำพูด ตอบโต้กลับอย่างไม่หวั่นเกรง “ถ้าทนผู้ชายอย่างฉันไม่ไหว ก็ยกเลิกงานแต่งซะสิ เพราะหากเธอยังดันทุรังให้งานแต่งซังกะบ๊วยเกิดขึ้นอีกล่ะก็ เธอจะทรมานยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นซะอีก” ทุกคำที่โดมินิกเปล่งออกมา มันมีทั้งการท้าทายและออกคำสั่งผสมผสานกันไปในน้ำเสียงกร้าวกระด้างนั้น “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันว่าทะเลาะกันแบบนี้ก็ดี เผื่อว่าชีวิตคู่ของเราจะมีสีสันซู่ซ่า จนคนอื่นเขาอิจฉาตาลุกเป็นไฟ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงหวานหยด แถมยังปั้นหน้ายิ้มยั่วยวนกวนอารมณ์ จนคนมองต้องบดกรามแล้วบดกรามอีก ถึงแม้ชายหนุ่มจะดุด่า กระแทกแดกดันด้วยถ้อยคำชวนให้เจ็บปวดหัวใจ คาร่าก็เลือกที่จะอดกลั้น และปั้นหน้ารับอย่างไม่รู้สึกรู้สา เพราะอย่างน้อยในช่วงเวลาที่เขาดุด่าว่ากล่าวและขับไล่ไสส่งอย่างไม่เกรงใจ ความสนใจทั้งหมดของเขาก็ตกอยู่ที่เธอแต่เพียงผู้เดียว “เฮอะ…ที่แท้ก็อยากมีผัวจนตัวสั่น แต่ไม่มีใครเอา เลยคิดจะมาจับฉัน มันไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอแม่คุณ” รอยหยันปรากฏขึ้นทั้งในดวงตาและริมฝีปาก ฉาด!!!  นี่เป็นครั้งที่สองที่คาร่ากล้าที่จะตอบแทนวาจาดูแคลนด้วยฝ่ามือของตัวเอง เธอไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ใช้วิธีนี้โต้ตอบเขา ความเจ็บจากลูกตบเพียงน้อยนิดที่เขาได้รับจากเธอ มันเทียบกันไม่ได้เลยกับถ้อยคำอันร้ายกาจจากเขาที่สาดซัดใส่อย่างไม่คิดจะผ่อนปรน  “หน้าด้านไม่หน้าด้านฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันอยากได้คุณ และต้องเป็นคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะมาเป็นทั้งสามีและพ่อของลูกฉัน” บังคับไม่ให้เสียงสั่น พยายามกล้ำกลืนฝืนทนซ่อนความเสียใจไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบตึง  “หากเธอยังคิดจะแต่งงานกับฉัน สิ่งที่เธอจะได้จากฉันไม่ใช่ทะเบียนสมรส แต่มันคือความเป็นผัว ที่ฉันจะยัดเยียดให้สาสมกับความร่านของเธอ”  โดมินิกกระชากเสียงแข็งตอกใส่หน้าคาร่า แล้วร่างผึ่งผายก็เดินจากไป โดยไม่คิดที่จะสนใจเสียงร้องไห้กระซิกของคนที่โดนทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสอยู่เบื้องหลัง สามวันหลังจากย้ายมาที่อิตาลี จอมใจก็เพิ่งจะเข้าบริษัทมารายงานตัวกับหัวหน้าแผนก แต่ก็ยังไม่ได้ทำงานอะไร เพราะหน้าที่ของเธอจะต้องผ่านองค์ประชุมให้ท่านประธานและท่านรองประธานพิจารณาเสียก่อน และก็แว่วๆ มาว่าเธอจะได้ร่วมทำงานในโปรเจคใหญ่ ที่มีท่านรองประธานเข้ามาคุมงานอย่างละเอียดโดยตรง เมื่อยังไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน หัวหน้าของเธอจึงบอกให้กลับไปพักผ่อน แล้วค่อยมาเริ่มงานในอาทิตย์หน้า “ไม่มีอะไรทำ งั้นไปหายัยน้ำผึ้งดีกว่า” คนที่กำลังเซ็งจัดพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา แววตาดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันตา  ว่าแล้วมือเรียวก็ล้วงโทรศัพท์เครื่องจิ๋ว รุ่นคุณแม่ยังสาวออกมาจากกระเป๋าสะพายใบย่อม แล้วกดต่อสายไปถึงเพื่อนรักทันที “หวัดดีจ้าแม่ผึ้งน้อย” ส่งเสียงใสแจ๋วไปทักทายทันทีที่สายน้ำผึ้งกดรับสาย  “อ้าว…ยัยจอมแสบเองเหรอ เป็นไงย้ายมาอยู่อิตาลี ไม่เห็นแวะเวียนมาหาฉันเลยนะแก” สายน้ำผึ้งถามไถ่อย่างตื่นเต้น ใช่ว่าทั้งสองจะขาดการติดต่อกันเลยซะทีเดียว อย่างน้อยก็ต้องโทรศัพท์คุยกันเดือนละครั้ง แต่นั่นก็แค่คุยไม่ได้เห็นหน้า จึงอดที่จะออกอาการดี๊ด๊าไม่ได้ “แหม…แม่นางอย่าเพิ่งงอนสิจ๊ะ ฉันจะไปหาแกเดี๋ยวนี้แหละ จะซื้อของเล่นไปฝากหลานด้วย” จอมใจรีบสกัดคนที่กำลังตัดพ้อตัวเอง ด้วยคำพูดที่เรียกรอยยิ้มและความยินดีจากคนฟังได้เป็นอย่างมาก “จริงเหรอแก รีบมาเลยนะ ฉันกำลังเหงาอยู่พอดี” คุณแม่ลูกสามที่กลายเป็นคนว่างงานอย่างถาวรออกอาการดีใจจนแทบเนื้อเต้น  ตั้งแต่มีลูกสายน้ำผึ้งก็ถูกคุณสามีที่รักสั่งห้ามไม่ให้ไปทำงาน เธอจึงต้องติดแหง็กเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน ถึงแม้จะมีความสุขกับการได้เป็นแม่บ้านเต็มตัว ได้คอยดูแลลูกๆ และปรนนิบัติสามี แต่บางครั้งบางคราวมันก็เกิดอาการเหงาได้เหมือนกัน “จริงจ๊ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน” จอมใจกดตัดสายเมื่อกล่าวจบ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากโถงทางเดินใกล้ห้องน้ำ ตั้งใจจะไปเรียกแท็กซี่หน้าบริษัทให้ไปส่งห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ เพื่อที่จะได้แวะไปซื้อของเล่นให้น้องราฟและนางฟ้าตัวน้อยๆ ทั้งสอง “เอ๊ะ…ออฟฟิศเรามีคนเอเชียด้วยเหรอแฟรงค์” ลูเซียสหันมาถามเลขาคนสนิทอย่างใคร่รู้ ย่นคิ้วเรียวได้รูปเข้าหากัน เพียงก้าวขาพ้นประตูบริษัทก็เห็นสาวเอเชียร่างเล็ก กำลังยืนพูดคุยกับหนึ่งในพนักงานบริษัทอยู่บริเวณล็อบบี  “เธอน่าจะเป็นพนักงานที่เพิ่งย้ายมาจากสาขาในอเมริกานะครับ” แฟรงค์เองก็เพิ่งเคยเห็นหน้าสาวน้อยเป็นครั้งแรก จึงแจ้งเจ้านายเพียงคร่าวๆ ตามที่ได้รับรู้มา “เฮ้ย…ไอ้เลโอมันยอมได้ไงวะ” ท่านรองประธานหนุ่มแปลกใจขนาดหนัก เพราะเป็นที่รู้ๆ กันว่าสำนักงานใหญ่ของวาเลนติอาโน่ กรุ๊ป จะต้องไม่มีคนเอเชียทำงานอยู่ หากจะทำก็ต้องเข้าประจำที่สาขาย่อยเท่านั้น นี่เปรียบเสมือนนโยบายของท่านประธานบริษัท ไอ้เพื่อนรักของเขาเอง หรือว่ามันจะกลับลำเพราะมีเมียเป็นคนเอเชีย ลูเซียสครุ่นคิดเพื่อหาคำตอบอยู่คนเดียวในใจเงียบๆ จากนั้นทั้งเจ้านายและลูกน้องก็นั่งลงตรงชุดโซฟาหลุยส์ที่จัดเอาไว้รองรับแขก เพื่อรอพบลูกค้าคนสำคัญ ที่ไม่ขึ้นไปห้องทำงานของตนเพราะขี้เกียจ เขายังมีงานที่โรงแรมต้องไปสะสางอีกมาก อาทิตย์หน้าถึงจะเข้ามาทำงานในฐานะผู้คุมโปรเจคใหม่ “ผมได้ยินมาว่า เธอเป็นเพื่อนรักของมาดามสายน้ำผึ้งครับ” ปกติแฟรงค์เป็นคนเงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร แต่เรื่องนี้ก็ดันลอยมาเข้าหูเขา ในวันที่ขึ้นลิฟท์ไปคุยงานกับท่านประธานเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว “อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะไอ้เลโอมันถึงได้ยอม” ลูเซียสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนเต็มที่ เขาเกลียดนักล่ะ ไอ้พวกชอบใช้เส้นสาย ดีนะที่เธอไม่ใช้เต้าไต่ แต่คงจะใช้ไม่ได้หรอก เพราะแค่มองข้างๆ ก็รู้แล้วว่าแม่คุณแทบจะไม่มีอะไรให้เจริญหูเจริญตาเลยสักนิด ในขณะที่คิดสายตาคมปลาบก็มองไล่ทั้งตัวคนที่ยืนเยื้องออกไปประมาณร้อยเมตรอย่างถ้วนทั่ว ราวกับจะจับสาวเจ้าเปลื้องผ้าให้เห็นเนื้อใน เมื่อสายตาคมที่ใช้สยบผู้หญิงมานักต่อนักหยุดลงที่ใบหน้าเนียนของคนที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่รู้ตัว เขาก็ต้องอุทานออกมา  “เอ๊ะ…ยัยลิงน้อยจอมแสบนี่นา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD