“อย่าทรมานชาช่าอีกเลย เข้ามาในตัวชาช่าเถอะนะคะ ได้โปรด” เสียงกระเส่าเว้าวอนขอ พลางส่ายสะโพกเชิญชวนและยั่วยวน
ลูเซียสไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องรอเก้อ อัดกระแทกตัวตนเข้าไปทางด้านหลังจนสุดทางปรารถนาในครั้งเดียว หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงดัง ยิ่งได้เห็นภาพของบทพิศวาสที่ทั้งสองร่วมกันทำในกระจก ยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ความกระหายอยากมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาอัดกระแทกเข้าไปทั้งลึก รัวและเร็ว จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อไม่ขาดสาย ร่างเปล่าเปลือยทั้งสองสั่นคลอนไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นอันเร่าร้อนรุนแรง
“จะไม่ไหวแล้ว” ชายหนุ่มกัดฟันคำรามจนเส้นเลือดบนลำคอปูดโปน โหมตัวกระหน่ำสะโพกเข้าใส่ภายในตัวหญิงสาว ทุกจังหวะหนักหน่วงจนแทบลืมหายใจ พร้อมทั้งเอื้อมมือขวาไปข้างหน้า ใช้นิ้วชี้ขยี้เกสรดอกรักที่บานเบ่งอย่างถึงอกถึงใจ
เท่านั้นแหละความอดทนของชาช่าก็เป็นอันสิ้นสุดลง ร้องครวญครางออกมาด้วยความรัญจวนใจ ส่ายสะบัดร่างงามไปกับท่วงทำนองรักอันเริงโลด แอ่นสะโพกไปด้านหลังรับจังหวะที่เขาเป็นผู้กำหนด เพียงไม่นานทั้งสองร่างก็เกร็งกระตุกและหวีดร้องเสียงดังออกมาพร้อมกันจนห้องแทบแตก พร้อมกับปล่อยน้ำรักออกมาอย่างทะลักทะลาย เมื่อหายเหนื่อยแล้วทั้งคู่ก็จุดไฟราคะ บรรเลงเพลงสวาทอย่างไม่ลืมหูลืมตาขึ้นอีกครั้ง จากพื้นพรมหน้าเตาผิง ย้ายไปที่โซฟา ในห้องครัว อ่างอาบน้ำและมาจบลงที่เตียงอีกรอบ เมื่อเสร็จภารกิจพิศวาสก็เป็นเวลาบ่ายคล้อย จวนจะถึงเวลานัดหมายของลูเซียส เขาจึงไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมออกไปเจอเพื่อนรักที่บริษัท
“ที่รักคุณจะนอนต่อก็ได้นะ ผมรู้ว่าคุณเสียพลังงานไปเยอะ แต่ถ้าคุณจะกลับก็ล็อคห้องให้ผมด้วย” กล่าวล้อเลียนสาวสวยที่นอนให้ท่าอยู่บนเตียงด้วยแววตารื่นรมย์
“ได้ค่ะ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกคะ” ชาช่าทำเสียงอู้อี้ บิดขี้เกียจด้วยท่าทางยั่วยวนป่วนอารมณ์ เห็นหล่อนเริ่มจะออกอาการเซ้าซี้ลูเซียสก็บังเกิดความหงุดหงิด
“แล้วผมจะติดต่อไปเอง” เสียงแข็งตอบโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา เพราะไม่คิดจะใส่ใจในความรู้สึกของหล่อนอยู่แล้ว
ลูเซียสเดินออกจากห้องไปที่ลานจอดรถของโรงแรมพลางคิดไปว่า ‘ผู้หญิงทุกคนก็เหมือนไวน์นั่นเเหละ ดื่มตอนเเรกมันก็นุ่มลิ้นดีอยู่หรอก เเต่ถ้าดื่มรสเดิมไปนานๆ คงเซ็งตายชัก แต่ถ้าพวกหล่อนมาเสนอผู้ชายอกสามศอกดีกรีความร้อนแรงไม่เป็นสองรองใครอย่างเขา ก็ต้องสนองหล่อนหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าเกาไม่ถูกที่คัน ยิ่งถ้าคันแล้วไม่ได้เกาหล่อนคงทรมานแย่’
เขาคงไม่ติดต่อกลับไปหาชาช่าอีกหรอก เพราะเขาไม่ชอบกินอาหารจานเดิมนานๆ คนอย่างลูเซียส มาร์ติอาน่า ต้องการความแปลกใหม่เท่านั้น มันถึงจะท้าทายและน่าค้นหาสำหรับเขา
ห้องทำงานท่านประธาน บริษัทวาเลนติอาโน่
“ว่าไงไอ้คุณท่านประธานใหญ่ เรียกตัวกระผมมามีอะไรไม่ทราบครับ” คนที่เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาด้วยท่าทีแสนสบาย มีรอยยิ้มกระชากใจประดับอยู่บนใบหน้า เอ่ยถามเพื่อนอย่างกวนๆ
“ฉันจะแนะนำให้แกได้รู้จักกับลูกน้องในทีมอีกคน” ท่านประธานสุดหล่อบุ้ยปากให้ท่านรองประธานที่หล่อเหลาชนิดกินกันไม่ลง ให้นั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะละสายตาจากงานมาสนใจเพื่อนสนิท
“ใครวะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ลูเซียสพาร่างผึ่งผายของตนมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตามคำสั่งกรายๆ ของท่านประธาน ก่อนที่พ่อสุดหล่อจอมกะล่อนจะเอ่ยถามถึงลูกน้องคนใหม่ ที่ดูเหมือนไอ้คุณท่านประธานเพื่อนของเขาจะภูมิใจนำเสนออย่างออกนอกหน้า
“ผู้หญิง” เลโอตอบนิ่งๆ รอดูปฏิกริยาของไอ้เสือร้ายว่ามันจะทำท่ายังไง แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ได้กลิ่นผู้หญิงหน่อยไม่ได้เป็นต้องวิ่งเข้าใส่
“ว้าว…สวยหรือเปล่าวะ” ลูเซียสอุทานอย่างตื่นเต้น ตาเป็นประกาย จนเลโอเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน นี่มันกะจะเคลมลูกน้องคนใหม่หรือยังไงกันวะ
“สวยไม่สวย แกก็คอยดูเอาเองก็แล้วกัน เดี๋ยวเธอก็มา” เลโอไม่อาจตอบเพื่อนได้ว่าพนักงานคนใหม่สวยหรือไม่ เพราะตาของเขาตอนนี้มีไว้มองเมียสุดที่รักคนเดียวเท่านั้น ส่วนสาวอื่นก็เหมือนสายลมที่พัดผ่าน เขาแทบไม่อยากจะชายตาแล
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญ” หลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้นติดกันสามครั้ง เจ้าของห้องก็ส่งเสียงทุ้มทว่าทรงพลังและเปี่ยมด้วยอำนาจ ไปอนุญาตคนที่อยู่อีกฟากฝั่งของประตู
จอมใจเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของประธานบริษัทด้วยท่วงท่าสง่างาม ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พร้อมกับคำทักทายที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มด้วยท่าทางนอบน้อม
“ท่านประธานสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณจอม” เลโอยิ้มและทักทายอย่างเป็นกันเอง
“ท่านประธานเรียกดิฉันเข้าพบ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เจ้าของร่างบางที่อยู่ในชุดทำงานทะมัดทะแมงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับเจ้านายโดยตรงของคุณ” เลโอว่าพลางผายมือไปยังร่างสง่าผ่าเผยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเขา
“นี่ลูเซียส เป็นรองประธานและเป็นผู้คุมโปรเจคที่คุณกำลังจะทำ ส่วนนี่ก็คุณจอมใจ เธอเพิ่งย้ายมาจากสาขาที่อเมริกา”
เพียงได้ยินชื่อเธอลูเซียสก็จำได้ขึ้นใจ ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องร้องห่มร้องไห้ อยากจะเห็นหน้าเหมือนกัน ว่าจะสวยซักแค่ไหนกันเชียว ถึงทำให้ว่าที่น้องเขยของเขาหลงเสน่ห์จนหัวปักหัวปำ ไวเท่าความคิด ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นเต็มความสูง หันมาทักทายอีกฝ่ายทันที
“สวัสดีครับ ผมลูเซียส มาร์ติอาน่า ยินดีที่ได้รู้จัก” น้ำเสียงสุภาพเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยัก พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาวให้เต็มๆ ตา
“เฮ้ย / เฮ้ย!!!” เสียงอุทานของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน มือที่กำลังเคลื่อนเข้าไปเพื่อทำการทักทายตามธรรมเนียมฝรั่งต้องรีบหดกลับ และถอยฉากออกมาราวกับโดนของร้อน
“อ้าว…นี่พวกคุณรู้จักกันแล้วเหรอ” เลโอถามด้วยความแปลกใจ พลางมองคนทั้งคู่อย่างขันๆ จะอะไรนักหนาถึงขนาดต้องถอยออกมาจากกันยังกับโดนไฟช็อต
“อืม…รู้จักดีด้วยล่ะ” ลูเซียสตอบคำถามแบบไม่มองหน้าคนถาม เพราะนัยน์ตาคมกริบกำลังจับจ้องที่ดวงหน้าแม่สาวเอเชียไม่ลดละ อยากรู้ว่าเธอมีอะไรดีนักถึงทำให้โดมินิกหลงจนโงหัวไม่ขึ้น มองแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรน่าพิสมัยเลยสักนิด ทั้งแบนราบและแข็งกระด้าง ไม่มีความเซ็กซี่เย้ายวนในตัวเลย มองแล้วเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหย่านมจากอกแม่หมาดๆ ยังไงยังงั้น
“งั้นก็ดีแล้วนี่ จะได้ทำงานด้วยกันง่ายๆ หน่อย” เลโอออกความคิดเห็นอย่างพอใจ จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่า หากเพื่อนร่วมงานเป็นกันเอง ก็จะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เกิดความอึดอัดหรือตะขิดตะขวางใจ การทำงานก็จะราบรื่น
“ดีอย่างกับผีน่ะสิ” ลูเซียสยังแค้นเคืองที่เธอทำให้เขาอับอายในวันนั้นไม่หาย และหมายมาดว่าจะเอาคืนอย่างเจ็บแสบ ชนิดที่เธอต้องจดจำไปตลอดชีวิต
“ยัยลิงแคระ ฉันต้องทำงานกับเธอจริงๆ เหรอเนี่ย” ลูเซียสมองจอมใจอยู่ในชุดทำงานอย่างไม่อยากเชื่อ ว่ายัยตัวแสบอย่างเธอจะมีปัญญาตะเกียกตะกายเข้ามาทำงานในองค์กรชั้นนำเช่นนี้ได้ ถึงแม้ว่าเลขาของเขาจะเคยบอกกล่าวมาบ้างแล้วก็เถอะ
“ฉันอยู่ในชุดแบบนี้ แล้วคุณคิดว่าฉันจะมาทำงานกับคุณหรือเปล่าล่ะคะ” จอมใจไม่คิดจะตอบดีๆ รวนกลับไปด้วยท่าทางกวนๆ จนลูเซียสต้องกัดฟันกรอด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้มาก่อน
“นี่เธอหาว่าฉันโง่เหรอ” ตะคอกใส่หน้าจอมใจอย่างเดือดจัด ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด แต่คุณพูดเองนะว่าตัวเอง…โง่” จอมใจไหวไหล่นิดๆ อย่างไม่แยแส ท้ายประโยคไม่วายกวนอารมณ์ให้ลูเซียสเดือดดาลเข้าไปอีก
“หยุดได้แล้วทั้งสองคน ลูซแกป้อนงานให้คุณจอมได้เลยนะ” เลโอเบิกมือเป็นเชิงให้ทั้งสองหยุดแยกเขี้ยวใส่กันซักที ก่อนจะหันไปบอกลูเซียสถึงเรื่องงานด้วยท่าทางจริงจัง
“ได้เลยเพื่อน ฉันจะป้อนงานให้ลูกน้องคนใหม่ไม่ขาดมือเลยล่ะ” ลูเซียสยักคิ้วให้เพื่อนรักด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ อยู่ๆ ยัยตัวแสบก็มาให้เชือดถึงถิ่น แถมเธอยังเป็นเสี้ยนหนามของน้องสาวเขาด้วย ดีล่ะ…งั้นเขาจะกลั่นแกล้งแม่ตัวแสบ จนเธอไม่มีเวลาไปแย่งชิงคู่หมั้นของคนอื่นเลยคอยดู
“อืม…ดี เพราะคุณรามานติดต่อมาแล้ว ว่าให้ทางเราไปดำเนินการได้เลย” เลโอพอใจกับคำตอบที่ได้รับจากเพื่อนรัก โดยไม่เอะใจเลยสักนิดว่าไอ้เพื่อนตัวดีกำลังมีแผนพิฆาตสาวเจ้าอยู่ในใจ
“งั้นฉันขอเอาลูกน้องคนใหม่ ไปคุยงานที่ห้องฉันได้ไหมวะ” ถามด้วยท่าทางขึงขัง ดูแล้วก็พลยอทำให้คนฟังคิดว่าพ่อคุณกำลังกระตือรือร้นกับการทำงาน
“ตามสบายเลยเพื่อน เธอเป็นลูกน้องแกแล้วนี่” ท่านประธานให้อำนาจแก่คนขอเต็มที่ ในเมื่อเพื่อนเขาเป็นคนคิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่และยังเป็นเจ้าของแนวคิดของโปรเจค อำนาจทั้งหมดจึงเป็นของลูเซียส ซึ่งต่อแต่นี้เขาก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย
“เชิญที่ห้องผมครับคุณจอมใจ ผมมีเรื่องงานจะคุยกับคุณ” ลูเซียสว่าพลางลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าจอมใจออกจากห้องทำงานของท่านประธาน
อึดใจต่อมาทั้งสองก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงาน ที่มีความโอ่อ่าไม่ต่างจากห้องของท่านประธานที่เพิ่งออกมาเมื่อกี้ซักเท่าไหร่
“คุณมีอะไรก็รีบว่ามา ฉันยังมีงานอื่นที่ต้องทำอีก” นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จอมใจก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป เพราะรู้สึกว่าอยู่เพียงลำพังกับเขานานๆ ชักจะเริ่มอึดอัด
“อ้าว…คุณทำงานเป็นด้วยเหรอ ผมนึกว่าเก่งแต่เรื่องอ่อยผู้ชาย” คิ้วหนาได้รูปเลิกขึ้นเหมือนแปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายนักหนา
“อย่ามากล่าวหาฉันนะ ถึงคุณจะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่มีสิทธิมาวิพากวิจาณ์ฉันด้วยวาจาพล่อยๆ” จอมใจกำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ ไม่ให้ตัวเองปล่อยมันลอยไปกระแทกใบหน้ากวนโอ๊ยของเขา
“มันคงไม่ใช่วาจาพล่อยๆ หรอกมั้ง ในเมื่อคุณจงใจที่จะแย่งคนรักของคนอื่นจริงๆ” เหน็บแนมคนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างไม่ไว้หน้า เขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติผู้หญิงเอเชียอย่างเธอ ในเมื่อเธอทำตัวร่านอย่างที่เขาว่าจริงๆ ดังนั้นโดนประณามจากเขามันก็สมควรแล้ว
“อ๋อ…ที่แท้ก็กลัวว่าฉันจะแย่งคู่หมั้นของน้องสาวนี่เอง” จอมใจว่าอย่างยิ้มๆ ตั้งใจรวนอารมณ์ของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท่านรองประธานของที่นี่เป็นพี่ชายของคู่หมั้นของโดมินิก เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนก็แค่นั้นเอง
“ก็รู้นี่ว่าโดมินิกเขามีเจ้าของแล้ว แล้วทำไมยังไปยุ่งกับเขาอยู่ล่ะ หรือชอบลักกินขโมยกิน” ลูเซียสเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะๆ พลางใช้สายตาคมปลาบมองเธอด้วยความสมเพช
“ช่วยไม่ได้นี่คะ เราเข้ากันได้ดีด้วยสิ ทำยังไงดอมเขาก็ไม่ยอมไปจากฉันซักที นี่ขนาดย้ายมาที่อิตาลี เขายังอุตส่าห์บินมาหาถึงที่นี่” จอมใจยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดยั่วชายหนุ่มอย่างไม่ยี่หระ ถึงแม้เธอจะคิดกับโดมินิกแค่เพื่อน แต่เมื่อเขามากระแนะกระแหนแบบนี้มันก็ทำให้เธอปรี๊ดแตกได้เหมือนกัน
“เฮอะ…ผู้หญิงอะไรหน้าด้านสุดๆ” ลูเซียสทนความหน้าด้านหน้าทนของจอมใจไม่ไหว ก็ด่ากราดด้วยวาจาหยามเหยียด ขนาดเธอรู้อยู่เต็มอกว่าโดมินิกมีคู่หมั้นแล้ว แม่คุณยังไม่วายทำตัวกร้านโลก ไม่ยี่หระต่อคำครหาว่าร้ายจากคนอื่น ช่างใจกล้าหน้าด้านดีจริงๆ
“ถ้าไม่อยากให้ฉันหน้าด้าน ก็ไปบอกให้น้องสาวของคุณจับดอมให้อยู่หมัดสิคะ ถ้าน้องคุณมีปัญญาทำอย่างนั้นได้…ทุกอย่างก็จบ จริงไหม” สาวแสบลอยหน้าบอกชายหนุ่มอย่างท้าทาย อันที่จริงจอมใจก็ไม่คิดจะแย่งเนื้อหนังหรือกระดูกของมนุษย์เพศผู้เอามาแขวนคอให้ปวดหัวอยู่แล้ว ที่พูดไปนั้นล้วนต้องการกวนประสาทเขาทั้งสิ้น
“ยัยเด็กบ้า มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงตวาดกึกก้องดังออกมาจากปากหยัก ลูเซียสถึงขีดสุดของอารมณ์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง วาจายั่วยุของเธอมันไม่ต่างจากน้ำมันที่กำลังราดรดลงบนกองเพลิง แล้วขณะนี้เพลิงอารมณ์กำลังลุกไหม้ไปทั่วทั้งร่างกำยำของลูเซียส จนแทบจะกระโจนเข้าไปขย้ำเจ้าของใบหน้าเชิดรั้นนั่นให้หายโมโห
“ถ้านี่คือเรื่องที่คุณจะคุยกับฉัน ฉันก็ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เพราะนี่มันยังอยู่ในเวลางาน” ไม่พูดเปล่าร่างน้อยลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินทิ้งห่างออกมาอย่างไม่คิดจะเหลียวหลัง
“เดี๋ยว!” คำพูดของชายหนุ่มทำให้ขาสั้นๆ ที่กำลังจะก้าวออกจากห้องหยุดชะงัก แล้วหันขวับกลับมามองเจ้าของเสียง พร้อมทั้งกระแทกลมหายใจหนักๆ ออกมา รู้สึกอิดหนาระอาใจกับนิสัยที่กัดไม่ปล่อยของเขา ได้…อยากกัดกับเธอนัก เธอก็จะทำให้เขามีแผลเหวอะหวะ ให้ไม่กล้ามาตอแยกับเธออีกเลย จอมใจนึกอย่างรำคาญ
“มีอะไรกับดิฉันอีกไม่ทราบคะ ท่านรองประธานที่เคารพ” จอมใจถามด้วยท่าทางยียวน แล้วจ้องใบหน้าคมคายเพื่อรอคำตอบไม่วางตา
“ฉันขอสั่งห้าม ไม่ให้เธอไปยุ่งกับโดมินิกอีก” เสียงเข้มออกคำสั่งอย่างเผด็จการ แต่มีหรือแม่สาวแสบจะครั่นคร้ามไปกับการคุกคามทางวาจาของเขา เขามันก็แค่เจ้านาย มีสิทธิสั่งงานให้เธอทำตามหน้าที่ แต่ไม่มีสิทธิมาบงการหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอ
“คำสั่งของคุณ มันเป็นส่วนหนึ่งของงานหรือเปล่าคะ” คิ้วโก่งเลิกขึ้นพร้อมกับถามไถ่ ก่อนจะก้าวเท้าเดินกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่หวั่นเกรง
“ถ้าไม่เกี่ยวแล้วยังไง” ลูเซียสไหวไหล่ทรงพลังอย่างเป็นต่อ คิดว่าเธอไม่มีสิทธิที่จะขัดคำสั่งของเจ้านายอย่างเขาได้ หากเขาสั่งสิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือปฏิบัติตาม
“ถ้าไม่เกี่ยวกับงาน แล้วคุณคิดว่าคนอย่างฉันจะทำไหมล่ะ หากยังคิดไม่ออกก็ขอให้ไปหาซื้อโอเมก้าสามมากินแทนหญ้าซะนะคะ” จอมใจโปรยยิ้มหวานแบบนางมารร้าย วางระเบิดเสร็จก็เดินเชิดหน้าออกไปจากห้องท่านรองประธาน พร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอน้อย แล้วเพียงชั่วอึดใจระเบิดเวลาก็เริ่มทำงาน
“นี่เธอว่าฉันเหรอ ฮึ่ย…ยัยตัวแสบ” ลูเซียสเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่หลังเสียงหัวเราะน้อยๆ อยากจะสั่งสอนแม่คนปากดีให้สาสมกับวาจาสามหาว แต่เธอก็เผ่นไปเสียแล้ว