ลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ยามอัสดงค่อย ๆ ลาลับโค้งขอบฟ้าลงไป ก็เหมือนกับใจของเด็กสาวแสนสวยที่กำลังห่อเหี่ยวเกินจะทานทนเข้มแข็งต่อไปได้ สาวน้อยหันไปมองรอบ ๆ บริเวณโรงเรียนที่แสนจะเงียบสงัด น้ำตาใส ๆ ไหลออกมาด้วยความเสียใจ ความน้อยใจโหมกระหน่ำเข้าใส่ราวกับคลื่นทะเลยักษ์ที่กำลังคลั่ง
ทุกคน... เพื่อน ๆ ของหล่อนทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครต้องนั่งเศร้าเสียใจเหมือนหล่อนเลยสักคน ทุกคนมีญาติอันเป็นที่รักมารับกลับบ้านกันหมด เหลือแต่หล่อนคนเดียวเท่านั้น
ใบหน้าสวยแสนหวานแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มอย่างหม่นหมอง ทำไมนะ ทำไมอาต้นของหล่อนถึงไม่เคยใยดีหล่อนสักนิด แม้ว่าหล่อนจะเรียกร้องความสนใจจากเขาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับหล่อนเลย เขาไม่รักหล่อน... เขารังเกียจหล่อน... เขาคงจะลำบากใจมากซินะ ที่ต้องมารับภาระในการส่งเสียหล่อน ความเจ็บปวดที่สาดซัดเข้าใส่ทำให้พวงชมพูอดสะอื้นไห้ออกมาอีกไม่ได้
“อาต้นใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย...”
พวงชมพูลุกขึ้นจากม้านั่ง ก่อนจะเงยหน้ากู่ร้องออกมาเสียงดังสนั่นเพื่อระบายอารมณ์ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ
“อาใจร้ายกับชมพูมากขนาดนั้นเลยหรือครับ...” เสียงเข้มคุ้นหูที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พวงชมพูยืนนิ่งงัน หญิงสาวไม่กล้าที่จะหันหน้าไปสบกับดวงตาที่คมประดุจใบมีดโกนของเมธาพัฒน์ ได้แต่ยืนนิ่งแล้วก็ยกสองมือขึ้นป้ายน้ำตาของตัวเองด้วยกริยาน่าเอ็นดูนัก
“อาขอโทษครับที่ตอนแรกไม่ได้มารับชมพูด้วยตัวเอง” เมธาพัฒน์พูดขึ้นเสียงเรียบ ก่อนจะเดินอ้อมไปหยุดตรงหน้าของเด็กสาวในปกครอง ใบหน้าของเขาสุดแสนจะราบเรียบ ดวงตาคมกริบสีดำดุจนิลไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย พวงชมพูเห็นแล้วก็ยิ่งเศร้าใจหนักมากขึ้นไปอีก
“แต่ชมพูก็น่าจะกลับไปพร้อมกับคนขับรถ ไม่น่าดื้อเลย...”
สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตทั้งน้ำตา ความน้อยใจอัดแน่นเต็มดวงตาหวานฉ่ำมหาศาล ความปลื้มปิติที่ได้พบเห็นเขามีอันจางหายไปสิ้น เมื่อฟังคำพูดโหดร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของเขาจบ
เมธาพัฒน์เห็นพวงชมพูร้องไห้ก็รู้สึกไม่สบายใจนัก เขากำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่พวงชมพูไวกว่าหล่อนแทรกขึ้นด้วยความน้ำเสียงขุ่นเคืองทันควัน
“ถ้าเกลียดกันนักก็ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ เพราะถึงแม้ไม่มีอาต้น ชมพูก็อยู่ของชมพูได้...” เรียวปากอิ่มของหล่อนเม้นเข้าหากันแน่น ความเสียใจ ความน้อยใจทะยานขึ้นแทบระเบิดออกมา
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะชมพู ที่อาไม่ได้มารับตั้งแต่แรกก็เพราะว่าอามีธุระสำคัญมากที่ต้องทำ อาถึงต้องให้คนอื่นมารับชมพูแทนไง...” เมธาพัฒน์คว้าแขนของพวงชมพูไว้ เมื่อเห็นหล่อนจะเดินหนีไป สาวน้อยดิ้นรนอย่างสุดแสนพยศ
“อย่ามายุ่งกับชมพูนะ!” พวงชมพูขู่ฟ่อ มองอาหนุ่มที่ตนแอบรักด้วยความขุ่นเคือง
“แต่เมื่อชมพูไม่ยอมกลับไปกับคนขับรถ อาถึงต้องทิ้งภาระทุกอย่างแล้วก็รีบแจ้นมารับชมพูด้วยตัวเองไงล่ะ แค่นี้ชมพูยังไม่พอใจอีกหรือไงครับ หรือว่าต้องให้อากลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบไปซะก่อนชมพูถึงจะพอใจ” เมธาพัฒน์พูดออกมาอย่างเหลืออด จ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตากระด้าง ดุดัน และนั่นก็ทำให้เด็กสาวเริ่มพยศน้อยลง
“แต่... อาต้นก็น่าจะมารับชมพู อาต้นก็รู้ว่าชมพู..”
“ถึงแม้อาจะรู้ แต่บางอย่างอาก็ทำไม่ได้หรอกนะ คราวนี้กลับบ้านกันได้หรือยัง หรือว่าต้องให้อาคุกเข่าสารภาพผิดซะก่อน ชมพูถึงจะยกโทษให้กับอา”
ริมฝีปากล่างของหล่อนสั่นระริก หล่อนรักเขา หลงรักเขาเหลือเกิน ทำไมหล่อนจะให้อภัยเขาไม่ได้ หล่อนไม่ได้เกลียดเขาสักหน่อย ตรงกันข้าม กลับรักเขาจนหมดหัวใจต่างหาก
“ค่ะ ชมพูจะกลับบ้าน”
เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้ารับ เมธาพัฒน์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเผลอระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางเช็ดน้ำตาราวกับเด็ก ๆ ของสาวน้อยตรงหน้า
“บ้านของเราครับ” เมธาพัฒน์เดินจูงมือให้เด็กสาวในปกครองเดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน ระหว่างทางพวงชมพูไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ซึ่งมันผิดวิสัยของหล่อนยิ่งนัก
“ยังไม่หายโกรธอาอีกหรือครับ อาขอโทษ” เมื่อเห็นหล่อนยังไม่ตอบโต้อะไร เมธาพัฒน์จึงหยุดเดิน ก่อนจะคว้าร่างบางของหล่อนให้หันมาเผชิญหน้า
“อาให้ทำโทษ...” ชายหนุ่มยื่นมือของตัวเองออกไปตรงหน้าสาวน้อยที่ถักผมเปียสองข้าง พวงชมพูมองอย่างแปลกใจ คิ้วโก่งสวยเป็นธรรมชาติเลิกขึ้นสูงทั้งสองข้าง
“อาต้นยื่นมือมาทำไมคะ”
เมธาพัฒน์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ซึ่งรอยยิ้มอย่างนี้นี่เองที่ทำให้หล่อนตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ เขาอ่อนโยน สุภาพ เยือกเย็น แต่หล่อนรู้ดีว่า ถ้าเขาคิดจะร้อนเมื่อไหร่ ใครก็ยากจะดับได้
“ก็ให้ชมพูทำโทษอาไงครับ อ่ะ ตีได้เลย ตามใจชอบ”
คำพูดของคนตัวโตทำให้พวงชมพูเชิดหน้าขึ้นอย่างแง่งอน นี่เขาเห็นหล่อนเป็นเด็กนักหรือไง ถึงได้ใช้วิธีง้องอนแบบนี้
“ชมพูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ ชมพูอายุ 19 ปีแล้ว และก็มีแฟนได้แล้วด้วย” พวงชมพูพูดออกมาเสียงขุ่น ก่อนจะเดินลิ่ว ๆ ตรงไปที่รถ โดยไม่หันกลับมามองอาหนุ่มของตัวเองอีก
เมธาพัฒน์ยืนงงเหมือนถูกไม้หน้าสามหวดเข้าที่ศีรษะ พวงชมพูมีแฟนแล้วหรือ ชายหนุ่มคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน และเจ้าสิ่งที่ได้ยินมันก็ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวสุด ๆ อีกต่างหาก
ชายหนุ่มเดินตามเด็กสาวในปกครองของตนเองไปที่รถ มือหนากระชากเปิดประตูรถให้เปิดออกก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่ จากนั้นรถคันงามก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พวงชมพูแอบมองผู้ชายหล่อระเบิดผ่านทางหางตา แล้วหล่อนก็เห็นใบหน้าหล่อลากไส้นั้นกระด้างขึ้นมาอย่างน่ากลัว
ความเงียบแผ่รัศมีปกคลุมไปทั่วตัวรถอยู่นานแสนนาน กว่าเสียงห้าวเย็นชาของเมธาพัฒน์จะทำลายความเงียบงันนั้นขึ้นมา
“อาคิดว่า ชมพูยังเด็กเกินไปกับการมีแฟนนะ”
พวงชมพูอดแปลกใจไม่ได้กับคำพูดลอย ๆ ของคนตัวโต เขาทำเหมือนหวง แต่พอหล่อนพยายามอยู่ใกล้ ๆ เขา พ่อเจ้าประคุณกลับวิ่งหนี นี่เขาจะเอายังไงกับหล่อนกันแน่นะ
“อาต้นพูดอะไรคะ ชมพูอายุ 19 แล้วนะคะ ไม่เด็กแล้วด้วย และถึงแม้อาจะมองชมพูว่าเป็นเด็ก แต่ผู้ชายคนอื่นเขาไม่ได้คิดแบบอาต้นสักหน่อย...”
พวงชมพูเชิดหน้าขึ้นก่อนจะพูดยียวนเขากลับไป ผลที่ได้ก็คือหัวของหล่อนแทบจะกระแทกกับกระจกหน้ารถตาย เพราะพ่อเจ้าประคุณเหยียบเบรกกะทันหัน
รถจอดสนิท... เมธาพัฒน์จ้องมองพวงชมพูนิ่ง ถ้าหล่อนมองไม่ผิด ในดวงตาคมรียาวของเขานั้นต้องเป็นกองเพลิงอย่างแน่นอน เขาโกรธ! โกรธหล่อนเรื่องอะไร
“ใจแตกแล้วหรือไง มีผู้หญิงที่ไหนเขาคิดแบบชมพูกันบ้าง อาไม่อยากให้ชมพูคิดถึงเรื่องผู้ชายจนกว่าจะจบปริญญาซะก่อน”
หล่อนเห็นเขาขบกรามจนเป็นสันนูน ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนของเขากระด้างขึ้นน่ากลัว แต่มันก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อเขาควบคุมตัวเองได้
“อาต้นอย่ามาดูถูกชมพูนะ” พวงชมพูตวาดแว๊ดกลับไปอย่างมีอารมณ์