“นั่งรถเมล์วันนี้...ถึงบ้านอีกทีชาติหน้า เฮ้อ...” เขาว่าเบญจเพสดวงจะตก ใครจะไปคิดเล่าว่า ถึงขั้นทำอะไรไม่เกิดไม่ขึ้นเอาเสียเลย แค่หายใจก็ซวยแล้ว ขับรถตัวเองอยู่ดี ๆ รถก็ดับสตาร์ตไม่ติด ต้องให้อู่มายกไปซ่อม โบกแท็กซี่อยู่ครึ่งชั่วโมง ดันไม่มีใครจอดรับสักคัน
จึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในรอบห้าปี ในช่วงเวลาที่การจราจรนรกสุด ๆ เห็นทีว่าหล่อนจะต้องทำบุญปฏิบัติธรรมเสียบ้างแล้ว “ชิดในหน่อยพี่ ชิดในหน่อย...” เสียงกระเป๋ารถเมล์ร้องเตือน โสรยาถึงกับกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย เพราะสภาพในรถเมล์ตอนนี้อึดอัดยัดแน่นไปหมด แทบจะตบชิงอากาศหายใจกันอยู่แล้ว
ถ้าให้ขยับอีกหล่อนคงต้องเสียสละปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา รู้อย่างนี้ชวนเพื่อน ๆ มาด้วยก็ดี จะได้ไม่ต้องผจญวิบากกรรมอยู่คนเดียว
“ชิดในหน่อยเร็ว...” กระเป๋ารถเมล์ยังตะโกนไม่หยุดเมื่อถึงป้ายจอดรถประจำทาง แทรกขึ้นมาด้วยเสียงกรีดร้องของฝูงชนที่ลุกฮือราวกับว่ากำลังเกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่าง คนในรถต่างก็อยู่ในอาการตกใจ กวาดตามองซ้ายมองขวาหาต้นเหตุกันลนลาน
“เกิดอะไรขึ้น!” ใครคนหนึ่งตะโกนถาม
“เด็กช่างมันตีกัน!” ใครก็ไม่รู้ให้คำตอบ สิ้นเสียงนั้น ในรถก็เกิดความชุลมุนร้องระงมด้วยความหวาดกลัว แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นสองสามนัดติดกัน ทุกคนต่างเบียดเสียดหมอบลงกับพื้นเพราะกลัวลูกหลง
“อะไรกันเนี่ย!” โสรยากรีดร้องให้กับความวิบัติที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ไม่มีสคริปต์ ไม่มีคอนเทนต์ ไม่มีตัวแสดงแทน! “ทำไมมันต้องมาตีกันวันนี้ด้วย...” สาบานว่าถ้ารอดชีวิตกลับไป ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งหล่อนจะเช็กดวงอย่างละเอียดยิบ
หญิงสาวนั่งหลับตาปี๋ สองมือป้องปิดหู ห่อตัวลีบเล็กที่สุด ท่องบทสวดมนต์ทุกบทที่พอจะทำได้ หล่อนสวดผิดสวดถูก ไปหน้าบ้างกลับหลังบ้าง ภาวนาให้อะไรก็ได้คุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัย
หล่อนเป็นข่าวกระหึ่มในโลกออนไลน์อยู่แล้ว ไม่ได้อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกรอบหรอกนะ! “พ่อจ๋าแม่จ๋าปู่ย่าตายาย ช่วยหนูด้วย” ทั้งด้านนอกด้านในอื้ออึงไปด้วยเสียงอึกทึกรอบด้าน ใจหล่อนสั่นโครมครามราวจะวิ่งหนีออกจากตัว สมรภูมิชีวิตแม้เคยพบพาน กลับเทียบไม่ได้เลยกับนาทีแห่งความเป็นความตายในตอนนี้
“ไอ้แม็กซ์อยู่นั่น! จัดการมันให้ได้” น้ำเสียงดุดันเกรี้ยวกราดดังกลบทุกเสียง บุคคลไม่ทราบจำนวนวิ่งกรูขึ้นมาบนรถ “หลีก ๆ! ถอยไปสิวะ!”
“ไม่ไหวแล้ว! กรี๊ด!” โสรยากลัวจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนลุกขึ้นแล้ววิ่งลงจากรถพร้อม ๆ กับกลุ่มนักศึกษาช่างกลเหล่านั้นอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง เสียงปืนดังไล่หลังมาติด ๆ ร่างเล็กสวมวิญญาณนักวิ่งลมกรด วิ่งดิโส วิ่งโสวิ่ง!
ผู้คนรอบด้านยังคงกรีดร้องโวยวายไม่ขาดปาก หญิงสาวรู้สึกตัวว่าหล่อนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซ้ายก็เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษา ขวาก็เด็กหนุ่มในชุดเสื้อชอป
แล้วหล่อนล่ะ...ตามพวกมันมาทำไม! คิดได้ดังนั้นโสรยาจึงหยุดชะงัก หันมองรอบ ๆ ก็ปรากฏว่าหลงเข้ามาในซอยเปลี่ยวเสียแล้ว เด็กช่างกลุ่มนั้นก็วิ่งโห่ร้องผ่านหล่อนไปเหมือนไม่มีตัวตน
หญิงสาวกำลังมองหาทางออกเพื่อจะกลับไปยังจุดเดิม แต่ตอนนี้หล่อนเหนื่อยจนแทบจะหอบเป็นเลือดอยู่แล้ว เหงื่อไหลซ่กเปียกชื้นไปทั่วทั้งตัว
แต่เอาเถอะ...อย่างน้อย ๆ ก็ปลอดภัย เด็กเปรตพวกนั้นไปไกลแล้ว
“มายืนทำอะไรตรงนี้วะ!”
“อะไร...” หล่อนหันหลังไปมองตามเสียงอย่างงง ๆ แล้วก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อ...กลุ่มนักศึกษาช่างที่ในมือมีทั้งมีด ไม้ อุปกรณ์การเรียนที่ถูกดัดแปลงให้เป็นอาวุธพร้อมรบกรูเข้ามานับจำนวนไม่ได้จนเต็มซอย
“กรี๊ด!” หล่อนรู้สึกเหมือนเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิต ความกลัวเกาะกินจนชาวาบแปลบปลาบตัวแข็งทื่อ เคยเห็นเรื่องราวเหล่านี้แค่ในข่าว เคยรู้มาว่านักศึกษาช่างต่างสถาบันมักมีปัญหาตีรันฟันแทงกันอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมาประสบพบเหตุกับตัวเช่นนี้
“ยืนเป็นนางเอกมิวสิกอยู่ทำไมล่ะเจ้ วิ่งเร็ว!”
“ว้าย!” ขณะที่กำลังมึนงงอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดีกับชีวิต หล่อนก็ถูกใครบางคนจับมือแล้วพาลากให้ก้าวขาตามไปโดยอัตโนมัติ และเร็วขึ้นตามแรงลากจูง
“จะพาฉันไปไหน!” หล่อนรวบรวมสติแล้วตะโกนถามพลางหอบ มองคนที่ใส่เสื้อชอปสีน้ำเงินที่ยังคงลากหล่อนวิ่งลิ่ว เขาหันมองเล็กน้อยแต่ไม่ตอบ ยังคงลากให้หล่อนตามติดอย่างไม่สนสี่สนแปด ไม่ถามสักคำว่าอยากไปด้วยหรือเปล่า
“มันอยู่ตรงนั้น! เร็วสิโว้ย! ตามไปเร็ว!” เสียงโห่ร้องไล่หลังอื้ออึงไปหมด
หล่อนเริ่มน้ำตาไหล เหนื่อย กลัว อยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้จริงบนโลกนี้ เพราะหล่อนยังไม่อยากโดนลูกหลงตายเหมือนในข่าว
มีอะไรอีกมากมายต้องทำ ยังมีพี่น้อง พ่อแม่ต้องดูแล ยังมีเพื่อน ๆ ที่รอหล่อนกลับไปร่วมทีมทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
ที่สำคัญ...ยังไม่เคยมีผัวกับเขาเลย!
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง มือที่จับไว้แน่นปลดปล่อยกะทันหัน ร่างของเขาทรุดลงกองกับพื้นถนน ในขณะที่หล่อนหยุดไม่ทันวิ่งเลยไปสองสามก้าว
“นาย! นายลุกขึ้นเร็วเข้า” ไม่รู้อะไรดลจิต หรือเพราะความมึน อึน งง ทำให้หล่อนกลับไปดูเขา ปรากฏว่าเด็กหนุ่มถูกยิงที่หลังเลือดไหลเต็มตัว เขายังมีสติ แต่คงเจ็บและจุกจนไม่อาจขยับได้
“กระทืบมัน!”
“เวร_แล้วอีโส!” โสรยารีบพยุงผู้บาดเจ็บให้ลุก เขาครางด้วยความปวดร้าว แล้วหล่อนก็นั่งลงช้อนร่างใหญ่ไว้บนหลัง
อารามตกใจ หล่อนหูอื้อตาลายไปหมด รู้อย่างเดียวว่าต้องรอด ต้องไม่ตาย ชีวิตมาไกลขนาดนี้จะมาตายเพราะเด็กช่างตีกันไม่ได้ หล่อนไม่ยอม!