บทที่ 11 อุบัติเหตุและความสูญเสีย

2434 Words
หลังจากที่ไปหาหมอแล้วไม่ประสบความสำเร็จในการทำลูก แพรวพรรณก็ได้หยุดพักร่างกายไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมไปหาหมอใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ทันจะได้ไปหาหมอน้องชายของอชิระวัตรก็ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม อาการเป็นตายเท่ากัน ตอนนี้พักรักษาตัวดูอาการอยู่ในห้องไอซียู ตอนดึกของคืนนั้นแม่ของอชิระวัตรก็ได้โทรมาแจ้งข่าว พร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายเล่าเหตุการณ์ให้อชิระวัตรฟังว่า น้องชายของอชิระวัตรประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสมากในตอนนี้ "แม่ นี่มันตีสองแล้วนะครับ โทรมาดึกๆ แบบนี้มีอะไรหรือเปล่า" อชิระวัตรตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ตอนดึกเพราะได้ยินเสียงมันดังมาหลายรอบแล้ว "บาส เกิดเรื่องใหญ่แล้วลูก อือๆ คือบอสล้มมอเตอร์ไซค์ตอนนี้อาการสาหัสมาก น้องยังอยู่ให้ห้องไอซียูอยู่เลยนะลูก อือๆ บาสกลับมาบ้านตอนนี้เลยได้มั้ย แม่กับพ่อทำอะไรไม่ถูกแล้วลูก ไหนจะเรื่องค่ารักษาแม่ไม่มีเงินเลยนะ บาสต้องช่วยน้องนะลูก อือๆ..." นางมาลีพูดเล่าไปก็ร้องไห้ไปด้วย "ครับแม่ แม่ใจเย็นๆ ก่อน ผมจะกลับบ้านเลย แล้วหมอเขาบอกว่าอาการของบอสเป็นยังไงบ้าง น้องล้มรถที่ไหน ล้มเองหรือโดนชนครับแม่" อชิระวัตรถามถึงเหตุการณ์พูดให้แม่ตั้งสติใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เล่าให้เขาฟัง "ตำรวจบอกว่าดูจากที่เกิดเหตุ บอสเมาแล้วขับรถเร็วล้มเองนะลูก อาการตอนนี้สมองบวม กระดูกซี่โครงหัก3 ซี่ ปอดฉีก หมอบอกว่าอาการไม่ค่อยดีตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูนะลูก" นางมาลีเล่าลูกชายเสียงสั่นเครือแล้วร้องไห้โฮออกมาเมื่อเล่าจบ "ครับ งั้นแม่ทำใจดีๆ นะครับ รอผมเดี๋ยวผมจะขับรถกลับเลย" อชิระวัตรบอกแม่แล้ววางสาย "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่บาส บอสเป็นอะไรนะคะ แพรวฟังไม่ถนัด" แพรวพรรณตื่นขึ้นมาทันได้ยินแต่ยังไม่ทราบเหตุการณ์โดยละเอียดจึงถามสามีออกไปด้วยความเป็นห่วง "บอสล้มมอเตอร์ไซค์ เมาแล้วขับรถเร็ว ตอนนี้อาการไม่ค่อยดีอยู่ไอซียู พี่จะต้องกลับบ้านเลยนะแพรว" "แพรวเคยบอกแล้วว่าแม่พี่บาสไม่ควรซื้อมอเตอร์ไซค์แพงๆ แรงๆ แบบนั้นให้บอส เกิดอุบัติเหตุสักทีมันอันตราย แล้วเป็นไงละไม่มีใครเชื่อที่แพรวพูดเลย" แพรวพรรณพูดเท้าความขึ้นอย่างไม่ทันได้คิดอะไร "พอเถอะแพรว ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร อุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว บอสมันก็อาการไม่ดีเป็นตายเท่ากันนะ ตอนนี้สิ่งที่แพรวพอจะทำได้นอกจากการพูดคือช่วยไปเก็บเสื้อผ้าให้พี่หน่อยพี่ต้องรีบกลับบ้านไปดูน้อง" อชิระวัตรพูดว่าแพรวพรรณน้ำเสียงดูหงุดหงิด แล้วออกคำสั่งให้เมียช่วยไปเก็บเสื้อผ้าให้ด้วยท่าทีไม่พอใจที่แพรวพรรณพูดถึงเรื่องที่ล่วงเลยมาแล้ว เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังจะเอามาพูดย้ำซ้ำๆอีก "เออ แพรวขอโทษแพรวพูดไปไม่ทันได้คิดหรอกค่ะ เข้าใจแหละว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวแพรวเก็บของแล้วจะลางานด้วย กลับด้วยกันนี่แหละค่ะ แพรวจะปล่อยให้พี่บาสกลับไปคนเดียวได้ยังไง แพรวกลับด้วยจะได้ช่วยสลับกันขับรถ พี่จิตใจไม่ปกติแบบนี้แพรวเป็นห่วง" แพรวพรรณพูดจบก็ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาจากในตู้ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเสร็จล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเสร็จก็ขับรถกลับต่างจังหวัดกับอชิระวัตรทันที "ขอบใจนะแพรวที่กลับบ้านมาพร้อมพี่" อชิระวัตรที่ตอนนี้นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ แพรวพรรณเป็นคนสลับมาขับรถแทนให้เพราะอชิระวัตรไม่ค่อยมีสมาธิในการขับรถ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็แพรวเป็นภรรยาพี่บาส เราเป็นคู่ชีวิตกันยามที่พี่บาสลำบากต้องการกำลังใจ ก็ควรที่แพรวจะต้องอยู่ข้างๆ พี่นี่คะ" แพรวพรรณหันมายิ้มให้อชิระวัตรพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบมืออชิระวัตรเบาๆ อย่างต้องการให้กำลังใจ "แพรวว่าบอสจะเป็นอะไรมั้ย" อชิระวัตรพูดขึ้นสีหน้าเป็นกังวล "ถึงมือหมอแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกนะคะพี่บาสทำใจให้สบายเถอะ งีบหลับพักสักหน่อยก็ได้ เมื่อคืนก็นอนเที่ยงคืนกว่าแล้ว ตีสองก็ตื่นมา พักหลับไปสักหน่อยเถอะค่ะ แพรวขับรถต่อให้เองนะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านของเราแล้วนะ" แพรวพรรณพูดปลอบใจให้อชิระวัตรสบายใจมากขึ้น "บอสอายุยังน้อย พี่กลัวน้องจะ...." "อย่าเพิ่งคิดไปในทางที่ไม่ดีสิคะ นอนก่อนตื่นมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเชื่อแพรวนะคะ" แพรวพรรณพูดแล้วเอื้อมมือมาบีบมืออชิระวัตรเบาๆ อชิระวัตรจึงยอมนอนพักหลับตาลง แพรวพรรณขับรถมาถึงบ้านที่ต่างจังหวัดแต่ก็ไม่ได้แวะเข้าบ้านก่อนแต่อย่างใด ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดเลย มาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าแม่กับพ่อของอชิระวัตรยังนั่งอยู่ตรงหน้าห้องไอซียู "บาส ลูก มาแล้วเหรอแม่ใจจะขาดแล้ว อือๆ บาสต้องช่วยน้องให้ได้นะลูก" นางมาลีโผเข้ากอดลูกชายคนโตไว้แน่นอย่างต้องการหาที่พึ่งพิงทางใจ "แม่ใจเย็นๆ ก่อนครับ หมอเขากำลังช่วยบอสอยู่นะครับ" อชิระวัตรกอดแม่ไว้อย่างต้องการปลอบใจส่งมอบกำลังใจให้กัน แล้วหันไปสวัสดีพ่อแล้วถามพ่อแม่ว่าได้ทานข้าวกันบ้างแล้วหรือยัง "สวัสดีครับพ่อ พ่อกับแม่ทานอะไรบ้างแล้วหรือยังครับ ผมจะให้แพรวไปหาซื้อมาให้ทาน" อชิระวัตรถามด้วยความเป็นห่วง แพรวพรรณจึงอาศัยจังหวะนั้นกล่าวทักทายสวัสดีพ่อแม่สามีตามมารยาท "สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่" แพรวพรรณยกมือไหว้ทักทาย "หนูแพรวมาด้วยเหรอ พ่อไม่คิดว่าหนูจะลางานมาได้" นายมาโนชพูดถามลูกสะใภ้ "ค่ะ มาด้วยเพราะแพรวไม่อยากให้พี่บาสขับรถมาคนเดียว เขาเพิ่งได้หลับไปสองชั่วโมง แพรวกลัวว่าขับรถทางไกลคนเดียวมันจะอันตรายก็เลยตัดสินใจลางานขับรถมาให้ค่ะ ยังไงคุยกับพี่บาสไปก่อนนะคะเดี๋ยวแพรวออกไปหาซื้อของกินมาให้" แพรวพรรณพูดอธิบายแล้วขอตัวออกไปหาซื้อของกินมาให้เพราะลึกๆ ก็ไม่อยากยืนอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ "คนเจ็บคนป่วยทางกายก็เรื่องหนึ่งแต่คนป่วยพิการที่หัวใจนี่ก็หนักมาก ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไหวจริงๆ" แพรวพรรณหายไปซื้อของกินประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่หน้าห้อง ICU อีกครั้ง แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นอชิระวัตรและพ่อแม่อยู่ที่หน้าห้อง ICU แล้ว แพรวพรรณจึงสอบถามกับพยาบาลที่เดินออกมาจากห้อง ICU ว่าเห็นญาติคนป่วยเตียงนี้หรือเปล่า คำตอบที่ได้จากพยาบาลทำให้แพรวพรรณเข่าอ่อนแทบทรุด "คนไข้เสียแล้วนะคะ ญาติคนไข้ตามลงไปทำทะเบียนประวัติเพื่อนำศพผู้เสียชีวิตออกไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลให้ตามประเพณีนะคะ" พยาบาลแจ้งให้แพรวพรรณทราบ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมากจนตัวแพรวพรรณเองก็แทบจะรับไม่ได้ เมื่อคืนประสบอุบัติเหตุ มาตอนเย็นของวันนี้น้องชายของอชิระวัตรก็เสียชีวิตเสียแล้วหรือ ชีวิตนี้ช่างไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสียจริง แพรวพรรณได้เดินตามอชิระวัตรไปยังจุดที่อชิระวัตรกำลังเคลียร์ค่าใช้จ่ายและจัดการเรื่องเอกสารเพื่อนำศพของน้องชายออกจากโรงพยาบาล พ่อและแม่ของอชิระวัตรก็ยังนั่งร้องไห้เสียใจทำอะไรแทบไม่ถูก พอแพรวพรรณเดินเข้าไปแม่ของอชิระวัตรก็ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาแล้วบอกกับแพรวพรรณว่า "หนูแพรว บอสตายแล้วแม่เหลือบาสแค่คนเดียวแล้วหนูแพรว แม่ไม่น่าตามใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้บาสมันเลย แม่ผิดเอง อือๆ..." นางมาลีร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเศร้าเสียใจอาลัยในการจากไปของลูกชายอย่างไม่มีวันได้กลับมา "ทำใจดีๆ นะแม่ น้องบอสเขาไปสบายแล้ว เหลือก็แต่เรานะแม่ที่ยังต้องดิ้นรน" แพรวพรรณพูดปลอบใจแม่สามี อดที่จะน้ำตาไหลด้วยความสงสารครอบครัวของอชิระวัตรด้วยไม่ได้ "แม่ทำใจไม่ได้หนูแพรว ลูกแม่ต้องมาจากไปแบบนี้แล้วแม่จะอยู่กับใคร บาสก็ต้องทำงานอยู่ไกลแม่ อือๆ แม่อยากให้บอสฟื้นขึ้นมาอยู่กับแม่ อือๆ ถ้าแม่รู้ว่าไอ้มอเตอร์ไซค์ที่แม่ซื้อให้เพราะความรักลูกมันจะเป็นตัวการมาพรากลูกไป แม่จะเชื่อหนูแพรวไม่เอาเงินของบาสมาซื้อรถให้บอสเด็ดขาด อือๆ....." นางมาลีร้องไห้ฟูมฟาย "เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วนะแม่ เสียใจตอนนี้ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว แม่ทำจิตทำใจเถอะนะคะ แพรวว่าแม่ต้องตั้งสติแล้วคิดจัดงานบำเพ็ญกุศลศพให้น้อง ทำบุญให้น้อง เขาจะได้นำบุญนั้นไปสู่ภพภูมิที่ดี ยิ่งแม่ร้องไห้อาวรณ์เขาและกล่าวโทษตัวเองแบบนี้วิญญาณน้องบอสเขาจะไปไม่สบายมีบ่วงรัดเขาไว้ให้ไปไหนไม่ได้นะคะแม่" แพรวพรรณกอดปลอบแม่สามีแล้วพูดให้สติ "ขอบใจนะหนูแพรว ที่ปลอบใจแม่ แม่คงต้องคุยปรึกษากับพ่อเรื่องงานศพน้อง" นางมาลีจับมือแพรวพรรณเอาไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ลูกสะใภ้พูดปลอบใจตัวเอง งานศพของอชิระวิทย์ได้จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ซึ่งในส่วนของเงินจัดงานร่วมสองแสนบาทอชิระวัตรและแพรวพรรณได้เป็นคนจัดการออกแทนให้พ่อกับแม่ไปก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ทำเพื่อน้องชายจัดงานให้สมเกียรติคนตายในวาระสุดท้าย แต่หลังจากเสร็จงานศพแล้วเงินช่วยงานศพทั้งหมดพ่อของอชิระวัตรกลับเก็บเอาไว้เองทั้งหมด ไม่ยอมมอบคืนให้อชิระวัตรหรือแบ่งทำบุญแต่อย่างใดทำให้แพรวพรรณทนไม่ไหวต้องพูดออกมา "พ่อค่ะ เงินช่วยงานที่ญาติๆ และแขกมาทำบุญพ่อกับแม่เก็บไว้เองทั้งหมดเลย แพรวว่าพ่อกับแม่น่าจะแบ่งส่วนหนึ่งทำบุญ อีกส่วนหนึ่งแม่ก็ควรจะคืนพี่บาสกับแพรวบ้าง อย่างน้อยสักแสนหรือแสนห้า ห้าหมื่นนั้นแพรวกับพี่บาสจะถือเสียว่าทำบุญให้น้องบอสไป คือแพรวว่าเราสองคนทำบุญสองแสนให้น้องมันมากไปนะคะแม่" แพรวพรรณพูดขึ้นหลังจากทำพิธีดับธาตุ (เหมือนกับการทำพิธีเก็บเถ้ากระดูกลอยอังคารทางภาคกลาง) "เงินช่วยงานพ่อกับแม่ได้มาไม่เยอะมากหรอก ตั้งใจว่าจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้เพื่อปิดค่างวดมอเตอร์ไซค์ให้บอส แล้วก็เอาส่วนหนึ่งมาซ่อมรถที่พัง แม่อยากเก็บรถคันนี้ไว้ดูต่างหน้าบอส เงินสองแสนไม่ได้เยอะมากสำหรับหนูแพรวเลยนะ ทำงานไม่กี่เดือนก็เก็บเงินได้แล้ว" นางมาลีพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา "แม่ มันเยอะค่ะ เงินสองแสนมันเยอะมาก แพรวกับพี่บาสจำเป็นต้องใช้เงินเหมือนกัน แพรวต้องเก็บเงินไปทำลูกนะแม่" แพรวพรรณพูดขึ้นเสียงใส่แม่สามีอย่างรู้สึกเหลือจะทนแล้วจริงๆ "หนูแพรวอยากไปทำลูก นี่ไงก็ถือโอกาสนี้ทำบุญ แม่เสียลูกชายไปทั้งคนนะหนูแพรว เงินนี่แม่ขอเถอะแม่อยากจัดการเรื่องรถของบาสให้เสร็จเรียบร้อย" "พอเถอะแม่ แพรวด้วย บาสเพิ่งจะตายไปมาเถียงมาทะเลาะกันเรื่องเงินทำบุญทำไม แม่เองก็ควรเอาบางส่วนมาคืนผมกับแพรวบ้าง เราสองคนเป็นคนออกเงินจัดงานให้น้องทั้งหมดนะแม่" อชิระวัตรพูดว่าแม่ของตนด้วยน้ำเสียงหนักใจ "จะเอาอะไรล่ะบาส ก็แม่บอกว่ามันไม่เหลือพอที่จะคืนบาส แม่มีค่างวดรถต้องปิดให้บอส และไหนจะต้องซ่อมรถให้น้องด้วย" "แล้วแม่จะซ่อมทำไม คนก็ไม่อยู่แล้ว ที่ค้างค่างวดก็ให้เขาเอาซากไปซ่อมเอง ประกันมันจัดการกันเองนะแม่ แพรวเริ่มไม่ไหวกับความคิดเพี้ยนๆ ของแม่แล้วนะคะ ครั้งนี้ถ้าแพรวไม่ได้เงินสองแสนค่าจัดงานศพคืนแพรวจะไม่ทนกับพ่อแม่อีกต่อไป" แพรวพรรณพูดเสร็จก็ขึ้นรถขับกลับไปบ้านของตนเองทันที เพราะถ้าขืนอยู่ต่อต้องได้มีการพูดว่าแม่อชิระวัตรแรงกว่านี้แน่ ๆ และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป พ่อกับแม่ของอชิระวัตรก็ไม่ยอมคืนเงินส่วนนั้น อชิระวัตรเองก็อยากได้คืนแต่ก็จนใจไม่รู้จะพูดยังไงไหว ได้แต่เก็บความอัดอั้นตันใจเอาไว้ กับพ่อแม่ก็ว่าไม่ได้ น้องก็เพิ่งตายจากไป พ่อแม่ก็เศร้าโศกแต่เรื่องเงินก็ไม่ยอมคืน แพรวพรรณเองก็หมดซึ่งความอดทนกับพ่อแม่ของอชิระวัตรแล้ว ไม่ยอมพูดถึงพ่อแม่ของอชิระวัตรเลยด้วยซ้ำ แสดงออกชัดเจนว่าไม่เอาแล้ว เป็นเส้นขนานต่อกันต่างคนต่างอยู่ ความลำบากใจจึงตกอยู่กับอชิระวัตร พักหลังอชิระวัตรก็เก็บความกดดันและความเครียดไว้คนเดียวเยอะมาก ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายค่าผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตัวเอง ของพ่อแม่ที่ตอนนี้ไม่ทำงานทำการแล้วพ่อหยุดรับงาน แม่ของเขาก็เริ่มมีอาการของคนป่วยซึมเศร้าทำให้อชิระวัตรหนักใจต้องพยายามที่จะหาทางออกด้วยตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD