บทที่ 9 เจอเพื่อน เม้ามอย อัฟเดตชีวิตสามปีให้หลัง

1916 Words
หลังจากแต่งงานกันได้สามปีอชิระวัตรกับแพรวพรรณก็เริ่มสร้างฐานะครอบครัวเป็นรูปร่างมั่นคงมากขึ้น จึงมีการวางแผนว่าอยากจะมีลูกกันสักคน ช่วงสงกรานต์ปีนี้แพรวพรรณและเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพก็ได้กลับบ้านต่างจังหวัดกัน แล้วก็ได้นัดรวมตัวกันไปกินข้าวนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนรัก  "แพรว นี่แกกับพี่บาสก็แต่งงานกันมานานแล้วนะ ไม่คิดจะมีลูกกันบ้างเหรอ" พรวลัยซึ่งทำงานเป็นนักวิชาการอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังในตอนนี้ถามเพื่อนสาวขึ้นด้วยท่าทียิ้มแย้ม "พยายามกันอยู่นะแต่ยังไม่มีวี่แววเลย ว่าแต่น้ำตาลเถอะเมื่อไหร่จะแต่งกับพี่พงศ์ คบกันมาก็หลายปีแล้วนะ บ้านก็ซื้ออยู่ด้วยกันแล้ว" แพรวพรรณบอกเพื่อนแล้วถามถึงเรื่องแต่งงานของเพื่อนด้วย พรวลัยนั้นอยู่กับพงศกรก่อนแต่งซื้อบ้านหลังใหญ่อยู่ด้วยกันแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน "ยังไม่รู้เลย พี่พงศ์เขาบ้างานจะตาย คนบ้าวิชาการน่ะ ไหนจะงานสอน งานวิจัย นี่ก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำตัวน่าเบื่อจะตายไป ตายด้านด้วยฉันน่ะโคตรเบื่อเขาเลย" พรวลัยเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนฟัง ตั้งแต่อยู่กับพงศกรมา ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันกับเขาแล้ว เดือนหนึ่งได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน พงศกรเดินทางบ่อยแทบจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับพรวลัยเลยด้วยซ้ำ ทางบ้านของพงศกรเองก็ไม่ชอบในตัวของพรวลัยเพราะแม่ของพงศกรรู้เรื่องที่พรวลัยเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน จึงตั้งป้อมรังเกียจพรวลัยเป็นอย่างมาก "เออน่า แกก็ใจเย็นๆเถอะ ถึงพี่พงศ์จะตายด้านไม่ค่อยได้เอากับแกแต่พี่พงศ์ก็สายเปย์ ซื้อบ้านซื้อรถให้แกนะเว้ย" ปานชีวาเพื่อนของแพรวพรรณที่เพิ่งแต่งงานไปกับแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมานานพูดขึ้น "แกก็พูดได้นี่นางป่าน ก็แม่ผัวแกแม่พี่เอกเขารักแกจะตาย แม่พี่พงศ์เขาเกลียดฉันยังกับกิ้งกือไส้เดือน หาว่าฉันเคยมีแฟนเคยมีผัวมาก่อน ทำราวกับว่าลูกชายตัวเองบริสุทธิ์ไม่เคยเอากับใครมาก่อนยังงั้นแหละ" พรวลัยพูดว่าปานชีวาพร้อมกับเล่าเรื่องแม่ผัวของตัวเองให้ฟังอย่างนึกเหนื่อยใจ "แม่พี่เอกเขาเป็นแม่ค้าทำมาหากิน ฉันช่วยเขาขายของ คิดหาเงินเก่งเขาก็เลยรักฉัน อีกอย่างแม่พี่เอกเขาคงเห็นว่าฉันไม่มีพ่อ ครอบครัวแตกแยกเขาเลยสงสารฉันมั้งวะแก แต่เอาจริงๆ นะเว้ยแก พี่เอกเป็นคนหัวอ่อนเชื่อแม่หมด แม่จัดการชีวิตให้หมด เงินที่หามาได้ก็ต้องเข้ากองกลาง จะซื้อจะทำอะไรสักทีก็ต้องเบิกเงินกองกลาง เหมือนกงสีคนจีนทั่วไปนั่นแหละ กว่าฉันจะรวยจะขยับหยิบจับอะไรได้ก็คงต้องรอให้แม่พี่เอกตายก่อน" ปานชีวาพูดเล่าความคับข้องใจของตัวเองให้เพื่อนฟังบ้าง ว่าหลังจากที่แต่งงานไปได้ไม่นานนักตนเองนั่นต้องเจอกับอะไรบ้าง "เออมันก็เรื่องเดิม ๆ ปัญหาโลกแตกแหละวะ เรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้ว่ะนังป่าน แกยังดีกว่าฉันนะเว้ย แม่ผัวแกยังทำมาหากินเก็บเงินเก็บทอง เก็บไว้ก็เอาไว้ให้ลูกชายเขานั่นแหละ อย่างมากก็แค่แบ่งครึ่งกับน้องสาวพี่เอกเขา แม่ผัวฉันนี่สิไม่ได้หา ไม่ให้ ไม่สร้างอะไรเลยแต่เสือกขอเดือนละสามรอบเป็นอย่างน้อย นี่ฉันยังคิดเลยนะว่าชาติก่อนเขาเป็นปลิงในปลักควายหรือเปล่า แม่งดูดเลือด กัดกินลูกชาย แต่ละเดือนมีมันมาได้ทุกค่า ค่าผ่อนรถ ค่าซ่อมรถน้องชาย ค่ากินค่าอยู่ ค่าช่วยงานงานศพยังโทรมาขอเงินพี่บาสเลย เป็นไงล่ะฟังเรื่องแม่ผัวฉันแล้วแม่ผัวแก Soft ไปเลยมั้ยนังป่าน" แพรวพรรณพูดเล่าเรื่องของตัวเองอย่างรู้สึกอัดอั้นตันใจ "พอๆ ขอจบเรื่องแม่ผัวนังป่าน แม่ผัวนังแพรว แล้วก็ว่าที่แม่ผัวนังน้ำตาลก่อน ฉันไม่ไหวแล้วไมเกรนจะแดกแทนพวกแก มาฟังเรื่องของยายกัลยาคนไม่มีผัวบ้างดีกว่า เป็นไงบ้างเล่าเพื่อนมา แฟนเด็กรุ่นน้องคนนั้นที่มาฝึกงานที่แกเป็นยังไงบ้างเล่ามา" พิมพ์ฝันถามเพื่อน "ก็คุยๆ เรื่อย ๆ ไวน์เขายังเด็ก เรื่องของฉันมันจึงยังไม่มั่นคงอะไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานหรอก ต้องรอให้เขาได้ทำงานตั้งตัวได้ก่อนนะ หรือไม่พอมันตั้งตัวได้มันก็อาจจะเข้าป่ามีเมียไป ใครมันจะมาจริงใจกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าวะ ว่าแต่แกเถอะนังพิมพ์จะแต่งงานอยู่เดือนหน้าแล้วเตรียมตัวพร้อมหรือยัง" สิริกัลยาบอกเพื่อนตามความจริงไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แล้วก็ถามพิมพ์ฝันเรื่องงานแต่งงานของเพื่อนกับกฤษณะด้วย "พร้อมเรื่องอะไรละ ถ้าเรื่องการ์ดเชิญ ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว ฉันเป็นคนจัดการพร้อม พร้อมแม้กระทั่งเงินสินสอดมาขอตัวเองเลยด้วยนังกัลยา" พิมพ์ฝันบอกเพื่อนน้ำเสียงเซ็งๆ "อ้าว แล้วค่าสินสอดเจ้าบ่าวไม่ออกเองเหรอวะ" ปานชีวาถามเพื่อน "จริงๆ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ แต่ผัวฉันมันจะเอามาจากไหน งานการก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เดือนชนเดือนมีแต่หนี้บัตรเครดิต มันดีแต่สำอางห่วงหล่อของมันไปวันๆ นั่นแหละ" พิมพ์ฝันพูดบอกเพื่อนๆ น้ำเสียงเซ็งมาก "อ้าว ถ้าพี่กฤษมันแย่ขนาดนั้นแล้วแกจะไปแต่งงานกับมันทำไม ไม่รอให้มันตั้งหลักเก็บเงินเก็บทองได้ก่อนละวะ" สิริกัลยาถามขึ้นด้วยความสงสัยและรู้สึกหนักใจแทนเพื่อนของตัวเองเหมือนกัน "ก็ฉันอยากแต่งไงนังกัลยา คนมันมีปมเคยมีผัวแล้วโดนผัวทิ้งต้องทำแท้งมา ฉันไม่อยากโดนทิ้งอีก ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว ก็อยู่กับพี่กฤษก่อนแต่งมาตั้งหลายปีแล้ว ลองให้โอกาสมันสร้างตัวดูมานานแล้วมันทำได้แค่นี้แหละ ไหน ๆ ก็อยู่กินกันมานานแล้วอยากแต่งงานใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ถ่ายรูปเหมือนนังแพรวกับนังป่านมันบ้างก็แค่นั้น" พิมพ์ฝันตอบสิริกัลยาออกไปตามที่ใจคิดทุกอย่างไม่ได้ปิดบังเพื่อนแต่อย่างใด "อือ ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน" สิริกัลยาพูดแล้วส่ายหน้าเบาๆ "เออ ชีวิตอะนะ แต่จะว่าไปชีวิตของพวกเราทั้งห้าคน ดูเหมือนชีวิตนังแพรวมันจะดีสุดเลยเนอะว่าป่าวนังกัลยา" พิมพ์ฝันพูดขึ้น "บ้า ดียังไงฉันนี่ทำงานยังกับรถไถนาพลังงานควายคูณสี่แรงอีกนะ งานนอกบ้านก็ต้องทำ งานในบ้านก็ต้องทำเอง แต่ละวันฉันแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ไหนจะเรื่องที่มีแม่ผัวเกาะเป็นปลิงกลับชาติมาเกิดอีก ดียังไงของพวกแกกันวะ" แพรวพรรณพูดเถียงขึ้นทันที "ชีวิตดีไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นชีวิตที่ไม่เหนื่อย ไม่ต้องทำงานนะเว้ยแพรว อย่างน้อยที่สุดนะแกกับพี่บาสผัวของแกก็มีความรักที่มั่นคงต่อกัน รอได้คอยได้ พี่บาสเขาให้เกียรติแกเก็บเงินไปขอแกแต่งงาน เรื่องแม่ผัวแก แกก็มองข้ามๆ ไปบ้างเถอะ เขาแก่แล้วอีกหน่อยก็ตายแล้วมั้ยวะ แกดูอย่างชีวิตฉันสินี่เก็บเงินไปขอผัวแต่งงานนะเว้ย" พิมพ์ฝันพูดให้เพื่อนได้คิด "บ้า ไม่หรอกฉันว่าชีวิตยายน้ำตาลอะดี สบายจะตาย งานบ้านก็ไม่ต้องทำพี่พงศ์จ้างแม่บ้านมาค่อยดูแลให้ บ้านก็ซื้อให้อยู่ รถก็ซื้อให้ขับ สบายจะตาย นี่ยังไม่ทันจะได้แต่งงานยังรักยังหลงเมียขนาดนี้ลองถ้าได้แต่งงานกันนะ สมบัติมีเท่าไหร่ก็คงทูลเกล้าฯ ทูนหัวถวายนังน้ำตาลมันหมดนั่นแหละ" แพรวพรรณพูดชื่นชมชีวิตของน้ำตาล อยากสบายมีผัวเลี้ยง ดูแลดีแบบน้ำตาลบ้าง "แต่ฉันเคยมีผัวมาก่อนไง แม่ผัวฉันเลยไม่ชอบ ลองถ้าได้ผู้หญิงเรียบร้อยไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนเสียตัวให้ลูกเขาในวันเข้าหอแบบแกนะนังแพรว แม่พี่พงศ์เขาก็คงจะชอบฉันขึ้นมาบ้าง ที่ลำบากอยู่ตอนนี้ก็เรื่องแม่ผัวเกลียดกับผัวไม่ค่อยมีเวลาทำการบ้านมัวแต่สอนหนังสือนี่แหละแก" พรวลัยพูดขึ้นพร้อมกับกลอกตาบนอย่างรู้สึกหนักอกหนักใจ "เอาน่าพวกแก นี่แหละที่เขาเรียกชีวิตมนุษย์ มันก็ต้องมีแบบว่าสุกๆ ดิบๆ แบบนี้แหละไม่มีใครสมหวัง มีความสุขสมใจสมหวังกับทุกเรื่องหรอกนะ เอางี้ คิดเสียว่าพวกแกสี่คนมีผัวเป็นตัวเป็นตนได้แต่งและรอแต่ง แต่ฉันนี่สิยังไม่เห็นอนาคตว่าจะได้แต่งกับเขาเลยนะ พวกแกก็ทำใจให้ปลงกันเสียบ้างเถอะ" สิริกัลยาพูดขึ้น "จ้าแม่ชีกัลยา ว่าแต่ว่าเข้าพรรษานี้แกจะกลับบ้านมาบวชชีปฏิบัติธรรมอีกหรือเปล่าวะกัลยา" พรวลัยถามเพื่อน "ปีนี้หมดวันลาพักร้อนว่ะ ไม่บวชชีตอนเข้าพรรษาแต่ก็คงหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมบ้างวันสองวันช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์" สิริกัลยาบอกเพื่อนยิ้มๆ ตามประสาคนซื่อจิตใจดีงาม "แพรวแกกลับบ้านมาคราวนี้พี่บาสไม่กลับมาด้วยหรือ ปกติตัวติดกันตลอดแต่วันนี้ปล่อยเมียขับรถมากินข้าวกับเพื่อนเองไม่มาส่งด้วย" พิมพ์ขวัญถามขึ้นด้วยความสงสัย "กลับมาจากกรุงเทพพร้อมกัน แต่วันนี้พี่บาสเขาจะเข้าไปค้างกับพ่อแม่ที่บ้านของเขา ฉันไม่อยากไปบ้านพี่บาสเลยบอกพี่บาสว่าฉันมีนัดอยู่คุยกับพวกแกจนค่ำ ตอนค่ำพี่บาสก็มีนัดสังสรรค์กับเพื่อนเขา พี่บาสชวนฉันไปด้วยนั่นแหละแต่พอเจอเพื่อนเขาเสร็จตอนค่ำจะเข้าไปนอนบ้านเขา ฉันเลยบ่ายเบี่ยงบอกพี่บาสไปว่ามาหาพวกแก ให้พี่บาสไปสังสรรค์กับเพื่อนเขาตามสบาย จริงๆ ก็อยากตามพี่บาสไปหาเพื่อนๆ เขานะ แต่ฉันไม่อยากไปนอนบ้านพี่บาส มันtoxins เวลาอยู่ใกล้พ่อแม่พี่บาสเขาน่ะ" แพรวพรรณพูดเล่า "แลดูว่าแกจะเกลียดพ่อแม่พี่บาสเอามากๆ เลยเหมือนกันนะนังแพรว" พรวลัยถามขึ้น "ไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียด แต่ฉันรังเกียจ อยู่ใกล้แล้วได้รับแต่พลังงานลบ คนบ้าอะไรวะ เจอหน้ากันคิดถึงกันเป็นอยู่เรื่องเดียว คิดแต่จะกดเงินจากลูก คนบ้าอะไรยังกะปลิงดูดเลือด" แพรวพรรณด่าแม่สามีออกไปแรงๆ อย่างเหลืออด เหลือทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD